การเรียนรู้และประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตการงาน ซึ่งความสำเร็จของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ชาคริต ทีปกรสุขเกษม” ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน โดยนำความผิดพลาดมาต่อยอดความสำเร็จของตนเอง
ชาคริต ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของบริษัท แพนเนล จำกัด ลูกชายคนสุดท้องของ ชลธิชา–ประทีป ทีปกรสุขเกษม เถ้าแก่บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี ได้เล่าเส้นทางชีวิตว่า ตนมีพี่น้อง 3 คน ด้วยความที่มีผิวขาว ที่บ้านเลยเรียกว่า “เคลียร์” และเนื่องจากที่บ้านเป็นเจ้าของกิจการ เห็นพ่อแม่ขยันทำงานดึกทุกวัน เลยรู้ตัวว่า คงต้องมาแนวนี้ พอจบจาก ร.ร.เตรียม-อุดมศึกษา ก็ตั้งใจสอบเข้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ โดยเลือกเรียนสาขาการเงินและการธนาคาร ตอนจบปี 2540 เป็นช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี โชคดีที่ฝั่งการเงินหลายแห่งต้องการเด็กใหม่ เลยได้เข้าไปทำงานเป็นผู้รักษาทรัพย์และนายทะเบียน ธนาคารดีบีเอสไทยธนุ ทำอยู่ 3 ปี ก็รู้ตัวเองแล้วว่า สไตล์การทำงานเหมาะที่จะเป็นเจ้าของกิจการมากกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน จึงเข้ามาช่วยกิจการที่บ้าน และมาช่วยพ่อนำบริษัทเข้าสู่ระบบประนอมหนี้ด้วย นอกจากจะทำงานติดต่อกับธนาคารแล้ว ยังได้รับมอบหมายให้ไปดูเรื่องขนส่ง ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุด
“ตอนนั้นอายุ 22-23 ปี ผมกลับมาช่วยสางโครงสร้างบริษัทของพ่อให้เข้าสู่ระบบ เพื่อที่จะรู้ว่าหนี้เราจะจบเมื่อไหร่ ซึ่งปัญหาของธุรกิจโบราณ คือ ไม่มีตัวเลขอะไรเลย เราจึงต้องไปคุม ไปดู รวมทั้งศึกษาข้อผิดพลาด เพื่ออุดรูรั่ว อย่างเรื่องการขนส่งที่ผมได้เข้าไปดูแล เรารู้ล่ะว่ามีการทุจริตน้ำมันกัน เลยต้องเอาเงินที่เขาจะได้จากการทุจริตมาทำเป็นเงินจูงใจ ทำให้ถูกต้อง ทำให้เราลดต้นทุนค่าน้ำมันไปได้จำนวนมาก พอมาทำงานในโลกธุรกิจจริงๆ ทำให้ผมรู้ว่า การดูธุรกิจไม่ใช่เรื่องตัวเลขเพียงอย่างเดียว ความรู้ที่มียังไม่มากพอ พอทำงานสักพักผมจึงไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านการบริหาร ที่ KelstadtSchool of Management, DePaul University Chicago สหรัฐฯ พอจบก็มาทำงานที่บ้านสักพัก เลยได้เห็นโอกาสทางธุรกิจการทำผนังคอนกรีตสำเร็จรูป สำหรับงานก่อสร้างทุกประเภท เลยบอกพ่อว่า สนใจจะทำไหม พ่อเห็นว่าเสี่ยงเกินไป เลยไม่อยากทำผมจึงขออนุญาตลาออกมาตั้งบริษัทของตนเอง (บริษัท ซีแพนเนล จำกัด) จนวันนี้ตั้งมาปีที่ 7 แล้ว” ชาคริตเล่าถึงที่มาบริษัทของเขา
...
ในความสำเร็จวันนี้ ผู้บริหารหนุ่มบอกว่า ตนโตมาสายการเงิน เวลาจะทำอะไรจึงต้องเห็นภาพ ทำงานจึงต้องวางแผนและมองปัญหาให้ออก ซึ่งการทำงานต้องมีปัญหาเป็นเรื่องปกติ ถ้าเรามองให้ออกและมีการเตรียมตัวล่วงหน้า จะได้แก้ไขได้ทัน นอกจากนี้ ในการทำงานต้องอย่าใช้อารมณ์กับงาน การเครียดหรือหงุดหงิดไม่ได้ช่วยอะไร เราต้องอยู่กับปัญหาให้เป็น
“ผมเป็นคนมีเป้าหมายในการทำงานเสมอ ทุกครั้งผมจะตั้งใจทำจนถึงที่สุด เพื่อให้เป้าหมายต่างๆที่วางไว้เกิดผลสำเร็จ ถึงแม้ระหว่างทางจะมีปัญหาและต้องใช้ระยะเวลานาน แต่ผมก็จะใช้ความตั้งใจ ความอดทนในการแก้ปัญหา หรือปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้”.