สร้างตำนานเจ้าสัวยุคเสื่อผืนหมอนใบไว้อย่างลือลั่น สำหรับเจ้าพ่อกระทิงแดง “โกเหลียว–เฉลียว อยู่วิทยา” จนผงาดขึ้นเป็นมหาเศรษฐีแสนล้านร่ำรวยที่สุดอันดับต้นๆของเมืองไทย ตลอดทั้งชีวิตของ “โกเหลียว” นอกจากจะปลุกปั้นกระทิงแดงให้ผงาดยิ่งใหญ่ระบือไกลไปทั่วโลก มหาเศรษฐีผู้สมถะยังมุ่งมั่นทำทุกวิถีทางเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินไทย

ในฐานะลูกสาวที่ถูกวางตัวให้สืบสานปณิธานเกิดเป็นคนไทยต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน “คุณตุ๊กตา–สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา” บอกเล่าถึงความมุ่งมั่นจริงจังในการทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อช่วยเหลือสังคมไทยในทุกมิติเป็นครั้งแรกกับทีมข่าวสตรีไทยรัฐ

“คุณตา” เข้ามาช่วยแบ่งเบางานของคุณพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่

ตั้งแต่จบปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์โพลีเมอร์ จากอังกฤษ ก็เข้ามาช่วยงานคุณพ่อที่กระทิงแดงเลย ตอนนั้นกระทิงแดงเปิดตลาดมาได้ 10 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ “ตา” ทำหน้าที่เป็นเลขาของคุณพ่อ ติดตามคุณพ่อไปสร้างโรงงานใหม่ๆของกระทิงแดงตามภาคต่างๆ เริ่มด้วยการย้ายโรงงานจากกรุงเทพฯ ไปสร้างโรงงานใหม่ที่ปราจีนบุรี นอกจากนี้ยังได้ตามคุณพ่อไปเจรจาธุรกิจต่างๆ รวมถึงการขยายธุรกิจในประเทศจีน และเจรจาซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มไลน์การผลิตสินค้าอื่นๆนอกจากกระทิงแดง คุณพ่อค่อนข้างให้อิสระกับลูกๆ ไม่เคยบังคับว่าต้องมาทำตำแหน่งหน้าที่อะไร เพียงแต่ว่าเราสนใจอะไรเป็นพิเศษค่อยมาเรียนรู้ คุณพ่อถือว่าเราไปเอาความรู้ก่อน จะเรียนอะไรก็ไม่บังคับ

...

มีโอกาสทำงานกับเจ้าสัวระดับตำนาน คุณพ่อถ่ายทอดวิทยายุทธ์อะไรให้บ้าง

“ตา” ติดตามคุณพ่ออยู่หลายปี ทำให้ได้ความรู้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องการเจรจาต่อรองธุรกิจ, ความรู้เรื่องวัตถุดิบ และการเงิน คุณพ่อเป็นคนคิดเร็วมาก และต้องตามให้ทันด้วย ถ้าตามไม่ทัน คุณพ่อจะดุเลยว่าพ่อเรียนจบแค่ ป.4 แต่ลูกเรียนจบปริญญาโท ยังคิดไม่ทันป๋าเลย สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อคือ เวลาทำธุรกิจ ถ้ามัวแต่กล้าๆกลัวๆ ก็จะไม่ได้ทำ ต้องกล้าเสี่ยงกล้าทำกล้าคิด ส่วนปัญหาต่างๆที่เข้ามาต้องมองให้เป็นเรื่องสนุก แล้วสนุกที่จะแก้ไขปัญหา มากกว่ามองเป็นความเหนื่อยความท้อถอย เวลาจะแก้ปัญหาอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก้ปัญหาเครื่องจักรคุณพ่อก็คิดหาทางแก้ไขด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญ คุณพ่อจะสอนเสมอว่า การแก้ปัญหาทุกอย่างให้มองที่หลักความจริง อย่าไปคิดถึงวิชาการมากมาย เพราะถ้ามัวคิดถึงวิชาการ เราจะถูกจำกัดความคิดอยู่ในกล่องใบนั้น

งานรัดตัวขนาดนี้ ยังมีเวลาบุกเบิกงานด้านสังคมให้กระทิงแดงเหรอคะ?

ครอบครัวเราจัดตั้งกองทุนเฉลียวอยู่วิทยานุสรณ์ เพื่อช่วยเหลือสังคม และเมื่อ “ตา” เข้ามารับช่วงสานต่องานด้านนี้ ก็ได้ปรับรูปแบบการช่วยเหลือสังคมของกระทิงแดงให้เป็นไปอย่างยั่งยืนมากขึ้น “ตา” มีความสนใจเรื่องการทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคม และชอบออกค่ายอาสาพัฒนาตั้งแต่มหาวิทยาลัย เมื่อได้ติดตามคุณพ่อไปดูตลาดกระทิงแดงตามจังหวัดต่างๆ ได้เห็นคุณพ่อเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในถิ่นทุรกันดาร และช่วยงานชลประทานด้านน้ำ จึงคิดมาตลอดว่าถ้ามีโอกาสอยากลงไปลุยเรื่องพวกนี้ อยากลงพื้นที่จริงไปช่วยชาวบ้านที่ประสบปัญหา เริ่มต้นโครงการแรกด้วย “โครงการกระดานดำกับกระทิงแดง” เน้นให้ทุนนักศึกษามหาวิทยาลัยทำกิจกรรมออกค่ายอาสา “ตา” มีโอกาสลงพื้นที่กับนักศึกษาในหลายชุมชน ทำให้ได้สัมผัสถึงปัญหาของชาวบ้านในถิ่นห่างไกล และอยากเข้าไปลุยช่วยเหลือจริงจัง จึงนำเสนอบอร์ดของครอบครัวว่า ขอเปิดเป็นแผนกกิจกรรมเพื่อสังคมในกระทิงแดง โดยเกณฑ์อาสาสมัครจากพนักงานกระทิงแดง แรกเริ่มมีคนทำแค่ 3 คน จากเดิมที่เน้นการให้ทุน ก็เริ่มหันมาค้นหาว่าอะไรคือปัญหาแท้จริงของชาวบ้าน ทำให้พบว่า ปัญหาใหญ่อยู่ที่การขาดแคลนน้ำ ทั้งน้ำดื่ม น้ำกิน และน้ำใช้ “ตา” คุยกับมูลนิธิโครงการหลวง และร่วมมือกันริเริ่มโครงการ “เรารักษ์น้ำ” เริ่มจากภาคเหนือ และไปต่อที่ภาคอีสาน ตอนนั้นการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงกำลังเข้ามามีบทบาทมาก แต่อุปสรรคใหญ่คือ การขาดแคลนแหล่งน้ำ เพราะต้องขุดขึ้นเอง และแบ่งพื้นที่เป็นส่วนๆ ชาวบ้านไม่มีศักยภาพพอที่จะทำเอง อีกอุปสรรคคือ แม้เราจะเข้าไปช่วยปรับปรุงเรื่องแหล่งน้ำ แต่การจะแบ่งพื้นที่บางส่วนของชาวนามาทำแหล่งน้ำ พวกเขาจะคิดเยอะ ไม่ยอมให้พื้นที่ เพราะกลัวผลผลิตต่อไร่ต่อปีลดลง พอเราเจาะรู้ปัญหา ก็เลยเอาทีมงานลงพื้นที่จริง เพื่อทำความเข้าใจกับชุมชน และช่วยขุดบ่อสร้างแหล่งน้ำ เราได้สร้างหมู่บ้านโมเดลขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อหมู่บ้านนั้นสำเร็จสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง หมู่บ้านรอบๆก็มาขอเข้าร่วมโครงการเอง ไม่ต้องชักจูงเลย

10 กว่าปีที่ทุ่มเทให้งานด้านสังคม ผลลัพธ์น่าชื่นใจไหมคะ

ตอนนี้แผนกกิจกรรมเพื่อสังคมมี 12 คน ดูแลโปรเจกต์ 12 โปรเจกต์ ต่อปี “ตา” ยังอยากทำอะไรอีกเยอะมาก ทุกกิจกรรมอยู่ภายใต้โครงการ “กระทิงแดง สปิริต” ใจอาสากับกระทิงแดง เราจัดกิจกรรมเพื่อสังคมตลอดทั้งปี ปีละ 10-12 กิจกรรม โดยเน้น 4 เรื่องหลักๆคือ ความมั่นคงปลอดภัยด้านอาหาร, สิ่งแวดล้อม, ผู้ด้อยโอกาส และเมืองมีน้ำใจ เพื่อดึงน้ำใจของคนเมืองออกมา ชื่นใจมากเพราะมีคนสนใจร่วมโครงการอาสาสมัครเหล่านี้เกินคาด

กิจกรรมเพื่อสังคมในปีนี้เน้นอะไรเป็นพิเศษ

เน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยด้านอาหาร ภายใต้โครงการ “เกษตรอินทรีย์ วิถียั่งยืน” เป็นการทำงานร่วมกับชุมชนรอบโรงงาน โดยกระทิงแดงจะเข้าไปสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนในระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืนของสังคมไทย ภายใต้สโลแกน “จุดพลังใจ ขับเคลื่อนสังคมไทย” อยากให้คนไทยสนใจเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว การจะปลูกข้าวอินทรีย์ให้ได้ผลผลิตอินทรีย์ โดยไม่มีสารเคมีเจือปนเลย จริงๆแล้วไม่ใช่แค่ใช้เมล็ดพันธุ์พื้นเมืองอินทรีย์ แต่ต้องควบคุมทุกมิติให้เป็นอินทรีย์ด้วย ฟังแล้วเหมือนยากที่ชีวิตเกษตรกรไทยจะพ้นสารเคมี แต่เราจะผลักดันต่อไป

...

ผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติเลยดีไหม

ในต่างประเทศเรื่องเกษตรอินทรีย์เติบโตกว่า 10% เราควรหันมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหาร สุดท้ายงบจากการรักษาโรคลดน้อยลงแน่ๆ ปัจจุบัน คนไทยเป็นมะเร็งกันมากขึ้น เพราะมีสารปนเปื้อนตก ค้างในร่างกายมาก เราเป็นประเทศเกษตร– กรรมเล็กๆ ปลูก เองทำเองและกินเอง แต่ทำสถิติ ใช้สารเคมีติดอันดับสามของโลก ถือเป็นวิกฤติระดับประเทศ ต้องเร่งแก้ไข อีกเรื่องที่อยากผลักดันมากคือ ชาวนาควรมีคุณค่ามากกว่านี้ ถามว่าชาวนาอยากทำผลผลิตที่ไม่มีสารเคมีไหม เราค้นพบว่าชาวนาส่วนใหญ่อยากทำ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูแลปากท้องและครอบครัวก่อน ทำยังไงให้ชาวนามีกำลังใจสู้ เราต้องรวมพลังคนไทยสร้างกำลังใจให้ชาวนาว่า ถ้าเปลี่ยนมาปลูกข้าวปลูกผักที่ไม่ใส่สารเคมี จะมีคนเห็นคุณค่าจริงๆ และมีคนรับซื้อ เมื่อเราช่วยพวกเขาให้ปลูกพืชไร้สารเคมี สิ่งที่จะได้แน่ๆคือ สุขภาพของชาวนา และสุขภาพของคนไทย ขณะเดียวกัน จะได้สิ่งแวดล้อมที่ดีกลับคืนมาด้วย

ทุ่มเทไปทั้งหมด ฝันอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรในเมืองไทย

คาดหวังอยากเห็นความสุขของคนไทย เวลาลงพื้นที่ “ตา” ชอบเห็นรอยยิ้มของชาวบ้าน โดยเฉพาะรอยยิ้มที่แท้จริง ซึ่งต้องเกิดจากสุขข้างใน เป็นความสุขแท้จริงและยั่งยืน เมื่อเราถอยออกมาแล้ว ชาวบ้านต้องดูแลตัวเองได้ โดยผ่านวิสาหกิจชุมชน เมื่อพวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันทำ สิ่งหนึ่งที่ได้แน่ๆคือความสามัคคีของชุมชน อยากให้ชาวนาไทยอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน ได้รับการยกย่องจากสังคมไทย ผลผลิตที่เกิดขึ้นสามารถเลี้ยงตัวเองได้ สามารถรวมตัวกันสร้างตลาดที่มีอำนาจต่อรอง ชาวนาจะเป็นคนกำหนดราคาได้เอง ถ้าเอกชนและหน่วยงานของรัฐร่วมมือทำเรื่องนี้ มันคือพลังของผู้บริโภคที่ยิ่งใหญ่มาก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน คุณพ่อบอกเสมอว่า อย่าไปคิดว่าอุปสรรคคือเรื่องยากลำบากที่แก้ไขไม่ได้ เพียงแต่เราจะแก้ไขมันด้วยวิธีไหนเท่านั้น เราต้องพูดกับตัวเองว่าเรามีเวลาตลอดชีวิตของเราที่จะทำเรื่องหนึ่งเรื่องใด ถ้าเราคิดบวกมันก็บวก ถ้าเราคิดลบมันก็ลบตลอดชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างให้มองบวก มันก็จะไม่มีปัญหา ปัญหาเป็นเส้นทางทดสอบชีวิตเราเท่านั้นเอง โลกนี้ไม่ได้มีทางเดียวในการแก้ไขปัญหา ถ้าเราคิดทางใหม่ได้เพื่อไปสู่เป้าหมาย เราก็คือผู้ชนะตัวเอง เราคือผู้ค้นเจอทางนี้นะ มันน่าภูมิใจไหมล่ะ

...

เป็นทายาทมหาเศรษฐีฟอร์บส์ ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ก็ได้นะคะ?

ถ้าไม่ทำอะไรเลย เราจะมีคุณค่าได้ยังไง เราเกิดเป็นพลเมืองคนไทย เราไม่ทำอะไรเพื่อแผ่นดินเกิดเลยเหรอ ในขณะที่เรามีศักยภาพ ถ้าเราอยากทำอะไรก็ทำเลย “ตา” อยากชักชวนคนไทยให้มาจับมือช่วยกันทำ มันก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วขึ้น “ตา” ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบสร้างอะไรใหม่ๆ ชอบเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆในสังคมไทย อยากให้คนไทยกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้ม มีแต่ความเอื้ออารีกันในสังคมไทย.

ทีมข่าวหน้าสตรี