เป็นหนึ่งในผู้บริหารหนุ่มที่มีทั้งโอกาสและความสามารถ วิทนาถ วรรธนะกุล ทายาท รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป ที่เข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันธุรกิจของครอบครัวให้รุดหน้าก้าวสู่ยุคใหม่ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลในส่วนของการตลาดและพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้บริหารหนุ่มที่พร้อมทำงานเพื่อองค์กร
แก๊ป-วิทนาถ ลูกชายคนสุดท้องของ ชาญพงา วรรธนะกุล เจ้าของโรงแรม รอยัล คลิฟ บีช พัทยาและศูนย์ประชุมพีช ปัจจุบันนั่งเก้าอี้กรรมการบริหาร ได้เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวได้ 6 ปีแล้ว เล่าว่า ชีวิตการเรียนส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ไปเรียนตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ที่ ร.ร.Oratory School แม้จะไปตั้งแต่เด็กก็จริง แต่สามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้หมด เพราะคุณแม่ตั้งกฎไว้ว่า ต้องเขียนจดหมายมาหาเป็นประจำ คุณแก๊ปเรียนที่อังกฤษจนจบปริญญาตรีและปริญญาโท โดยจบปริญญาตรีด้านวิศวะไฟฟ้า และปริญญาโท ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมาจบปริญญาโทอีกใบด้าน Management Science ที่ London School of Economics and Political Science (LSE) พอจบก็ทำงานด้านไฟแนนซ์ ที่บริษัท RBS ในอังกฤษอยู่ 1 ปี ก่อนกลับมาช่วยงานที่บ้าน ตอนอายุ 26 ปี
“ตอนนั้นอยากกลับมาช่วย เพราะในที่สุดก็ต้องมาทำงานที่บ้านอยู่ดี ผมเองก็ชอบธุรกิจด้านท่องเที่ยวด้วย เลยคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาช่วยคุณแม่และพี่ชาย (วรรธนัย วรรธนะกุล) แม่เขาก็คุยเรื่องการขยายกิจการ ผมเองก็คิดอยากตอบแทน โรงแรมด้วย ที่ทำให้เราได้ไปเรียน และมีชีวิตที่ดี ก็เพราะรอยัล คลิฟ เราก็ควรที่จะทำงานตอบแทนเพื่อครอบครัวและเพื่อองค์กรนี้ ตอนที่เรียนอยู่ ผมก็ได้มาฝึกงานที่โรงแรมตอนปิดภาคเรียนเป็นประจำ เพราะคุณแม่อยากให้เรียนรู้ทุกหน่วยงานในโรงแรม พอกลับมาทำ ผมก็มาดูด้านพัฒนาธุรกิจ และการตลาดการขาย ซึ่งเป็นงานที่ยากและท้าทาย ก็ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนองค์กร นำระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ พัฒนาระบบการตลาดให้ครบวงจร ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็เหนื่อย แต่ก็ภูมิใจที่สามารถทำได้” แก๊ปเล่าด้วยความภูมิใจ
...
ผู้บริหารหนุ่มสู้งานวัย 33 ปีคนนี้ ยังบอกอีกว่า ตนชอบทำงานที่ท้าทาย ไม่เคยรู้สึกท้อ เพราะการแก้ปัญหาต่างๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้และมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น เป็นการฝึกให้ตัวเองเก่งขึ้น การทำงานที่ผ่านมาตนได้ทีมงานที่ดี เจออุปสรรคอะไร ทีมงานยินดีสู้ หลักในการทำงานของตนคือ การสื่อสารที่ชัดเจน และทีมเวิร์ก ช่วยกันทำงานเป็นทีม แล้วตนเองก็ทำงานไม่เกี่ยง อย่างเวลาเจอลูกค้าจำนวนมาก ทำงานอะไรไม่ทันเราก็ต้องเข้าไปช่วย ผมยังเคยช่วยปูเตียง รวมถึงเสิร์ฟอาหาร รับลูกค้า จะไม่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่จะลงไปลุยทำงานกับทีมงาน ให้เขาเห็นว่าเราเองก็ยังลงมือทำ ช่วยกันทำโดยไม่เกี่ยงงาน สามารถทำงาน cross function กันได้ เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ในการทำธุรกิจที่มอบความสุขให้แก่ลูกค้า
“การทำงานตอนนี้ของเรา ผมเป็นกองหน้า พี่ชายเป็นกองหลัง เราอยากที่จะเห็นบุคลากรและองค์กรโตขึ้นไปกับเรา และผมอยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาให้ชาวไทยและต่างชาติได้เห็นว่า พัทยามีสิ่งดีๆมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน”...สมเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่น่าจับตามองจริงๆ.