กิน-เที่ยว-ช็อป-ชิล เป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดของคนเมืองยุคใหม่ หลายคนปล่อยตัวปล่อยใจชิลเกินไป จนเพาะนิสัยเฉื่อยแฉะเนือยนิ่ง ทำให้ขาดความกระตือรือร้นในการทำงานและใช้ชีวิต ส่งผลร้ายต่อสุขภาพในอนาคต กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นคนอ้วนลงพุงซะแล้ว แถมสมองไม่แล่น คิดอ่านอะไรก็เชื่องช้าไม่ทันกิน

เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเซย์โนกับพฤติกรรมเนือยนิ่ง และปฏิวัติตัวเองเป็นคนใหม่ที่กระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา โครงการ “Exercise is Medicine in Thailand” โดยวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย และกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ประเทศไทย ศึกษาวิจัยถึง “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” ของคนไทยยุคปัจจุบัน ค้นพบว่าประเทศไทยมีประชากรที่เป็นโรคอ้วน หรือน้ำหนักเกิน เป็นอันดับสองของอาเซียน เป็นผลมาจากพฤติกรรมของคนไทยที่ติดจอ ใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์และจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ชั่วโมงในแต่ละวัน ขณะเดียวกันก็ยังติดเล่นโทรศัพท์มือถือ โดยเฉลี่ยคนไทยจะต้องใช้มือถือวันละไม่ต่ำกว่า 3.5 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่จะขยับร่างกายมีไม่ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพ เพราะการนั่งนิ่งๆนานๆ ทำให้การใช้พลังงานของร่างกายลดลง เกิดความไม่สมดุลกับพลังงานขาเข้า ที่ได้จากการทานอาหารในแต่ละวัน สุดท้ายก็ก่อให้เกิดโรคตามมามากมาย เริ่มจากอาการเหนื่อยหอบง่าย กระทั่งเป็นโรคร้ายสารพัด ทั้งโรคหัวใจ, หลอดเลือด, เบาหวาน, โรคอ้วน และมะเร็ง

การหลีกหนีโรคร้ายเหล่านี้ต้องสร้างอุปนิสัยในการออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยให้ถือคติ “การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ” มีการเสนอแนะไอเดียว่า นอกจากการลุกขึ้นออกกำลังกายจริงจัง การเพิ่มไลฟ์สไตล์แอ็กทีฟเข้าไปในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินขึ้นลงบันไดแทนใช้ลิฟต์, การลุกขึ้นยืดเหยียด 5 นาทีในทุกชั่วโมง, การเดินหรือปั่นจักรยาน แทนการขับรถ, การทำงานบ้าน, ทำครัว และทำสวนด้วยตัวเอง สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้ห่างไกลโรคร้าย และมีอายุยืนยาวขึ้นอย่างอัศจรรย์.

...