ทำงานลงลึกเพื่อรู้จริงไม่หยุดนิ่งสั่งสมประสบการณ์
ถูกหล่อหลอมสอนงาน เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ ทำให้ พรเมตต์ ทรงเมตตา เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่คนหนึ่งที่น่าจับตามอง ในฐานะผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด ที่มีทั้งความสามารถและวิสัย-ทัศน์ ในการที่จะนำพาองค์กรไปถึงจุดมุ่งหมาย
ทายาทคนสุดท้องของบ้าน “ทรงเมตตา” พรเมตต์ หรือ เป้ วัย 28 ปี ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานปฏิบัติการ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เป็นหัวเรือคนสำคัญหนึ่งที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กร โดยได้เรียนรู้งานจากผู้เป็นแม่ (จิรฐา ทรงเมตตา) ประธานกรรมการบริหารของบริษัท โดยเล่าว่า ในการทำงานตนเริ่มตั้งแต่เรียนปี 1 ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ หลักสูตรนานาชาติ โดยคุณแม่ให้เข้ามานั่งฟังการประชุม พอประชุมเสร็จ แม่ก็จะมาถามว่า เรียนรู้อะไรบ้าง ให้เราได้วิเคราะห์ พอเรียนจบก็มาทำงานที่นี่เลย เพราะมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้เรียนงานกับคุณแม่ เพราะถ้าเราไปทำงานที่อื่น คงไม่มีผู้นำองค์กรระดับบิ๊กคนไหนมาสอนงานเราอย่างเต็มใจแบบนี้ และเมื่อทำงานอย่างจริงจัง ตนได้รับมอบหมายงานใหญ่โดยไปดูการสร้างโรงงานไฟฟ้าที่ต่างจังหวัด ซึ่งมีระยะเวลาการทำงานที่ต้องสร้างให้เสร็จภายใน 1 ปี
“คุณแม่เขาจะดูแววว่าลูกคนไหนชอบ ถนัดอะไร ก็มักจะมอบหมายงานที่ถนัด ผมได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ที่โรงงานในตอนแรกที่ทำงาน ให้ไปดูการก่อสร้างจนกว่าจะสร้างเสร็จ ตอนนั้นเคยคิดแอนตี้ว่าจะให้ผมที่เพิ่งจบใหม่ไปทำจะเสร็จได้อย่างไร แต่พอไปถึงหน้างานจริงๆ ด้วยความที่ผมชอบเรียนรู้ อะไรที่ไม่รู้ ก็มักจะถาม และเข้าไปเรียนเพื่อให้รู้ ผมไม่แคร์ว่าใครจะคิดว่าเราโง่ ก็ได้เริ่มงานตั้งแต่การตอกเสาเข็ม จนสร้างเป็นโรงงานไปคุยกับวิศวะจนรู้ทุกกระบวนของการสร้างโรงงานไฟฟ้า เรียกว่า 4-5 ทุ่ม ผมยังช่วยเขาฉาบปูนและเมื่อลูกน้องเห็นเราทำงาน ทำให้ผมสามารถสร้างทีมเวิร์กได้ เราทุกคนเลยช่วยกันจนเสร็จภารกิจ ก่อนที่เวลากำหนดด้วยซ้ำ ก็ทำให้ผมภูมิใจกับงานชิ้นแรกที่เราสามารถทำได้สำเร็จก่อน 1 ปีที่กำหนด พอโรงงานเสร็จไม่อยากกลับ เพราะรู้สึกสนุกมาก จากนั้นก็ได้กลับมาทำงานดูงานบริหาร ได้เรียนรู้งานกับคุณแม่ รวมทั้งผู้บริหารคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนไม่ธรรมดาเลยมีความเก๋ามากๆ”
...
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้ บอกต่อว่า จากวันนั้นจนมาวันนี้ระยะเวลาหลายปี ได้ทำให้เขาได้ตกผลึกความคิด การทำงานและการใช้ชีวิต โดยในแต่ละวันตนจะทำการบ้าน ทำแผนแจกจ่ายงานให้ทีมงาน หลังจากนั้นก็ติดตามผล ตอนทำงานใหม่ๆ ก่อนนอนก็มักจะเขียนไดอารีว่าทำงานอะไรบ้าง เพื่อนำมาทบทวนแล้วได้ต่อยอด จนตอนนี้ติดเป็นนิสัย ในการทำงานหากเจอปัญหา ก็จะช่วยกันแก้ไข ตนโชคดีที่ลูกน้องกล้าบอกว่าทำผิด เราจะมาดูว่าผิดเรื่องอะไร แล้วทุกคนมาช่วยกันแก้
“ในการทำงานผมยึดหลัก คือ เราต้องรู้จริง ไม่ชอบทำงานแล้วรู้แค่ 50% หรือ 90% เราต้องรู้ 100% เพราะถ้าเราไม่รู้จริง อาจทำให้งานนั้นเสียได้ ตอนนี้ผมอาจเพิ่งเข้ามาเรียนรู้ เป็นดอกบัวที่เพิ่งเริ่มโผล่ ยังต้องเรียนรู้และเข้าใจอะไรอีกเยอะ ผมชอบเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้ว ชีวิตเราคือ การเรียนรู้ครับ”...วิสัยทัศน์ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้.