สาวรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองคนหนึ่ง ในฐานะทายาทรุ่นต่อไปของธุรกิจน้ำตาล “กลุ่มวังขนาย” ธัญรักษ์ ณ วังขนาย ลูกสาวคนที่ 2 ของ ธีระ ณ วังขนาย รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มวังขนาย ซึ่งกำลังเรียนรู้งานในองค์กร โดยกินตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก่อนจะก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่ในการบริหารต่อไป

ธัญรักษ์ หรือที่คนในครอบครัวเรียกว่า “ธัญย่า” วัย 28 ปี เจเนอเรชั่นที่ 3 ของธุรกิจวังขนาย เล่าว่า ตั้งแต่เด็กไม่คิดว่าจะเข้ามาทำงานด้านธุรกิจเลย คิดแต่อยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือ พอจบชั้นมัธยมจากมาแตร์เดอีวิทยาลัย เลือกที่จะเรียนนิติศาสตร์ แต่ป่วยไม่ได้ไปสอบ เลยมาสอบตรงเข้าเรียนที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกับเรียนหลักสูตรควบของ University of Wisconsin ที่สหรัฐฯ และได้ทำตามฝันที่อยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ตอนเรียนต่อปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ ที่ Fudom University Shanghai ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้นได้ทุนไปเรียนหลักสูตรเพิ่มเติม ด้านเกษตรยั่งยืน ที่ Keio University ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างเรียนปริญญาโทใบนี้ ตามหลักสูตรต้องสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยด้วย รู้สึกชอบมากได้สอนอยู่ 2 ปี เพราะหลักสูตรนี้ใช้เวลาเรียน 3 ปีครึ่ง

“ธัญย่า ถูกเรียกตัวกลับบ้านตอนเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งรุนแรงล่าสุด พอกลับมาคุณพ่อไม่ได้บังคับว่าให้มาทำงานของครอบครัว ตั้งแต่เรียนแล้วก็ไม่เคยบังคับ แต่คุณปู่-(อารีย์ ชุ่นฟุ้ง ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มวังขนาย) บอกว่า ปู่ไม่ไหวแล้ว เข้ามาช่วยปู่หน่อย เลยได้เข้ามาเรียนรู้งาน โดยปีแรก ธัญย่า ติดตามผู้ใหญ่ ทั้งท่านประธาน และคุณอาบุญญฤทธิ์ ณ วังขนาย ผู้จัดการทั่วไป พอไม่รู้หรือไม่เข้าใจอะไร ธัญย่าก็จะถามจากคุณอาตลอด เพื่อให้เข้าใจ เราต้องเรียนรู้จากคนที่มีความรู้และประสบการณ์มากกว่า”

จากวันนั้นเป็นเวลา 3 ปีแล้วที่สาวคนนี้ได้พิสูจน์ฝีมือในการทำงาน ซึ่งเธอบอกว่า การทำงานตอนนี้แม้จะเป็นผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์ แต่ก็ได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้งานแผนกอื่นๆด้วย ส่วนงานที่ดูแลอยู่ตอนนี้มีทั้งงานบริหารและงานกิจกรรมเพื่อสังคม ที่ทางบริษัทให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเข้าไปให้ความรู้แก่ควาญช้างในการปลูกอ้อยเพื่อเลี้ยงช้าง หรือให้ทุนการศึกษาแก่ลูกๆควาญช้าง ล่าสุดก็ได้ทำกิจกรรมแบ่งปันความสุข กับกลุ่มคนรักการปั่นจักรยาน โดยขอรับบริจาคสิ่งของเพื่อนำไปให้น้องๆในชุมชน

เมื่อถามถึงความกดดันในการทำงานธุรกิจของครอบครัว ธัญย่า บอกว่า ก็มีความกดดันไม่เหมือนกับทำงานบริษัทคนอื่น เพราะถ้าพลาดอะไร เราจะเจ็บถึงใจ การห่วงอนาคตองค์กรทำให้เราต้องระวังในการทำงานมากขึ้น ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งคุณปู่ คุณพ่อ และคุณอา มีการทำงานคนละสไตล์ เราต้องเรียนรู้ด้วยการสังเกต เพราะเขาไม่มานั่งสอน แล้วต้องรู้จักหยิบข้อดีของการทำงานของแต่ละคนมาใช้ อย่างคุณปู่ จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุคคล ไม่ว่าจะเป็นใคร ท่านมีใจรักทุกคนในองค์กร มองว่าเราคือครอบครัว คุณพ่อเป็นคนที่รู้ทุกอย่าง ท่านอ่านหนังสือเยอะมาก ท่านจะพูดเร็ว ทำงานเร็ว คุณอามีความคิดสมัยใหม่ คิดต่างจากคนอื่นแต่เวิร์ก

ธัญย่า มีหลักการทำงานที่ต่างจากหนุ่มสาวสมัยใหม่ทั่วๆไป ที่มักจะมีความอีโก้อยู่ในตัว โดยเธอเล่าว่า “เห็นการทำงานตั้งแต่รุ่นคุณปู่ มาถึงคุณพ่อและคุณอา ทำให้เราต้องทำงานอย่างเต็มที่ ถามเมื่อไม่รู้ ศึกษาเมื่อทำไม่ได้ และทำให้จบ ห้ามทิ้งครึ่งๆกลางๆ ไม่รู้ก็ถามเยอะๆ เพราะบางทีคิดเข้าใจไปเอง อาจไม่ถูกก็ได้”

คิดแบบนี้ จึงทำให้สาวเจเนอเรชั่นที่ 3 ของบ้านวังขนายคนนี้มีความน่าสนใจไปอีกมุมหนึ่ง.

...