LVMH ทำเงินอย่างไร ? ถึงเป็นอาณาจักรแบรนด์หรูที่ทรงอิทธิพลสุดในโลก

Business & Marketing

Corporates

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

LVMH ทำเงินอย่างไร ? ถึงเป็นอาณาจักรแบรนด์หรูที่ทรงอิทธิพลสุดในโลก

Date Time: 3 มิ.ย. 2566 17:46 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) ผู้นำคนสำคัญของ LVMH Group ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้สร้างความมั่งคั่งจาก ‘การสร้างรสนิยม’ ขยายอาณาจักรแบรนด์หรูด้วยการเข้าซื้อหุ้นแบรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโตและไปได้ดี โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาสามารถกวาดรายได้ไปกว่า 8.4 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท และกำไรอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 7.8 แสนล้านบาท

Latest


LVMH (Moet Hennessy Louis Vuitton SE) อาณาจักรแบรนด์หรูที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก บริษัทมหาชนจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันมี เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) เป็นผู้นำคนสำคัญ โดยเขาได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้สร้างความมั่งคั่งจาก ‘การสร้างรสนิยม’ และวิธีการทำธุรกิจของเขาที่ทำให้ LVMH ทรงอิทธิพลขนาดนี้ คือ การเข้าไปซื้อหุ้นแบรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโตและไปได้ดี 

โดยผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา LVMH Group สามารถกวาดรายได้ไปกว่า 8.4 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ  3 ล้านล้านบาท และกำไรอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 7.8 แสนล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ 6  กลุ่ม ดังนี้ 

สินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง  4.11 หมื่นล้านเหรียญ (48.81%) ตัวอย่างแบรนด์ Louis Vuitton, Christian Dior Couture, Fendi, Loro Piana, Céline, Kenzo, Loewe, Givenchy, Berluti, Marc Jacobs และอีกมากมาย

ร้านค้าปลีก 1.57  หมื่นล้านเหรียญ  (18.76%) ตัวอย่างแบรนด์ Sephora, Le Bon Marché, DFS และ Starboard Cruise Services

นาฬิกาและเครื่องประดับ 1.12 หมื่นล้านเหรียญ (13.36%) ตัวอย่างแบรนด์ Bvlgari, Tiffany & Co, Hublot, Zenith, Chaumet, Fred, De Beers, Tag  Heuer และอีกมากมาย 

น้ำหอมและเครื่องสำอาง 8.2  พันล้านเหรียญ (9.75%) ตัวอย่างแบรนด์ Parfums Christian Dior, Guerlain, Kenzo Parfums, Benefit Cosmetics, Fenty Beauty, Fresh, Make up For ever, Stella, Maison Francis Kurkdjian และอีกมากมาย

ไวน์และสุรา 7.4 พันล้านเหรียญ (8.97% ) ตัวอย่างแบรนด์ Moët & Chandon, Dom Pérignon, Mercier, Ruinart, Veuve Clicquot, Krug Estates & Wines, Chandon, Hennessy และอีกมากมาย

อื่นๆ 299 ล้านเหรียญ (0.35%)

จากรายได้กำไรขนาดนี้ทำให้ในปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทของ LVMH พุ่งสูงขึ้นจนทำให้ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ กลายเป็นบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกแซงหน้าอีลอน มัสก์ (แม้ปัจจุบันจะถูกแซงกลับแล้วก็ตาม) โดยข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index ได้ประเมินความมั่งคั่งของเขา ณ ช่วงเวลานั้นอยู่ที่เกือบ 212,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ขณะที่สัดส่วนรายได้ตามภูมิภาคตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ LVMH คือ เอเชีย โดยในปีที่ผ่านมาถ้าหากไม่นับรวมญี่ปุ่นก็กินส่วนแบ่งไปกว่า 30% ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา 27% ยุโรป 16% ฝรั่งเศส 8% ญี่ปุ่น 7% และอื่นๆ รวมกัน 12% 

โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของ LVMH คือ การกลับมาเปิดประเทศของจีน ที่ได้กระตุ้นการเติบโตของสินค้าแบรนด์หรู สำหรับกลยุทธ์ของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ได้มองมุมกลับ คือ จากที่ประเทศอื่นต้องซื้อของที่จีนผลิต แต่เขากลับผลิตสินค้าที่ขายให้จีน ซึ่งเขาได้เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2550 ไว้ว่า จีนกำลังจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งอย่างชัดเจน รวมถึงมีศักยภาพในการเติบโตสูงด้วย ด้วยจำนวนประชากร และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น คนจีนมีความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะสิ่งเหล่านี้มันแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ในจีน ความหรูหราที่คนจีนต้องการคือ ของคุณภาพสูงที่ผลิตในยุโรป 

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ก็เพิ่งได้เดินทางมาประเทศไทยและเยี่ยมชมร้าน Louis Vuitton ที่สาขาสยามพารากอนด้วยตนเองด้วย 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ