นับตั้งแต่ ฮานาเอะ โมริ, เคนโซ ทาคาดะ, อิซเซ่ มิยาเกะ, คันไซ ยามาโมโตะ, เรอิ คาวาคูโบ, โยจิ ยามาโมโตะ, จุนยะ วาตานาเบะ, จุน ทาคาฮาชิ มาจนถึงมิฮาระ ยาซูฮิโร และชิโตเซะ อาเบะ ก็ยังไม่มีดีไซเนอร์ญี่ปุ่นคนใดจะสร้างบิ๊กอิมแพคโด่งดังระดับโลกได้เท่ากับ “โทโม โคอิซูมิ” ดีไซเนอร์เลือดใหม่มาแรงของแดนอาทิตย์อุทัย ที่แจ้งเกิดครั้งแรกจากรันเวย์นิวยอร์ก แฟชั่น วีก ซีซันฟอลล์/วินเทอร์ 2019 ก่อนโด่งดังกลายเป็นขวัญใจพรมแดงฮอลลีวูด และเป็นที่รู้จักในวงกว้างทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อนักร้องสาวแถวหน้าของญี่ปุ่น “MISIA” สวมชุดราตรีสีลูกกวาดตระการตาของโคอิซูมิ ขึ้นร้องเพลงชาติกระหึ่มก้องในพิธีเปิด “โอลิมปิก โตเกียว 2020” อย่างเป็นทางการ
...
“เมื่อ 3 ปีก่อน มีคนขอให้ผมทำชุดคอสตูมด้วยงบจำกัด ทำให้ผมต้องไปคุ้ยหาวัสดุ
จากร้านขายผ้าราคาส่ง และสะดุดตาอย่างจังกับผ้าแก้วโพลีเอสเตอร์ถูกๆที่มีให้เลือกหลากหลายถึง 170 สี มีคุณสมบัติเหลือเชื่อคือทั้งถูกทั้งทนทานและดูแลง่าย แต่เนื่องจากเป็นผ้าแก้วเหลือค้างสต๊อก จึงขาดๆเกินๆขนาดไม่ได้ดังใจ ทำให้ผมต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่าปกติ เพื่อเนรมิตชุดในฝันให้เป็นจริง ปรากฏว่าผมได้ครีเอตชุดคอสตูมสวยอลังขึ้นจากข้อจำกัดมากมาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์สร้างชื่อมาถึงทุกวันนี้ ผมใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากทำเสื้อผ้าที่จุดประกายความหวัง ความสุข และความทรงจำดีๆ ให้ผู้คน เรียกว่าแค่เห็นก็ยิ้มแล้ว ยิ่งถ้าได้สวมใส่ยิ่งอิ่มเอมไปด้วยความสุข” โคอิซูมิ บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ชุดคอสตูมสีลูกกวาดในตำนาน ที่ทำให้นึกถึงขนมสายไหม ตัวแทนของความฝันและจินตนาการในเทพนิยาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนกำลังใฝ่หาในยุคสิ้นหวังจากวิกฤติโควิด-19
...
เขาหลงใหลในแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก โดยได้รับอิทธิพลจากแม่ผู้รักแฟชั่น แต่มาตัดสินใจเรียนแฟชั่นดีไซน์จริงจัง เพราะได้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือของดีไซเนอร์ในตำนานแห่งดิออร์ “จอห์น กัลเลียโน” ขณะนั้นเขาเพิ่งอายุ 14 ปี กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พรสวรรค์ของเขาฉายแววโดดเด่นตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่ชิบะ ยูนิเวอร์ซิตี้ ในสาขาศิลปกรรมศาสตร์
...
...
เมื่อเพื่อนสนิทใส่ชุดเดรสที่เขาตัดเย็บให้ไปเที่ยวไนท์คลับ และถูกถ่ายรูปลงแมกกาซีน จนสะดุดตาเจ้าของคอนเซปต์สโตร์ดังในกรุงโตเกียว ว่าจ้างให้เขาทำเสื้อผ้าไปวางขายที่ร้าน พร้อมกับรับจ๊อบเป็นสไตลิสต์ให้คนดังๆ นับแต่นั้นแบรนด์ “TOMO KOIZUMI” ก็ถือกำเนิดขึ้น ในปี 2011 แต่กว่าจะโด่งดังได้โกอินเตอร์ ต้องรอจนถึงปี 2019 เมื่อเขาได้รับการทาบทามและสนับสนุนจากผู้ก่อตั้งนิตยสาร LOVE “แคที แกรนด์”, “มาร์ค เจคอบส์” และ KCD พับบลิก รีเลชั่นส์ ให้จัดแฟชั่นโชว์แรกบนรันเวย์นิวยอร์ก แฟชั่น วีก ซีซัน ฟอลล์/วินเทอร์ 2019 เพราะถูกใจไอเดียสร้างสรรค์สุดแฟนตาซีกึ่งหลุดโลกของดีไซเนอร์ซามูไร นับจากนั้น เขาก็ไม่เคยได้หายใจหายคออีกเลย เพราะออเดอร์ล้นทะลักทั้งจากบายเออร์ใหญ่ และดาราเซเลบคนดัง
โดยหนึ่งในลูกค้าสำคัญคือ เลดี้ กาก้า และเคที เพอร์รี ผลงานของเขายังได้ไปจัดแสดงนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก “เมโทรโพลิแทน มิวเซียม ออฟ อาร์ต” และเมื่อปี 2020 เขายังเป็น 1 ใน 8 ยังก์แฟชั่นดีไซเนอร์จากทั่วโลก ที่ได้รับรางวัล LVMH Prize จากค่ายหลุยส์ วิตตอง ซึ่งจัดขึ้นทุกปีเพื่อสนับสนุนดีไซเนอร์รุ่นใหม่ไฟแรง
หนทางความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อม ดีไซเนอร์เลือดซามูไรซะอย่าง ย่อมเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร ถึงเวลาทวงบัลลังก์คืนแล้ว!!