เป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลวันแม่ 12 สิงหาคม ที่ ไทยรัฐออนไลน์ จะหาบุคคลติดท็อปเซเลบฯ-คนดัง ของเมืองไทยมาแชร์เรื่องราวประทับใจ โมเมนต์ซึ้งๆ ต่อคุณแม่ และครอบครัวสุดเลิฟ ซึ่งในปีนี้เราก็ได้เซเลบฯ พิธีกรเนื้อหอมอย่าง 'หนิง-ศรัยฉัตร จีระเเพทย์ (กุญชร ณ อยุธยา)' มาเผยเรื่องราวน่ารักๆ ของคุณแม่ (พ.ต.ท.หญิง-ณัฐวินุช หัสดินทร์ ณ อยุธยา) รวมทั้งบทบาทที่เธอได้กลายมาเป็นคุณแม่เต็มตัวให้ได้ฟังกัน เชื่อเถอะว่า เล่นเอาซาบซึ้งกินใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยล่ะ !
...
วันแม่ปีนี้มีแพลนไปเที่ยวไหนบ้าง
ไม่ได้วางแพลนเที่ยวเลย แต่ว่าเป็นธรรมเนียมประจำทุกปีว่าจะต้องทานข้าวกัน มีเรา มีลูก มีสามี มีคุณแม่เรา คุณแม่สามี แล้วก็มีคุณยายเราด้วย ยังอยู่ครบหมดเลยเป็น 4 รุ่น เรารับงานเป็นพิธีกรวันแม่ (12 สิงหาคม) มาหลายปีต่อเนื่อง พอเสร็จงานก็จะกลับไปทานข้าวกับที่บ้านตลอด ทว่าปีนี้ไม่มีงานก็เลยคิดว่าน่าจะได้เจอกัน ทานข้าวกันเร็วหน่อย
ถามว่าส่วนใหญ่พากันไปทานร้านไหน เอาจริงๆ แล้วเราทานอะไรตามสะดวกนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำทานกันเองที่บ้านมากกว่า ที่บ้านจะสะดวกที่สุดแล้ว คือจะคุยกันเสียงดังโวยวาย หรือลูกจะวิ่งเล่นอะไรได้หมด แต่ใจจริงปีนี้ก็มีคิดๆ เหมือนกันว่าอยากจะไปทานข้างนอกบ้าง แต่ด้วยความที่กลัวว่าต้องขับรถไกล รถติดนาน เพราะทุกคนก็มุ่งหน้าไปทานข้างนอกกัน สรุปสุดท้ายก็คงจบลงที่บ้านนี่แหละ เฮฮาตามประสาครอบครัว (หัวเราะร่า)
ส่วนตัวแล้วคิดว่า 'วันแม่' มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน ยังไงบ้าง
เราคิดว่าสำคัญนะ ในมุมมองที่เราเป็นลูก วันแม่ก็มีอยู่วันเดียวต่อปี เราก็เจอหน้าคุณแม่ตลอดทุกวัน ทานข้าวกันปกติ แต่มันก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักที่เรามีต่อแม่ด้วยกัน อาจจะพิเศษหน่อยตรงที่มีของขวัญ มีการ์ดให้ เป็นโอกาสดีๆ ที่เราจะมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะบางทีก็แยกกันทาน ทานกับครอบครัวสามีบ้าง ทานกับครอบครัวตัวเองบ้าง วันแม่ก็เลยถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ใช้ช่วงเวลาอยู่ด้วยกันกับคุณแม่ของเรา
ส่วนในฐานะที่เราเป็นแม่ ตอนนี้ลูกเราอาจจะยังเล็กอยู่ แต่เขาก็รู้แหละว่าวันแม่เป็นวันสำคัญ และก็ชอบมีอะไรมาเซอร์ไพร์สเรา เคยมีครั้งหนึ่งเขาทำการ์ดวันแม่มาให้ เราก็ดีใจ และชื่นใจนะ แต่อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญสุด คือการที่ลูกเห็นอะไรที่เราทำให้คุณแม่ของเรา คุณแม่สามี และคุณยายของเรา แล้วเมื่อเขาเห็นเราทำเป็นแบบอย่าง วันหนึ่งเขาก็จะทำให้เราแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อได้มาเป็นคุณแม่เต็มตัวแล้ว เป็นยังไงบ้าง
ก็ดีนะ เป็นบทบาทที่เราทำแล้วมีความสุข แล้วมันก็สอนให้เราไม่ยึดติด การที่เรามีลูกจากที่เคยบ้าช็อปปิ้ง หรืออะไรก็ตามแต่ กลายเป็นว่าตอนนี้เราขี้เกียจ ทำงานเสร็จก็อยากรีบกลับบ้านไปเจอหน้าลูก-เล่นกับลูก มันทำให้ชีวิตเรามีจุดมุ่งหมายมากขึ้น ขยันทำงานมากขึ้น และตัวลูกเองก็สอนอะไรดีๆ ให้กับเราเยอะเหมือนกัน
...
แบ่งเวลางานกับครอบครัวยังไง ? งานพิธีกรจะมีเป็นช่วงๆ ฉะนั้นช่วงที่เราไม่มีงานก็ให้เวลากับครอบครัว อย่างเสาร์-อาทิตย์ เราเทเวลาให้ลูกกับสามีตลอด รวมถึงคุณแม่ของเราเองด้วย เราจะหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนใช้เวลาด้วยกัน แต่จันทร์-ศุกร์ ถ้าเรามีงานก็รับอีเวนต์ปกติ เราเป็นคนเลี้ยงลูกเอง ตั้งแต่อาบน้ำ-แต่งตัวให้ลูก ขับรถไปรับส่งลูกเองที่โรงเรียน (ซึ่งถ้าวันไหนไม่ทันก็จะเป็นคุณแม่เราทำหน้าที่แทน โรงเรียนอยู่ใกล้บ้านขับรถไม่ถึง 1 นาที) กลับถึงบ้านปุ๊บตัวตนของเราก็ให้เวลากับลูกหมดเลย เต็มที่กับลูก ทำงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ทำหน้าที่แม่ก็ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนกัน
...
ปีนี้มีเตรียมของขวัญเซอร์ไพรส์อะไรให้คุณแม่ไหม
ไม่มี ไม่เคยมีเลยเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะปกติทุกๆ ปีเราจะทำเหมือนกันหมด คือเป็นที่รู้กันว่าในวันสำคัญๆ หรือโอกาสแบบนี้ก็ต้องมาเจอหน้ากัน ทานข้าวกัน คุยกัน
โมเมนต์ความประทับใจในตัวคุณแม่
พอเรามีลูกแล้ว มันก็ทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงภาพเก่าๆ เหมือนกันนะ ว่าตอนนั้นคุณแม่ก็เคยทำแบบนี้ให้เรา แล้วตอนนี้เรามาทำให้ลูกบ้าง หรืออันนี้ที่เราทำให้ลูก เอ๊ะ ! มองกลับไปคุณแม่ก็เคยทำให้เราไม่ต่างกัน ทุกอย่างมันสะท้อนให้เห็นว่าคุณแม่รักเรามากแค่ไหน ดูแล-เอาใจใส่เราขนาดไหน ทุกสิ่งที่คุณแม่ทำให้คือ ความประทับใจ ซึ่งทุกวันนี้คุณแม่ยังคงดูแลเราอย่างดีมาโดยตลอด ไม่มีโมเมนท์ไหนเป็นพิเศษ ตั้งแต่เด็กยันโตไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คุณแม่ทำทุกอย่างให้เราด้วยความรักทั้งหมดเหมือนที่เราทำให้กับลูก เพราะฉะนั้น ณ เวลานี้เขายังอยู่กับเรา เราก็ควรจะดูแลเขาให้มากที่สุด
...
สนิทกับคุณแม่แค่ไหน และมีวิธีบอกรักกันยังไงบ้าง
ค่อนข้างสนิทซี้กันเลยนะ เพราะคุณแม่ห่างกับเราแค่ 19 ปี มีะไรก็คุยปรึกษากันตลอด ถามว่ามีวิธีบอกรักยังไง ด้วยความที่เราโตเมืองนอก การกอดหอมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่มีเคอะเขิน บางทีถ้าอยู่ไกลกันก็เมสเสจหากันบ้าง หรือโทรหากันบ้าง พอจบบทสนทนาก็จะพูดคิดถึง บอกรักคุณแม่ตลอด
จริงๆ เด็กสมัยนี้ หรือคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยที่จะเอ่ยคำบอกรัก หรือแสดงความรัก อย่างการกอด-การหอมกับคุณพ่อคุณแม่เท่าไหร่ แต่เราอยากจะบอกว่า ทำไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องรอโอกาสพิเศษอะไร การแสดงความรัก หรือบอกรักท่านง่ายๆ มันทำได้ทุกวัน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าท่านจะอยู่กับเราไปอีกนานถึงเมื่อไหร่ อย่าบอกรักท่านเมื่อตอนสายไปแล้วจนต้องมาเสียใจภายหลัง และเราก็เชื่อว่าท่านรอที่จะให้คุณแสดงความรักตอบกลับเหมือนกัน ทำให้ท่านรับรู้หน่อย
แสดงความรักกับลูกยังไงบ้างในฐานะคุณแม่ ? ง่ายๆ เลย ก็กอด หอมแก้มกัน อยู่ด้วยกันก็ทำแบบนี้กันตลอดเวลา หอมแก้มส่งเข้านอน ไม่รู้นะตอนนี้เขายังเด็ก อีกหน่อยเขาอาจจะไม่อยากหอมแล้วก็ได้ ตอนนี้เราก็ตักตวงเวลาการหอมไปก่อน (หัวเราะ)
คำสอนไหนของคุณแม่ที่จำขึ้นใจ และปฏิบัติตามจนทุกวันนี้
สอนไม่ให้ดูถูกคน และด้วยความที่คุณแม่เป็นตำรวจก็จะเน้นเรื่องระเบียบวินัย การตรงต่อเวลามาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนทำอะไรก็แล้วแต่ ยิ่งเรามาทำงานเป็นพิธีกรแบบนี้เรื่องวินัยเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราขาดวินัยกับตัวเอง หรือขาดความรับผิดชอบก็ทำให้คนไม่อยากร่วมงานกับเรา และไม่มีทางที่จะก้าวหน้าในสายงานได้ แม้แต่ในเรื่องมารยาททางสังคม เช่น การเข้าคิว การอ่อนน้อมถ่อมตน การเจอพูดคุยกับผู้ใหญ่ หรือการทิ้งขยะที่ใดๆ คุณแม่ก็จะคอยพร่ำสอนเสมอ สอนไว้ดีมาก คือเขาไม่อยากให้เวลาเราไปอยู่ที่อื่นแล้วทำตัวเหมือนไม่ได้ผ่านการอบรม ทำอะไรที่น่าอับอายจนคนอื่นมาว่าเราได้ คุณแม่ไม่ได้สอนให้เราแค่ขยันเรียนหนังสือ หรือเป็นคนดี ทว่าเขารู้ว่าการเข้าสังคมก็มีส่วนสำคัญ ฉะนั้นแล้วเราก็ต้องดูแลตัวเอง และก็ทำอะไรที่ไม่ส่งผลกระทบให้เสียชื่อเสียงได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่คุณแม่สอน เราก็นำไปสอนลูกที่ทอดหนึ่ง
เหตุการณ์ไหนที่ทำให้คุณแม่เสียใจ หรือรู้สึกแย่มากที่สุด
มีเหมือนกันนะ แต่มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เราคิดว่าตัวเองค่อนข้างเป็นเด็กดีพอสมควรนะ ไม่มีอะไรที่ทำให้คุณแม่ต้องเหนื่อย หรือหนักใจ
เวลาที่เราดื้อมากๆ-ไม่ฟังที่พูด คุณแม่มีมาตรการจัดการยังไง
เพราะคุณแม่เป็นตำรวจก็เลยเคร่งในระเบียบวินัย อย่างตอนเด็กๆ เวลาที่เราไม่ฟัง ซนมากๆ หรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง คุณแม่ก็จะดุ มีตีบ้างเป็นเรื่องปกติ (หัวเราะร่า) คุณแม่เป็นคนที่เนี้ยบ ฉะนั้นบางทีแค่เตือนเราด้วยน้ำเสียงก็เอาอยู่แล้ว กับลูกของเราเองเวลาซนมากๆ ไม่เชื่อฟัง หรือทำอะไรผิดขึ้นมา เราก็ดุเหมือนกัน ใช้มาตรการเดียวกันกับคุณแม่เลย แต่ว่าเราไม่ลงโทษลูกด้วยการตีนะ ถ้าหนักๆ เลย เราจะลงโทษด้วยการเพิกเฉย ไม่สนใจ ไม่คุยด้วย ทีนี้พอลูกรู้แล้วว่าเราไม่คุยด้วย เขาก็จะรู้ตัวว่าเขาผิด และสักแป๊บหนึ่งจะเดินมาขอโทษ-มาง้อเราเอง เราก็จะสอนลูกว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง อะไร ยังไง คุยกันด้วยเหตุผล
สุดท้ายวันแม่ปีนี้อยากจะอวยพรอะไรเป็นพิเศษ
ขอให้คุณแม่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และอยู่กับเราไปนานๆ เพราะตอนนี้คุณแม่มีอายุมากขึ้น 60 ปีแล้ว เรื่องสุขภาพคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มันเหมือนเป็นช่วงวัยที่ต้องดูแลสุขภาพ ยิ่งดูแลสุขภาพดีเท่าไหร่ อีกหน่อยก็จะได้ไม่ต้องนอนเจ็บป่วยอยู่ในโรงพยาบาล