รถเข็นเด็ก เป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็นที่แทบทุกบ้านที่มีเด็กจะต้องมี เพราะรถเข็นเด็กถือเป็นตัวช่วยที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยเดินทางไปที่ต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น ทำอะไรต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องคอยระวังกับการอุ้มลูกน้อย แถมยังช่วยลดอาการปวดหลังของคุณพ่อคุณแม่ได้อีกต่างหาก เรามาทำความรู้จักชนิดของรถเข็น และวิธีเลือกรถเข็นเด็ก ว่าควรเลือกแบบไหนอย่างไร

รถเข็นเด็กแต่ละแบบ

ชนิดของรถเข็นเด็กโดยทั่วไปแล้ว จะมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ ได้แก่

  1. รถเข็นเด็ก แบบ Carriage คือ รถเข็นที่มีลักษณะปรับนอนราบตรงได้ 180 องศา เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี
  2. รถเข็นเด็ก แบบ Stroller คือ รถเข็นสำหรับให้เด็กนั่ง หรือนอนแบบเอียง ๆ ไม่ราบเกินกว่า 150 องศาโดยประมาณ ซึ่งรถเข็นชนิดนี้เป็นรถเข็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด
  3. รถเข็นเด็กแบบ Jogging Stroller เป็นรถสำหรับเข็นวิ่ง Jogging ไปพร้อม ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ ได้ โดยรถเข็นประเภทนี้ ถูกออกแบบให้ใช้เข็นในความเร็วที่เทียบเท่ากับการวิ่งได้
  4. รถเข็นแบบ Car Seat คือ รถเข็นที่แปลงเป็นที่นั่งนิรภัยในรถได้

วิธีเลือกรถเข็นเด็ก

  1. ความปลอดภัย สภาพของรถเข็นต้องดูมั่นคงแข็งแรง ไม่มีจุดหรือส่วนที่แหลมคม ไม่มีรูที่เด็กจะเอานิ้วมือหรือเท้าแหย่เข้าไป หรือมีวัสดุที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก
  2. สายรัดหรือระบบล็อกในรถเข็น จุดล็อกที่ควรมี ได้แก่ ล็อกเอว ระหว่างขาและไหล่ ซึ่งตัวล็อกควรจะแน่นหนา ไม่ดึงหลุดง่าย ในขณะเดียวกันก็ไม่แน่นสำหรับเด็กจนเกินไป และปลดเข้าออกได้ไม่ยาก
  3. ระบบเบรกหรือห้ามล้อ ก่อนซื้อควรทำการทดสอบที่ร้านเลยว่าระบบเบรกดีหรือไม่ ตัวล็อกรถหรือห้ามล้อหยุดดีหรือเปล่า และควรทดสอบในขณะที่พื้นเอียง และวางน้ำหนักในรถเข็น ทดสอบดูว่ารถเข็นจะต้องไม่ไหล
  4. ล้อต้องมีความแข็งแรง และสามารถเคลื่อนตัวได้ดี
    ความสูงของที่จับรถ ควรอยู่ประมาณเอวของคนเข็นหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นขนาดมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ถ้าขนาดตัวคนเข็นเล็กหรือใหญ่มาก ควรเลือกรถเข็นที่ตัวจับปรับได้ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น
  5. ขนาดตัวเด็ก ควรเลือกรถเข็นแบบที่สามารถปรับระดับเบาะนั่งและนอนได้ เพราะทารกควรนั่งรถเข็นในท่านอน เนื่องจากคอที่ยังไม่แข็งแรง และเมื่อคอแข็งมากขึ้น ก็สามารถปรับระดับรถเข็นให้เหมาะสมกับท่านั่งของเด็กได้
  6. ควรมีที่บังแดดหรือลม เพื่อป้องกันแสงแดดที่แยงตา หรือปิดเวลาที่มีลมแรง และช่วยป้องกันฝุ่นละอองเข้าตาลูก
  7. วัสดุที่ใช้ควรดูว่า สามารถถอดหรือเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายหรือไม่ พับเก็บเข้า หรือกางออกได้ง่ายหรือไม่ การระบายความร้อนภายในรถเข็นดีหรือไม่
  8. ระยะเวลาในการใช้งาน ดูว่าจะใช้งานได้นานแค่ไหน จะให้ลูกนั่งรถเข็นตั้งแต่กี่เดือนถึงกี่ขวบ ควรเลือกที่รองรับน้ำหนักลูกได้เมื่อลูกมีอายุมากขึ้น
  9. ตัวเลือกอื่น ๆ เช่น ดูว่ามีตะกร้าใส่ของไหม น้ำหนักเบาหรือเปล่า และควรดูเรื่องพื้นที่จัดเก็บรถเข็นในบ้าน หรือในรถ เวลาไม่ใช้งานประกอบด้วย

...

ข้อควรระวังในการใช้รถเข็นเด็ก

  1. ไม่ควรให้ลูกนั่งรถเข็นนานเกิน 6 ชั่วโมง
  2. ไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ในรถเข็นลำพังโดยไม่มีคนคอยดูแล
  3. ไม่ใช้รถเข็นผิดวิธี เช่น นำไปบรรทุกของที่มีน้ำหนักมาก
  4. ไม่ควรใส่วัตถุมีคม เช่น มีด กรรไกร หรือวัตถุไวไฟ เอาไว้ในช่องต่าง ๆ ของรถเข็น
  5. ควรอ่านคู่มือก่อนใช้งาน