TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1860 โดย เอดูอารค์ ฮอยเออร์ (Edouard Heuer) มีความโดดเด่นในด้านประสิทธิภาพของการจับเวลาที่มีความแม่นยำสูง โดยฮอยเออร์สามารถผลิตนาฬิกาที่สามารถจับเวลาได้ละเอียดถึง 1/100 วินาที เป็นรายแรกของโลก พร้อมทั้งมีการจดสิทธิบัตรมากมายในแง่ของการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และได้เป็นผู้จับเวลาของการแข่งขัน Formula 1 ชิงแชมป์โลกอย่างเป็นทางการ จนสามารถก้าวขึ้นสู่ นาฬิกาสปอร์ตแบรนด์ชั้นนำของโลกได้ในที่สุด
ต่อมาปี 1999 กลุ่ม LVMH ได้เข้าซื้อหุ้นเกือบ 100% ของ TAG Heuer เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เพื่อเติมเต็มพอร์ตให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่มีแบรนด์นาฬิกาในมืออยู่แล้วได้แก่ Zenith, Ebel Chaumet, Benedom และ Fred
และเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา TAG Heuer ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนสำคัญโดย เฟรเดอริก อาโนลด์ (Frédéric Arnault) ทายาทของ Bernard Arnault ผู้เป็นเจ้าของ LVMH มหาเศรษฐีเบอร์ต้นของโลก เข้ามารับตำแหน่ง CEO ด้วยอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น (ปัจจุบันเขาอายุ 28 ปี)
ก่อนจะรับตำแหน่งสำคัญ เฟรเดอริก ได้เข้ามาร่วมงานกับ TAG Heuer ตั้งแต่ปี 2017 แล้ว ในตำแหน่ง Head of connected technologies เป็นเวลา 1 ปี จากนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Strategy and Digital Director เป็นเวลาเกือบ 2 ปี
โดยหลังจากที่เขารับตำแหน่ง CEO นั้น เขาได้วางแนวทางสร้างการเติบโตให้กับ TAG Heuer โดยผสมผสานความคลาสสิกที่เติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตามความโดดเด่นของ TAG Heuer มาตั้งแต่อดีต
เฟรเดอริก วางกลยุทธ์ให้ TAG Heuer สามารถนำเสนอนาฬิกา Carrera Plasma รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันราคาแพงกว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 17.6 ล้านบาท ควบคู่ไปกับนาฬิการะดับเริ่มต้นที่ให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ อย่างรุ่น Formula One ราคา 1,450 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 50,000 บาท
นอกจากนี้ตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่ง CEO ก็ได้มีการปรับกลยุทธ์หน้าร้าน โดยลดจุดจำหน่ายจาก 4,000 แห่ง เหลือเพียง 2,500 แห่ง จากนั้นเขาเพิ่มจำนวนร้านบูติกที่ขายเฉพาะ TAG Heuer ขึ้นแทน เพื่อยกระดับตำแหน่งของแบรนด์ให้นาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่ออกมามีราคาสูงขึ้น
อีกทั้งเขายังได้ใช้กลยุทธ์เดียวกับ Bernard Arnault ผู้เป็นบิดาในการยกให้จีนกลายเป็นตลาดสำคัญ โดยตั้งเป้าจะเปิดสาขาในจีนปีละ 5 แห่ง
นับตั้งแต่ เฟรเดอริก เข้ามาบริหาร TAG Heuer มีความเคลื่อนไหวหลายครั้ง เพื่อพยายามเปลี่ยน Position ของแบรนด์ในอนาคต โดยการมุ่งเน้นไปที่ตลาด SmartWatch
ที่ผ่านมาได้ลงนามความร่วมมือใหม่กับปอร์เช่ ออกนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชันรุ่นใหม่ เช่น นาฬิกา TAG Heuer Connected x Super Mario Limited Edition ซึ่งก็เป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนในทิศทางที่ TAG Heuer กำลังจะมุ่งไป
อย่างไรก็ตาม 1 ปีหลังจากที่เฟรเดอริกเข้ามาบริหาร บริษัทมียอดขายในปี 2021 ของ TAG Heuer อยู่ที่ 857 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 2.8 หมื่นล้านบาท และอยู่ในอันดับที่ 9 ของวงการ และตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง CEO เขาตั้งเป้าหมายจะนำพาแบรนด์ไต่ขึ้นอันดับ 4 ของวงการนาฬิกาสวิสให้ได้.
อ้างอิง montrespubliques, barchart