จีนแซงอเมริกา 5 ปีซ้อน มีจำนวนบริษัทติดอันดับ Fortune Global 500

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จีนแซงอเมริกา 5 ปีซ้อน มีจำนวนบริษัทติดอันดับ Fortune Global 500

Date Time: 2 ส.ค. 2566 21:10 น.

Video

บัญชีม้า เกลื่อนเมือง คนไทยอยู่อย่างไร ใครต้องรับผิดชอบ ? | Money Issue

Summary

  • Fortune นิตยสารระดับโลก จัดอันดับของฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500™) ซึ่งเป็นการจัดอันดับประจำปีของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งทั่วโลกโดยวัดจากรายได้รวม พิจารณาตามรายได้ในปีงบประมาณ 2022 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2023) โดยในปีนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายบริษัทเผชิญการปรับตัวท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจ แม้กระทั่งบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็อาจถูกสั่นคลอน และลงจากตำแหน่งได้

Latest


สก็อต เดอคาร์โล บรรณาธิการการจัดอันดับของฟอร์จูน (Fortune) เปิดเผยว่า บริษัทที่อยู่ในรายชื่อปีนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของผลดำเนินการในปี 2565 โดยมีรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ และในบางกรณีก็เป็นผลกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ สำหรับสัดส่วนบริษัทในปีนี้ จีนและสหรัฐอเมริกายังครองสัดส่วนสูงสุด โดยบริษัทจีนจำนวน 142 บริษัท บริษัทสหรัฐฯ 136 บริษัท บริษัทญี่ปุ่น 41 บริษัท บริษัทเยอรมัน 30 บริษัท และบริษัทฝรั่งเศส 24 บริษัท และอื่นๆ 127 บริษัท 

10 อันดับสูงสุดของฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500) ประจำปี 2023

1. วอลมาร์ต (Walmart) (สหรัฐอเมริกา)

2. ซาอุดี อารามโค (Saudi Aramco) (ซาอุดีอาระเบีย)

3. สเตท กริด (State Grid) (จีน)

4. แอมะซอนดอทคอม (Amazon.com) (สหรัฐอเมริกา)

5. ไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม (China National Petroleum) (จีน)

6. ซิโนเปก (Sinopec) (จีน)

7. เอ็กซ์ซอน โมบิล (Exxon Mobil) (สหรัฐอเมริกา)

8. แอปเปิล (Apple) (สหรัฐอเมริกา)

9. เชลล์ (Shell) (อังกฤษ)

10. ยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group) (สหรัฐอเมริกา)

 ความน่าสนใจในการจัดอันดับปีนี้  Walmart ผู้ค้าปลีกวอลมาร์ตสหรัฐฯ คือ บริษัทอันดับสูงสุด ได้รับการจัดให้เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามรายได้ในปีงบประมาณ 2022 ครองอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน และนับเป็นครั้งที่ 18 ตั้งแต่ปี 1995 

สำหรับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียังคงเป็นภาคส่วนที่เข้มแข็งและทำกำไรได้ เมื่อรวมกันแล้วทั้ง Apple, Alphabet, Microsoft มีรายได้สุทธิทั้งหมด 2.33 แสนล้านดอลลาร์ โดยที่ Apple (อันดับที่ 8) มีกำไรเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจากบริษัทสหรัฐฯ เพียงบริษัทเดียว  

ความเข้มแข็งของภาคส่วนพลังงาน

Saudi Aramco (อันดับที่ 2) ได้รับประโยชน์จากราคาพลังงานที่ทะยานสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมทั้งยังผลักดันให้ Exxon Mobil (อันดับที่ 7) และ Shell (อันดับที่ 9) กลับมาติด 10 อันดับสูงสุดตามรายได้ ในแง่ของกำไร Saudi Aramco มีกำไร 1.59 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในกลุ่มบริษัทที่เคยติดอันดับในฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500)  

บริษัทจากจีนเติบโตอย่างโดดเด่น

บริษัทจากจีนทั้งหมด 142 บริษัท (นับรวมบริษัททั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน) บริษัทจีนติดอันดับมากกว่าบริษัทจากสหรัฐฯ เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยปีนี้ทำรายได้รวม 11.7 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามแม้จะมีจำนวนติดอันดับมากกว่า แต่บริษัทจากสหรัฐฯ ทั้งหมด 136 บริษัท สามารถทำรายได้รวมกว่า 13 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและกฎระเบียบที่เข้มงวดจากข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิดในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ส่งผลเสียต่อรายได้ของบริษัทที่ติดต่อกับผู้บริโภคโดยตรง เช่น Alibaba (อันดับที่ 68), Tencent (อันดับที่ 147) และ JD.com (อันดับที่ 52)

ภาคธนาคารใหญ่ของจีนที่ติดอันดับ ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ICBC (อันดับที่ 28) China Construction Bank (อันดับที่ 29) Agricultural Bank of China (อันดับที่ 32) Bank of China (อันดับที่ 49) สร้างกำไร 1.74 แสนล้านดอลลาร์ และแต่ละแห่งมีสินทรัพย์อย่างน้อย 4 ล้านล้านดอลลาร์ในงบดุลของตนเอง 

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทรายใหม่จากจีนที่ติดอันดับเป็นครั้งแรก ได้แก่ Contemporary Amperex Technology (อันดับที่ 292) และ Meituan (อันดับที่ 467)


 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์