สารเดช พานุรัตน์ หนึ่งในผู้บริหารที่มากความสามารถ ทำงานมาทั้งในและต่างประเทศ จนตกผลึกความสนใจและความถนัดในการทำงาน และก้าวเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์บัตรสมาชิกแพลทินัมและสการ์เล็ตไดมอนด์ ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกที่ขับเคลื่อนงานผู้บริหารบริการของห้างให้เป็นที่ประทับใจของลูกค้า

สารเดช หรือ “นุค” เล่าถึงเส้นทางการทำงานว่า หลังจากที่จบปริญญาด้านโฆษณาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐฯ ตนก็เริ่มทำงานเป็นมีเดีย แพลนเนอร์ ที่บริษัทโฆษณา JW Thompson New York ทำอยู่ 2 ปี รู้สึกไม่ใช่ตัวเองเท่าไหร่ เพราะตนชอบแฟชั่นชอบแต่งตัว เลยมาทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นสร้างแบรนด์ตัวเอง โดยเริ่มบินมาคุยกับดีไซเนอร์ไทย เพื่อทำคอลเลกชันให้ตนไปขายที่นิวยอร์ก ซึ่งประสบความสำเร็จมีลูกค้าคนดังมากมายและได้ขยายธุรกิจไปถึงที่อังกฤษและสเปนด้วย พอ เป็นที่รู้จักก็ถูกดึงเข้าไปเป็นผู้ช่วยคอสตูมดีไซเนอร์ของซีรีส์ดัง sex and the city ทำอยู่ 2 ซีซัน จากนั้นตนได้จัดแฟชั่นโชว์ ที่นิวยอร์กแฟชั่นวีก มียอดสั่งจำนวนมาก แต่เผอิญเกิดเหตุการณ์ 911 ในปี 2544 ลูกค้าก็สั่งยกเลิก ตอนนั้นอายุ 20 ปีต้นๆไม่อยากเป็นหนี้ เลยปิดกิจการ แล้วกลับบ้านที่เมืองไทยสักพัก จากนั้นได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านมาร์เกตติ้ง ที่ University of the Arts London ประเทศอังกฤษ พอจบก็ได้มาทำงานที่ร้าน Brown มัลติแบรนด์ สโตร์ ชื่อดังที่ลอนดอน เริ่มทำจากรันเนอร์ หรือคนหยิบเสื้อให้ลูกค้าจนได้เป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานกับแบรนด์ดังระดับโลก ก่อนที่จะได้มาทำงานกับหลุยส์ วิตตองที่
อังกฤษ และกลับมาทำดิออร์ ประเทศไทย จนมาถึงงานในหน้าที่ ปัจจุบัน

...

“งานห้างที่ทำอยู่ปัจจุบัน ค่อนข้างสนุก เพราะเราได้ทำงานกับหลากหลายแบรนด์ในห้าง และยังมีกิจกรรมต่างๆ นุค รู้สึกสนุกกับงาน เราได้เจอลูกค้า หลายระดับ ตั้งแต่หมื่นล้าน พันล้าน ลูกค้าติดดิน ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องของการเข้าหาลูกค้า พัฒนาลูกค้า ทำให้เรากว้างขึ้น ซึ่งการทำงานตรงนี่ นุค ว่าเราต้องมีความจริงใจ เพราะถ้าเราไม่มีความจริงใจจะทำยากมาก จะแค่คอยประจบประแจงอยากได้ยอดจากเขา แล้วเราจะคบกับเขาได้ไม่นาน ลูกค้าที่ นุค คบกันมาก็ 10 กว่าปีแล้ว เราต้องมีความจริงใจ และซื่อสัตย์กับลูกค้า สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าที่ดีที่สุด บางทีเราต้องคิดเผื่อแทนเขาด้วย อย่างบอกให้ซื้อของช่วงนี้ดีกว่า โปรโมชันดีกว่า เราต้องคอยดูแลเขาด้วยความจริงใจ อันนี้มาจากประสบการณ์จากที่บ้าน ที่ทำงานโรงแรมมาก่อนด้วย ทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อใจเรา เชื่อใจ ก็คือความซื่อสัตย์ครับ”

นอกจากการใช้ “ความจริงใจ” ในการทำงานแล้ว ผู้บริหารเก่งคนนี้ยังบอกอีกว่าจากการทำงานมาทั้งในและต่างประเทศ ตนมองว่าการเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรเป็นสิ่งสำคัญ และต้องรู้จักทำงานร่วมกับคนอื่น ให้เครดิตคนอื่น และต้องมีความอดทน “จากประสบการณ์การทำงาน ได้สอน สิ่งสำคัญที่สุดคือ สอนให้เราซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน เราต้องเป็นตัวของตัวเอง แล้วปรับความเป็นตัวเองให้เข้ากับองค์กร โดยเราไม่เสียความเป็นตัวเรา เราต้องเคารพองค์กรว่าเขามีเป้าประสงค์อะไร แล้วเราพยายามทำ ส่วนที่สองคือ ต้องมีการปรับตัว ไม่มีอีโก้ เราจะคิดว่าเราเก่งกว่าคนอื่นไม่ได้ คนอื่นเขาก็มีศักยภาพ เราต่างมีศักยภาพต่างกัน ไม่ใช่คิดเองว่าเราเหนือคนอื่น ต้องปรับแนวคิดเลย สุดท้ายการทำงานเราต้องมีความอดทน และอย่าหมดหวังครับ”...แนวคิดในการทำงานที่ประสบความสำเร็จของผู้บริหารคนนี้.