เฉลิมชัย - อุษณา
ถ้าพูดถึง “เจ้าสัวประยุทธ มหากิจศิริ” ทุกคนมักนึกถึง เนสกาแฟ ต้นกำเนิดธุรกิจที่สร้างความมั่งคั่งจนก้าวกระโดดขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย แต่ถ้าจะล้วงลึกเข้าไปในอาณาจักรธุรกิจของตระกูลมหากิจศิริแล้วล่ะก็ ยังมีธุรกิจหลากหลายอีกมาก ที่เจ้าสัวปลุกปั้นขึ้นกับมือเพื่อเป็นแขนขาในการสยายปีกเสริมความแน่นปึ้กของอาณาจักรพีเอ็ม กรุ๊ป โดยมีทายาทเจเนอเรชั่นสอง “กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” เป็นกำลังสำคัญในการรับไม้ต่อสืบทอดกิจการหลายแสนล้านให้เดินไปข้างหน้าอย่างไม่สะดุด และทนทานต่อคลื่นลมแรง ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ในฐานะลูกชายคนเดียว “กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ได้รับมอบหมายให้บุกตะลุยธุรกิจใหม่ๆเพื่อต่อยอดอาณาจักรพีเอ็ม กรุ๊ป ให้พัฒนาไปข้างหน้า โดยพิสูจน์ฝีมือมาแล้วจากการพลิกฟื้นธุรกิจของ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ให้กลายเป็นดาวรุ่งอนาคตไกลในตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ “ณา-อุษณา มหากิจศิริ ทัพพะรังสี” ถูกวางตัวให้เข้ามาช่วยเสริมทัพดูแลกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์, สนามกอล์ฟ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ทั้งหมด โดยมีคุณพ่อประยุทธคอยดูแลอยู่ห่างๆแบบห่วงๆ
...
สองพี่น้องเข้ามาช่วยธุรกิจที่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่
กึ้ง : หลังเรียนจบปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์การเงิน จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา ผมกลับมาเมืองไทย ด้วยความคิดว่าอยากทำอะไรเองที่ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ ตอนนั้นอายุแค่ 23 ปี ค่ายเอ็กแซ็กท์ชวนไปเล่นละคร ก็ลองเล่นหลายเรื่อง ปรากฏว่าชอบ แต่สุดท้ายหนีตัวเองไม่พ้น เพราะเราเป็นลูกชายคนเดียว มีหน้าที่สืบทอดธุรกิจครอบครัว จึงเข้ามาทำงานกับคุณพ่อเมื่อ 4 ปีก่อน โปรเจกต์แรกที่ทำคือ ทำดีลข้อตกลงระหว่าง บมจ.ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส กับโพสโค ของเกาหลีใต้ จากนั้นคุณพ่อก็ให้ทำดีลเข้าซื้อกิจการและพลิกฟื้นธุรกิจ TTA โดยผมนั่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมื่อต้นปี 2557 และเป็นซีอีโอของบริษัท พีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด ส่วนคุณพ่อเป็นที่ปรึกษาครับ
ณา : ธุรกิจของครอบครัวเราอยู่ภายใต้กลุ่มบริษัท พีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด คนส่วนใหญ่รู้จักคุณพ่อในฐานะผู้บุกเบิกเนสกาแฟ แต่จริงๆแล้วธุรกิจหลักในปัจจุบัน 80% เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนัก คุณพ่อบุกเบิกทำโรงงานผลิตฟิล์มใสแพ็กเกจจิ้งห่อสินค้าทุกอย่าง จากนั้นก็มาเปิดโรงงานผลิตสเตนเลส สตีล และตั้งโรงงานผลิตทองแดงบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สร้างตึกสร้าง คอนโด สร้างสนามกอล์ฟ ซึ่งตรงนี้เป็นธุรกิจที่ “ณา” เข้ามาช่วยหลังเรียนจบปริญญาตรี ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน
สไตล์บริหารธุรกิจของรุ่นลูกเหมือนหรือต่างจากรุ่นพ่ออย่างไร
กึ้ง : คุณพ่อเน้นให้ฝึกการตัดสินใจด้วยตัวเอง ทำถูกผิดก็ดีหมด แต่ขอให้ตัดสินใจถูกในเรื่องใหญ่ และผิดเรื่องเล็ก วิธีคิดของพ่อไม่คอนเซอร์เวทีฟเลย ท่านเป็นคนกล้าได้กล้าเสียมาก! บุกเบิกธุรกิจใหม่ๆที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คุณพ่อเป็นคนที่รักในสิ่งที่สร้างทุกอย่าง เพราะท่านเป็นบลิวเดอร์ แต่สำหรับเราจะมองว่าเทรนด์ของโลกเป็นยังไง ต้องมองอนาคต 5-10 ปีข้างหน้า และปรับตัวให้รวดเร็วตามความเปลี่ยนแปลง ต่อไปโลกจะเปลี่ยนเร็วขึ้นมาก ต้องตัดสินใจเร็ว ดูกระแสโลกให้ทัน สไตล์ของคุณพ่อ ท่านสร้างธุรกิจมาอย่างมั่นคงและจะแน่นไปเรื่อยๆ แต่หน้าที่ของคนรุ่นใหม่ คือต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยใช้ประสบการณ์ของผู้ใหญ่เป็นเครื่องนำทาง
ณา : คุณพ่อเป็นคนใจดี แต่ถ้าเกี่ยวกับงานและหน้าที่รับผิดชอบ คุณพ่อจะดุและจริงจัง “ณา” จะคุยกับพ่อทุกเรื่อง
คุณพ่อถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้เยอะไหม
กึ้ง : พอเข้ามาช่วยคุณพ่อทำธุรกิจ ทำให้รู้ว่าเรามีสายเลือดของนักธุรกิจเต็มตัว ตั้งแต่เด็กๆพ่อจะพาไปดูงานไปประชุมกับลูกค้า ทำให้ซึมซับสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว และได้แง่คิดที่นำมาใช้ถึงปัจจุบันว่า ถกให้น้อย ทำการบ้านให้เยอะ พ่อจะพูดเสมอว่าสิ่งที่พ่ออยากให้เรียนรู้มากที่สุด คือความรู้และประสบการณ์ที่พ่อสั่งสมมา ทำไปทำมาผมว่าผมกล้าได้กล้าเสียเหมือนคุณพ่อเลย สุดท้ายก็คล้ายๆพ่อ เพราะพ่อเป็นคนหลอมเราขึ้นมา ความรู้ความสามารถต่างๆก็ได้รับถ่ายทอดจากพ่อ
คุณพ่อยังแอ็กทีฟอยู่ไหม ได้ข่าวว่าเข้าออฟฟิศคนแรกทุกวัน?
ณา : (พยักหน้า) คุณพ่อยังแอ็กทีฟมาก แม้จะเป็นที่ปรึกษาของพีเอ็ม กรุ๊ป ปีนี้อายุ 70 แล้ว แต่ยังไปทำงานเป็นคนแรกทุกวัน เข้าออฟฟิศตั้งแต่ 6 โมงเช้า หลังเที่ยงก็ออกไปตีกอล์ฟแล้ว คุณพ่อทำงานแบบนี้ตั้งแต่หนุ่มๆ คือทำงานแบบไม่ต้องซีเรียสนั่งอยู่ออฟฟิศทั้งวัน ท่านจะใช้เวลาทำงานแค่ครึ่งวัน อีกครึ่งวันก็ไปพักผ่อนออก กำลังกาย ตรงนี้เป็นเคล็ดลับที่ทำให้คุณพ่อแข็งแรงและมีพลังในการทำงาน
...
ลุคซีอีโอหนุ่มผมยาว เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาธุรกิจไหม
กึ้ง : (หัวเราะ) ไม่เป็นอุปสรรคครับ แต่ทำให้เราเข้าถึงคนได้ง่าย แปลกมากเลยตอนผมไปเจอพวกกองทุนต่างประเทศ เขาจะตกใจมาก เวลาถามผมว่าทำอะไรมาก่อน แล้วผมบอกว่าเคยเล่นหนังเล่นละคร กลายเป็นการเปิดบทสนทนาที่น่าสนใจ ทำให้คนอยากคุยต่อ ช่วยให้บิสเนสราบรื่นและไม่น่าเบื่อ ผมเป็นคนคิดนอกกรอบ และไม่ชอบเหมือนคนอื่น อะไรที่เราทำแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่น ทำไปเถอะ จงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ชีวิตเรามีอะไรให้เรียนรู้เยอะไปหมด แต่สำคัญที่สุดต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และไม่กระทบต่อสุขภาพ คุณพ่อสอนเสมอว่าเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีได้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกทุกคนคือสุขภาพที่ดี ฉะนั้น จงรักษามันไว้ คุณพ่อยังเน้นว่าบางทีเรามีโอกาสดีกว่าคนอื่น ก็ควรเปิดโอกาสให้คนอื่น ถึงจะรู้ว่าโดนเอาเปรียบบ้าง ก็ยอมไปเถอะ
คุณแม่ล่ะคะ เข้มงวดกับลูกๆอย่างที่ร่ำลือหรือเปล่า
กึ้ง : คุณแม่เป็นหลังบ้านที่คอยดันทุกคน เป็นกำแพงที่แน่นมาก!! คุณแม่ไม่ชอบออกสื่อ ชอบอยู่เงียบๆ คอยปกป้องทุกคนในครอบครัว คุณแม่จะผลักดันให้ทำโน่นทำนี่เสมอ
...
ณา : หลายๆอย่างเริ่มต้นจากไอเดียคุณแม่ รวมถึงการนำขนมมาการองชื่อดังจากฝรั่งเศส “ปิแอร์ แอร์เม่ ปารีส” มาขายในเมืองไทย คุณแม่ไปเจอที่ฮ่องกง แล้วก็กลับมาบอกลูกๆว่าอร่อยมากและรสชาติมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อยากให้นำมาขายในเมืองไทย
ลูกๆขานรับไอเดียคุณแม่ไหมคะ
ณา : (พยักหน้า) พอดีเรามีพาร์ทเนอร์ฝรั่งเศสเยอะ เลยดีลกันจนสำเร็จ และพร้อมนำมาเปิดแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย ปลายเดือนนี้ ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เป็นสาขาที่ 50 ของโลก เจ้าของแบรนด์ได้รับการยกย่องเป็นปิกัสโซ่แห่งวงการขนมหวาน ขณะที่แบรนด์ปิแอร์ แอร์เม่ ติดอันดับ
มาการองและขนมหวานยอดเยี่ยมที่สุดของฝรั่งเศส และท็อป 50 แบรนด์ลักชัวรี่ของฝรั่งเศส นอกจากมาการองสูตรลับต้นตำรับฝรั่งเศสแล้ว ยังมีขนมหวานอื่นๆสไตล์ปารีสให้ชิมด้วย เช่น เค้ก, คาราเมล, นูกัต, ช็อกโกแลต และแยมผลไม้รวม
...
พี่น้องเม้าท์กันให้ฟังหน่อย
กึ้ง : น้องณาเป็นคนดื้อเงียบ เหมือนฟังแต่ไม่ฟัง เหมือนทำตามแต่ไม่ทำ คือจะคิดของตัวเองไว้แล้ว เป็นคนจิตใจดี แต่รักผมมากเกินไป ผมเลยไม่ได้แต่งงานซะที (หัวเราะ)
ณา : พี่กึ้งจิตใจดีมาก และใจอ่อนที่สุดในพี่น้อง ขี้สงสารคน เป็นนิสัยเค้าตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยขัดใจคน พ่อแม่ก็ไม่เคยขัดใจ เราเป็นพี่น้องที่สนิทกันเพราะอายุใกล้กัน มีอะไรก็จะเล่าให้ฟังตลอด กับพี่ตุ๊ก-อุษณี พี่สาวคนโต เป็นเหมือนแม่อีกคน ที่คอยดูแลพวกเราสองคน ก็จะสนิทกันคนละแบบ
“พี่กึ้ง” ตัวจริง เป็นคาสโนว่าเนื้อหอมฉุยอย่างที่เป็นข่าวไหม
ณา : (หัวเราะลั่น) ไม่เลย! คนชอบถามว่าทำไมภาพข้างนอกกับตัวจริงไม่เหมือนกันเลย “พี่กึ้ง” เป็นคนอยู่ติดบ้านมาก ชอบใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นนอนอยู่บ้าน เล่นเกม ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า ไม่เจ้าชู้เลย
กึ้ง : เหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ได้แต่งงาน ก็เพราะสื่อชอบนำเสนอภาพแบบนี้ (หัวเราะ)
ประสบความสำเร็จเรื่องงานแล้ว ถึงเวลาซีอีโอผมยาวสร้างครอบครัวหรือยัง
กึ้ง : ปีนี้ผมอายุ 36 ย่าง 37 คุณพ่อคุณแม่เร่งให้แต่งงานตั้งแต่อายุ 30 แล้ว คุณพ่อเซ็ตงานแต่งไว้หมดแล้ว (หัวเราะ) ตอนแรกตั้งเป้าไว้ว่าอยากแต่งงานตอนอายุ 35-36 แต่มันเลยมาแล้ว (หัวเราะ) ก็ตั้งเป้าใหม่ไม่เกินอายุ 40!! การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องหาคนที่เข้าใจเรา ผมเป็นลูกชายคนเดียว มีหน้าที่ต้องดูแลธุรกิจของครอบครัว
จะเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ต้องโดนสกรีนเข้มขนาดไหน
กึ้ง : ถ้าเมื่อ 5-7 ปีก่อน คงสกรีนเข้มหน่อย แต่ตอนนี้อะไรก็ได้แล้วขอให้แต่ง!! แทบจะเอาโบว์ผูกผมแล้วยกให้เลย!
ผู้หญิงในฝันที่ “กึ้ง” อยากแต่งงานด้วย ต้องประมาณไหน ถ้าเป็นดาราโอเคไหม
กึ้ง : ไม่เกี่ยวว่าเป็นดาราหรือไม่ดารา เพราะอินเนอร์สำคัญกว่า คือต้องใช่ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกว่าใช่ ต้องเข้าใจในตัวผม เคารพซึ่งกันและกัน ผมเป็นแนวอินดี้ บางคนสวยมาก แต่ความรู้สึกที่อยู่ใกล้กันมันไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ผมชอบผู้หญิงลุยๆหน่อยสบายๆ กินข้าวข้างถนนได้ เพราะผมเป็นคนชอบอะไรง่ายๆสบายๆ ผมอยากมีครอบครัวเหมือนคุณพ่อคุณแม่ ที่แต่งงานกันและรักกันยั่งยืน พ่อแม่จะตัวติดกันตลอด ไปไหนมาไหนขาดกันไม่ได้ พ่อติดแม่มาก ห่างกันก็จะคิดถึง
นอกจากรับช่วงธุรกิจต่อจากคุณพ่อ มีความฝันของตัวเองไหม
กึ้ง : ผมชอบงานบันเทิง ฝันอยากทำหนังของตัวเองสักเรื่อง ผมชอบหนังแอ็กชั่น และอยากทำหนังแอ็กชั่นไทยดีๆ
ว่าแต่จะเลือกใครเป็นนางเอกดีคะ ซีอีโอหนุ่มเจ้าเสน่ห์!!
ทีมข่าวหน้าสตรี