หลังจากสถานทูตสหรัฐฯ ในไทยปฏิเสธการให้วีซ่า ‘เบสท์-อรพิมพ์ รักษาผล’ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง...

รู้ไว้ไม่เสียหาย! 8 ข้อรู้ ขอวีซ่าอเมริกา ยาก-ง่าย ต้องทำอย่างไรกัน

(อ่านเพิ่ม : หลังสหรัฐฯปฏิเสธให้วีซ่า! 10 ข้อรู้จัก ‘เบสท์ อรพิมพ์’ เธอคือใคร?)

วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ เลยมี 8 ข้อน่ารู้ เป็นหลักเกณฑ์การขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ มาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติผู้ขอวีซ่า ขั้นตอนต่างๆ ต้องผ่านอะไรบ้าง เอกสารต่างๆ ที่ใช้ในการยื่นคำร้อง รวมไปถึงประเภทในการขอวีซ่า

...

ทั้งนี้ การออกวีซ่า นับเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ประชาชนต่อประชาชน’ ภายใต้มิตรภาพที่ยาวนานระหว่างสหรัฐฯ กับราชอาณาจักรไทย ซึ่งเราเชื่อว่า ข้อน่ารู้เหล่านี้จะช่วยคุณในการเตรียมความพร้อมได้ไม่น้อยเลยทีเดียว!

1. หากใครยังไม่รู้ วีซ่าอเมริกานั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน แบ่งตามวัตถุประสงค์การเดินทาง ซึ่งส่วนใหญ่ที่คนไทยนิยมขอกันจะมีอยู่ 3 ประเภท คือ วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว-เยี่ยมเยียน (B-2 Tourist Visa) วีซ่าสำหรับนักเรียนอเมริกา และนักเรียนแลกเปลี่ยน (F-1 Student Visa) และสุดท้ายวีซ่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจในอเมริกา (B-1 Business Visa)

2. คุณสมบัติของผู้ขอวีซ่า โดยเฉพาะแบบ B-1 และ B-2 จะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่กงสุลว่า ตัวผู้ขอวีซ่าเองนั้นมีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่าตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง และสัญชาติของสหรัฐฯ โดยแสดงให้เห็นว่า ตัวผู้ขอวีซ่า ‘ไม่ได้’ มีเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างถาวร และแสดงหลักฐานพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานทางกฎหมายให้เป็นที่พอใจว่า :

...

- วัตถุประสงค์การเดินทางของผู้ขอวีซ่าไปยังสหรัฐฯ นั้นเป็นการท่องเที่ยว หรือการเยี่ยมเยียนชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็น การไปทำธุรกิจ เที่ยวพักผ่อน หรือการรักษาด้านการแพทย์
- ผู้ขอวีซ่าได้วางแผนที่จะอยู่ในสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวตามที่ระบุไว้จริง
- รวมถึงหลักฐานทางการเงินที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ขอวีซ่ามีเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายระหว่างอยู่ในสหรัฐฯ ชั่วคราว

3. เอกสารที่ต้องเตรียมใช้ในการยื่นวีซ่า จะขาดไม่ได้เลย ก็คือ 1. หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ใช้สำหรับเดินทางไปสหรัฐฯ ซึ่งต้องมีอายุการใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ผู้ขอวีซ่าตั้งใจจะไปอยู่อย่างน้อย 6 เดือน, 2. แบบฟอร์มขอวีซ่าชั่วคราว (DS-160), 3. รูปถ่ายสีขนาด 5x5 เซนติเมตร 1 รูป ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน, 4. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริง (สถานทูตไม่รับชำระในวันสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา ผู้ยื่นขอวีซ่าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมที่ไปรษณีย์ไทยล่วงหน้า), 5. เอกสารประกอบต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ ทั้งสถานะทางครอบครัว ทางสังคม หรืออื่นๆ และสุดท้ายใบยืนยันนัดสัมภาษณ์

4. ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกาไม่ยาก หรือยุ่งยากอย่างที่คิด เริ่มจากสเต็ปที่ 1. ให้ผู้ขอวีซ่ากรอกคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) และชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ไม่ว่าวีซ่านั้นจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ก็ตาม จากนั้นสเต็ป 2. ให้ผู้ขอวีซ่าทำการนัดหมายวันเข้าสัมภาษณ์ (จะต้องชำระค่าธรรมเนียมคำร้องขอวีซ่าก่อน ถึงจะทำการนัดหมายวันได้) โดยให้สิทธิผู้ขอวีซ่าทำการนัดหมาย และเปลี่ยนแปลงวันนัดหมายได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ในกรณีที่ผู้ขอวีซ่าไม่สามารถเข้ามาทำการสัมภาษณ์ตามวัน และเวลานัดหมายได้ (หากเกินจำนวนดังกล่าว ผู้ขอวีซ่าต้องชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าอีกครั้ง และไม่สามารถขอค่าธรรมเนียมวีซ่าคืนได้ในทุกกรณี)

อย่างไรก็ดี หากผู้ขอวีซ่าชำระค่าวีซ่าผิดประเภท ก็อาจเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถทำการนัดหมายวันเวลาได้เช่นกัน ฉะนั้นแล้วก่อนการชำระค่าธรรมเนียม ผู้ขอวีซ่าควรตรวจสอบความถูกต้องให้ดีอย่างถี่ถ้วนก่อน และสุดท้ายสเต็ป 3. ผู้ขอวีซ่าเดินทางไปที่สถานทูต หรือสถานกงสุลอเมริกา ตามวันและเวลาที่ได้ทำการนัดหมายสัมภาษณ์ไว้ พร้อมเตรียมเอกสารให้ครบทั้งหมด (ดังที่กล่าวในข้อ 3.) ซึ่งหากไม่มีเอกสารดังกล่าว หรือนำมาไม่ครบก็จะไม่ได้รับการพิจารณา หลังจากการสัมภาษณ์ และยื่นเอกสาร ถ้าวีซ่าของบุคคลใดผ่านได้รับการอนุมัติ วีซ่าจะถูกส่งไปตามที่อยู่ที่ผู้ขอวีซ่าได้ระบุไว้

5. ทั้งนี้การยื่นขอวีซ่า ทางสถานทูตสหรัฐฯ จะให้การพิจารณาแบบเป็นรายบุคคลไป หรือ case-by-case ว่าจะอนุมัติให้ผ่าน หรือไม่ให้ผ่าน ภายใต้การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นขอวีซ่าตามกฎหมายของสหรัฐฯ ตามกฎหมายคนเข้าเมือง และสัญชาติ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ของสหรัฐฯ โดยในปี 2558 นั้น สถานทูตสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้วีซ่าให้แก่คนไทยที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ ถึงเกือบ 60,000 คนเลยทีเดียว

6. หากใครยื่นเอกสารสำหรับขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ แล้ว ตามกฎหมายของสหรัฐฯ โดยทั่วไป ผู้มายื่นขอวีซ่าจะถูกสัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือสถานกงสุลของสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานกงสุลจะเป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเอกสารของบุคคลนั้น และตัดสินว่าบุคคลดังกล่าวมีสิทธิจะได้รับการอนุมัติวีซ่า หรือปฏิเสธการออกวีซ่า บนหลักการของกฎหมายสหรัฐฯ โดยการยื่นขอวีซ่าจะถูกปฏิเสธ ถ้าผู้ยื่นขอวีซ่าถูกพบว่า ไม่มีสิทธิผ่านการอนุมัติวีซ่าตามกฎหมายคนเข้าเมือง และสัญชาติของสหรัฐฯ

7. บันทึกเรื่องการขอวีซ่า ถือเป็นความลับภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ มาตรา 222 (f) ของกฎหมายคนเข้าเมือง และสัญชาติสหรัฐฯ (Immigration and Nationality Act) ซึ่งห้ามไม่ให้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ต่อบุคคลอื่น เป็นที่น่าวางใจได้ว่า การขอวีซ่าของบุคคลใดก็ตามแต่จะเป็นความลับระหว่างบุคคลนั้นๆ และทางสถานทูตสหรัฐฯ

8. เมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้ว สำหรับใครที่ต้องการข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม เก่ียวกับกระบวนการอนุมัติวีซ่า และเหตุผลต่างๆ ในการปฏิเสธวีซ่าของผู้มายื่นขอวีซ่า สามารถกดคลิกเข้าไปอ่านต่อกันได้ที่ https://travel.state.gov/content/visas/en/general/denials.html