โอกาสทางธุรกิจ สร้างเองได้จากการมองในมุมที่แตกต่าง เหมือนอย่างหนุ่มนักการตลาดฝีมือดี “สมิทธิ์ เมฆอรุณกมล” ที่มีความเชื่อว่าโอกาสของคนรุ่นใหม่ยังมีอีกมากมาย เพียงแต่ต้องกล้าคิด กล้าทำ

สมิทธิ์ หรือ โจ ทายาทคนเดียวของ สมฤทธิ์ เมฆอรุณกมล และ สมลักษณ์ พิสุทธิปกรณ์ เล่าว่า เรียนจบปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ แต่ตอน ม.ต้นเคยไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา และได้เป็นตัวแทนนักกีฬาเทนนิสทีมเยาวชนของมหาวิทยาลัย California State University และได้รับรางวัลชนะเลิศ Southern California หลังจบปริญญาตรีก็ไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน International Businesses Management ที่ University of Surrey ประเทศอังกฤษ พอจบก็ได้มาทำงานในสายการตลาดที่บริษัท Grey World Wide จากนั้นได้ไปเป็น Dunhill Brand Manager ของบริษัท British American Tobacco และงานสุดท้ายได้รับการชักชวนจากบริษัท แสนสิริ ให้เข้าเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ควินเทสเซนเชียลลี่ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการจัดการไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลชั้นนำระดับโลก ทำอยู่หลายปีก่อนที่จะผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยการร่วมกับเชฟดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ เปิดร้านอาหารไทย “โบ ลาน” ที่เน้นรสชาติอาหารไทยแท้ๆ และเกิดไอเดียสร้างธุรกิจออนเซนในเมืองไทย ชื่อว่า Tunomori Onsen ที่สุขุมวิท 26

“ตอนที่ทำร้านโบ ลาน ผมมาช่วยด้านมาร์เก็ตติ้ง และทำพีอาร์ อาจจะไม่ได้ลงมือเต็ม ตัว เพราะไม่ได้ทำอาหาร แต่โปรเจกต์ ออนเซนได้ทำอย่างเต็มตัว ที่เลือกทำธุรกิจนี้ เพราะตอนนี้ติดต่อนักธุรกิจญี่ปุ่นเยอะ จึงมองว่า ออนเซนเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่หลายคนคุ้นเคย คนญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็มีอยู่มาก และยังไม่มีออนเซนในกรุงเทพฯเลย ในขณะที่เรื่องสปาและนวดก็เป็นสิ่งที่คนไทยคุ้นเคย บ้านเราเองก็มีน้ำแร่ที่โดดเด่นหลายแห่ง ทั้งจังหวัดระนองและกาญจนบุรี จากประสบการณ์ทำการตลาด สิ่งสำคัญที่สุดคือ โปรดักส์ ถ้าโปรดักส์เราดีจริง มันก็ขายได้ ซึ่งผมเชื่อว่าคอนเซปต์ออนเซนเป็นสิ่งที่ดี ไม่งั้นคงไม่เป็นวัฒนธรรมที่ตกทอดกันมา อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่เป็นรูปแบบการไปพักผ่อน เหมาะกับทุกคนในครอบครัว ที่สามารถมาทำร่วมกันได้ทั้งครอบครัว แต่ในส่วนคนไทย อาจต้องมีการปรับบ้าง เช่น การ ใส่อันเดอร์แวร์ใช้แล้วทิ้ง ไม่โป๊หมด เพื่อให้เข้ากับคนไทย ดังนั้น พอเสาร์ อาทิตย์ ได้เห็นลูกค้ามากันทั้งครอบครัว กลายเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ทั้งพ่อแม่ลูก นอกเหนือจากการเดินห้าง ผมเลยวางแผนจะขยายสาขาเปิดที่พัทยาและที่สิงคโปร์ด้วย”

...

ความสำเร็จในการสร้างธุรกิจแบบฉีกแนวนี้ โจบอกว่า “น่ามาจากความตั้งใจครับ ผมเชื่อในเรื่องนี้ แล้วเราต้องศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อให้รู้จริง และต้องทันต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่ ในแง่เทคโนโลยี สำหรับผมมองว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป้าหมายก็อยากทำให้บริษัทที่สร้างโตขึ้น ขยายไปไกลไม่ใช่แค่เมืองไทย”...มีกึ๋น มีฝีมือแบบนี้ ก้าวไปไกลแน่นอน.