วัฒนธรรมการดื่มชาแบบผู้ดีอังกฤษ แพร่หลายเข้ามาในเมืองไทยหลายทศวรรษแล้ว แต่เพิ่งมาตื่นตัวในช่วงไม่กี่ปีนี้ เพราะมีการพาเหรดนำชาคุณภาพเยี่ยมจากเมืองนอกเข้ามาเปิดตัวคึกคัก ล่าสุด “โจ ถวิลเวชกุล” เอ็มดีหนุ่มไฟแรงแห่งบริษัท เกรท เอิร์ธ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขอมอบประสบการณ์ใหม่ของการดื่มชาคู่กับมื้อดินเนอร์สุดหรู แทนการกระดกไวน์ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้คนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสุนทรีย์ในการรับประทานอาหาร ด้วยการเปิดตัว ชากริฟฟ่อน (Gryphon) ชารสชาติเยี่ยมคุณภาพดีจากสิงคโปร์ เป็นครั้งแรกในเมืองไทย พร้อมเสิร์ฟให้ได้ลิ้มลองบนโต๊ะดินเนอร์สุดหรูตามร้านอาหารชั้นนำ และซุปเปอร์มาร์เกตในเครือสยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัล
งานนี้ เอ็มดีหนุ่มไฟแรง ซึ่งมีประสบการณ์ในการจับคู่อาหารกับไวน์มายาวนาน ได้สาธิตนำชา 4 ประเภท 12 รสชาติ มาจับคู่กับเมนูอาหารที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อถ่ายทอดศิลปะบนโต๊ะอาหาร ที่ดึงเอารสชาติยอดเยี่ยมของชา บวกกับกลิ่นหอมหลากหลายแบบอโรม่า เข้ามาช่วยนำรสชาติอาหารให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น โดยความพิเศษของชากริฟฟ่อนอยู่ที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ อันเกิดจากการผสมผสานระหว่างใบชาและสมุนไพรต่างๆ จนได้กลิ่นหอมและรสละมุนที่โดดเด่นแตกต่างกัน สร้างความประทับใจยิ่งขึ้นเมื่อผสมผสานกับเทคนิคการชงชาแบบพิเศษโดยไม่ผ่านความร้อน แต่เปลี่ยนมาชงกับน้ำเย็นในอุณหภูมิที่เป็นสูตรเฉพาะ
...
สำหรับเคล็ดลับการจับคู่ชากับอาหาร ต้องเริ่ม จากการดูรายละเอียดของวัตถุดิบหลักในเมนู ซึ่งวัตถุดิบหลักของอาหารแต่ละชนิดจะมีโซลเมตอยู่แล้ว เหมือนกับเวลาที่ดื่มไวน์องุ่นแต่ละสายพันธุ์ มาจากแต่ละพื้นที่ ก็จะมีอาหารบางจานที่แมตช์กันได้ดี ก่อนจับคู่ควรแบ่งประเภทของชาเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ชากลุ่มกรีนที (Green Tea), ชากลุ่มเฮอร์บอลที (Herbal Tea) ชากลุ่มแบล็กที (Black Tea) และชากลุ่มไวท์ที (White Tea) โดยยกตัวอย่างเช่น ชาเขียวผสมใบมินต์ให้ความสดชื่น เหมาะทานคู่กับกุ้งทันดูรีหมักไรต้ามินต์และแตงกวา ถ้าเป็นชารสนุ่มหอมกลิ่นวานิลลา ช่วยกระตุ้นความรู้สึก ก็ควรดื่มคู่วานิลลารีซอตโต้เสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ ส่วนชามะลิที่มีกลิ่นโดดเด่นจากน้ำมันกุหลาบ อาจจับคู่กับไข่นกกระทาต้มชาและแตงกวาดอง ขณะที่ชามาซาล่ารสร้อนแรงจากทวีปอินเดีย ดื่มคู่กับซี่โครงแกะอบ รับรองว่ากลมกล่อมอร่อยไม่แพ้ทานกับไวน์แดง.