ผู้บริหารหนุ่มอนาคตไกล ชญานินท์ สุขขะสันติกูล หรือ แม็กซ์ หนุ่มไทยที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ ฉายแววความสามารถในธุรกิจการบิน จนซีอีโอสายการบินระดับโลก “เอทิฮัด” ขอดูตัว และเห็นแววความสามารถ จึงชวนให้มาร่วมงาน แต่ให้เวลาตัดสินใจภายใน 24 ชม. และวันนี้เขาได้กลับบ้านเกิด หลังจากใช้ชีวิตต่างแดนมานานนับสิบๆปี โดยมานั่งเป็นผู้บริหารของสายการบินเอทิฮัด ประจำประเทศไทย ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
แม็กซ์ หนุ่มวัย 30 ปี เล่าชีวิตภูมิหลังของเขาว่า เป็นลูกชายคนโตในจำนวน 2 คนของ สมชาย สุขขะสันติกูล ผู้จัดการทั่วไปของการบินไทยประจำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กับ นันทวรรณ (สิงห์สมบุญ) ทำให้ ต้องติดตามคุณพ่อไปประเทศต่างๆตั้งแต่เล็ก โดยย้ายไปอยู่มาหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์, ปากีสถาน, ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก, ออสเตรเลีย จึงไม่ได้เรียนโรงเรียนไทย อ่านและพูดไทยได้ แต่ยังเขียนไม่ถนัด ตอนที่อยู่เดนมาร์กได้ขอที่บ้านเรียนที่ Copenhagen International School จนจบไฮสกูล แล้วค่อยตามไปอยู่กับพ่อแม่ที่ออสเตรเลีย ซึ่งที่นั่นมีวิชาที่อยากเรียนคือ ด้านบริหารการบิน ที่ University of New Southwales และมาเรียนปริญญาโทต่อที่มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดด้านบริหาร การบินที่ Cranfield University ที่ประเทศอังกฤษ พอจบก็ได้ทำงานที่อังกฤษ เป็นที่ปรึกษาทางด้านบริหารการบิน ที่บริษัท Aerostrategy Consultant และที่ Frost&Sullivan Consultant อยู่หลายปี ก่อนได้มาทำงานที่สายการบินเอทิฮัด
“ตอนเป็นที่ปรึกษาทางด้านบริหารการบิน เคยได้ให้สัมภาษณ์ BBC, CNBC ในการวิเคราะห์ธุรกิจการบินจนเป็นที่สนใจของซีอีโอสายการบินเอทิฮัด ติดต่อมาว่าอยากเจอตัว เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เราก็คุยกันที่อังกฤษ นั่งคุยกันอยู่ 3 ชม. สุดท้ายเขาชวนให้มาทำงานด้วย โดยขอคำตอบภายใน 24 ชม. ตอนนั้นก็คิดเยอะเหมือนกัน แต่สุดท้ายเห็นว่า คนระดับนี้ชวน โอกาสแบบนี้มีไม่มาก เลยตอบตกลง แต่กว่าจะไปเริ่มงานก็หลายเดือน ตอนแรกไปทำงาน ที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำด้านการวางแผน ขยายธุรกิจ วางกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ทำอยู่ 2-3 ปี จึงได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนปลายปี 2013 มาเป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ต้องดูด้านการตลาด การขยายตัวในไทยด้วย”
...
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงยังเล่าต่ออีกว่า การ ทำงานในสายการบินเป็นงานท้าทายตลอดเวลา เพราะธุรกิจมีขึ้นมีลง และจะเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม แต่เป็นงานท้าทาย มีความ น่าสนใจ ทำให้เราเดินออกมาในจุดปลอดภัยของเรา ซึ่งทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น “จาก ประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมได้เห็นแล้วว่าเราสามารถกำหนดอนาคตของตัวเอง เริ่มจากที่ผม ชอบเล่นเครื่องบิน สนใจเครื่องบิน ไปเรียนขับด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่คุณพ่อทำงานการบิน เป็นความสนใจ ส่วนตัว จนทำให้เลือกที่จะเรียนด้านนี้ และได้ทำงาน ที่รู้สึกถนัดและชอบ เมื่อเราชอบงานด้วยใจจึงทำเต็มที่ มีอะไรที่ท้าทายเราอยู่ตลอดเวลา”....ทำงาน เต็มร้อยด้วยใจ หนุ่มคนนี้จึงได้ก้าวมาไกลทีเดียว!!