ก็เพราะเป็นเจ้าหญิงที่มีพระสิริโฉมงดงามสะดุดตาไม่แพ้ซุปเปอร์โมเดลระดับโลก และได้รับการจัดอันดับหลายต่อหลายครั้งให้เป็นพระราชวงศ์ที่น่าใฝ่ฝันที่สุดในโลก เรื่องราวชีวิตรักของ “เจ้าหญิงแมเดลีน” พระราชธิดาน้องนุชสุดท้อง พระชนม์ 30 ชันษา ของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน จึงตกเป็นเป้าสนใจของสาธารณชนอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้

ตั้งแต่สมัยเพิ่งแตกเนื้อ สาว “เจ้าหญิงแมเดลีน” ทรงถูกจับคู่กับพระราชนิกุลรุ่นใหม่ของยุโรปหลายต่อหลายพระองค์ หนึ่งในนั้นก็รวมถึง “เจ้าชายวิลเลี่ยม” รัชทายาทอันดับสองแห่งวินด์เซอร์ ซึ่งทรงลืมตาดูโลกหลังเจ้าหญิงเพียง 11 วัน จึงถูกผู้ใหญ่หมายมั่นปั้นมือมาแต่อ้อนแต่ออกว่าน่าจะเป็นคู่ตุนาหงันที่เหมาะสม กระนั้น เรื่องหัวใจบังคับกะเกณฑ์ไม่ได้ ต่างฝ่ายก็ต่างพึงใจในสามัญชนมากกว่าจะรักเจ้าฟ้าด้วยกัน

ด้วยบุคลิกร่าเริงสดใสเป็นมิตรกับผู้คน ประกอบกับความสวยเด่นสะดุดตา ทำให้ “เจ้าหญิงแมเดลีน” ทรงตกเป็นเป้าสนใจของสื่อและปาปารัสซี่มาตลอด เรียกว่าโด่งดังไม่น้อยหน้าพระภคินี “เจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย” ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารี ตั้งแต่พระชนม์ย่าง 3 ชันษา พร้อมจ่อคิวขึ้นสืบราชบัลลังก์เบอร์นาดอตต์

อย่างไรก็ดี โบราณว่าไว้ว่า คนสวยมักอาภัพรัก เรื่องนี้ “เจ้าหญิงแมเดลีน” คงซาบซึ้งเข้าถึงแก่น เพราะแม้จะมีหนุ่มๆเวียนเข้ามาขายขนมจีบมิได้ขาด แต่กว่า “เจ้าหญิงแมเดลีน” จะได้ลงจากคานจริงๆอายุอานามก็ขึ้นเลขสามซะแล้ว!! ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เลือกมาก หรือหาคนจริงใจไม่ได้ แต่ติดขัดที่ต้องรอคิวให้พระภคินีองค์โต ซึ่งพระชันษาห่างกัน 5 ปี ลั่นระฆังวิวาห์ซะก่อน ตามราชประเพณีของราชวงศ์สวีเดน

และก็เพราะอยากแต่งงานเต็มทน “เจ้าหญิงแมเดลีน” จึงลงทุนเป็นแม่สื่อแม่ชักคอยแนะนำหนุ่มๆให้พี่สาว จนในที่สุดก็มาลงตัวที่ “แดเนียล เวสต์ลิ่ง” หนุ่มสามัญชนเจ้าของโรงยิม ซึ่งสามารถเอาชนะใจ “เจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย” และพระบรมวงศานุวงศ์สวีเดนได้สำเร็จ หลังใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่ 7 ปีเต็ม

เมื่อเคลียร์อุปสรรคใหญ่ผ่านพ้นไปได้ แทนที่จะได้สมรสสมรักอย่างที่วาดหวังไว้ ความฝันอันสวยหรูของ “เจ้าหญิงแมเดลีน” กลับพังครืนไม่เป็นท่า เพราะจับได้ว่าคู่หมั้นหนุ่ม “โจนาส เบิร์กสตรอม” ผู้ช่วยทนายความรุ่นพี่ ซึ่งอยู่กินกันมานาน 8 ปีเต็ม แอบนอกใจกุ๊กกิ๊กกับนักศึกษาสาวนอร์เวย์ระหว่างไปค้างคืนเล่นสกี เหตุเกิดเพียงไม่กี่เดือนก่อนถึงวันเสกสมรส ซึ่งวางแผนไว้ราวปลายปี 2010

ขณะนั้น “เจ้าหญิงผู้อาภัพ” ทรงมีพระชนม์ 27 ชันษา ส่วนฝ่ายชายอายุ 31 ปี แรกเริ่มทางสำนักพระราชวังสวีเดนออกแถลงการณ์ประกาศเลื่อนการเสกสมรสอย่างไม่มีกำหนด จากนั้นไม่นาน ก็ประกาศยกเลิกการหมั้น โดย “เจ้าหญิงผู้เลอโฉม” ทรงหอบหัวใจสุดช้ำ หนีไปรักษาแผลใจไกลถึงมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับข้ออ้างว่า ได้รับการมอบหมายจากพระมารดา “ควีนซิลเวีย” ให้ไปช่วยสานต่องานการกุศลของมูลนิธิเด็กโลก ซึ่งสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ทรงก่อตั้งไว้เมื่อปี 1999 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก

นับตั้งแต่นั้นมา ข่าวคราวเกี่ยวกับ “เจ้าหญิงแมเดลีน” ก็พลอยเงียบหายไปด้วย เพิ่งจะไม่กี่วันนี้เองที่จู่ๆ “เจ้าหญิงผู้เลอโฉม” ทำให้โลกต้องเซอร์ไพรส์ เมื่อควงแขนเศรษฐีหนุ่มนักการเงินการธนาคารชาวอเมริกัน-อังกฤษ “คริสโตเฟอร์ โอนีล” วัย 38 ปี มาเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก ในฐานะคู่หมั้นคู่หมาย ทั้งคู่วางแผนจะลั่นระฆังวิวาห์ที่ประเทศสวีเดน ในช่วงฤดูร้อน ปี 2013 แต่ยังไม่กำหนดวันแน่นอน โดย “ควีนซิลเวีย” ทรงเอ่ยปากชมว่าที่ลูกเขยสุดหล่อว่า เขาคือลูกเขยในฝันของแม่ยายทั้งโลก!!

นอกจากการเผยแพร่ภาพคู่สุดสวีตอย่างเป็นทางการแล้ว “เจ้าหญิงแมเดลีน” ยังทรงเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านทางเว็บไซต์ของราชวงศ์สวีเดนว่า เขาคือคู่แท้ที่ฉันตามหามานาน เขาทำให้ฉันเปิดใจได้อีกครั้ง เราทั้งคู่มีความสุขและดีใจมาก วันนี้ถือเป็นวันพิเศษสุด เรารู้จักกันผ่านการแนะนำของเพื่อน และค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ เวลาอยู่กับเขาแล้วมีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ ฉันประทับใจที่เขาเป็นผู้ชายอบอุ่น มีอารมณ์ขัน แถมยังจิตใจดีมากๆ เขาทำให้ทุกคนที่อยู่รอบตัวมีแต่รอยยิ้ม...เขาขอฉันแต่งงานเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หลังทูลขอพระราชานุญาตจากทูลกระหม่อมพ่อ เป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกสุดๆ แต่ขอเก็บรายละเอียดไว้เป็นความทรงจำส่วนตัวระหว่างเราสองคน เราทั้งคู่ได้คุยกันแล้วว่า หลังแต่งงานจะใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานที่พบรักกัน เพราะติดพันภารกิจด้านการงาน แต่ในอนาคตก็จะย้ายกลับมาอยู่สวีเดน

ด้านฝ่ายชาย ซึ่งเติบโตมาทางการเงินการธนาคารตามรอยบิดา โดยปัจจุบันเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของวาณิชธนกิจระดับโลก “นอสเตอร์ แคปิตอล” เล่าถึงโมเมนต์สุดโรแมนติกว่า ผมหลงรัก “แมเดลีน” ตั้งแต่แรกเห็น และรู้ตัวดีว่าอยากจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เพียงแต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม โดยหลังจากทูลขอพระราชานุญาตจากกษัตริย์สวีเดน ผมก็คุกเข่าขอเจ้าหญิงแต่งงานทันที โชคดีที่ครอบครัวของเจ้าหญิงอ้าแขนต้อนรับผมอย่างอบอุ่น และทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแฟมิลี่ตั้งแต่แรกเจอ จากนี้ไปหน้าที่ของผมก็คือ การเรียนรู้ภาษาสวีดิชอย่างจริงจัง เพื่อจะได้สื่อสารได้คล่องแคล่ว สวีเดนเป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ผู้คนก็เป็นมิตร ผมหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับดินแดนแห่งนี้ให้ลึกซึ้งขึ้น

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ของสวีเดนวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ต้องทิ้งช่วงนานหลายเดือนก่อนจะเสกสมรส เพราะทางราชวงศ์สวีเดนต้องการเวลาในการเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกใหม่ โดยสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ “คริสโตเฟอร์ โอนีล” จะต้องเปลี่ยนสัญชาติจากอเมริกัน-อังกฤษมาเป็นสวีดิชซะก่อน จากนั้นก็ต้องเรียนรู้ภาษาสวีดิชให้แตกฉาน รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆของพระราชวงศ์ เฉกเช่นเดียวกับ “เจ้าชายแดเนียล” พระสวามีสามัญชนของมกุฎราชกุมารีวิกตอเรีย ซึ่งต้องเข้าคอร์สฝึกเข้มเพื่อเปลี่ยนลุคใหม่ให้เข้ากับวงศ์วานหงส์

สำหรับประวัติความเป็นมาของ “คริสโตเฟอร์ โอนีล” เกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.1974 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บิดาคือ “พอล โอนีล” นักการเงินที่ทรงอิทธิพลของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และเป็นผู้ริเริ่มนำวาณิชธนกิจเก่าแก่ของอเมริกาอายุ 125 ปี “ออปเพนไฮเมอร์ แอนด์ โค” ขยายสาขาไปบุกเบิกตลาดทั่วยุโรป ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อเดือน ธ.ค.ปี 2004 ส่วนมารดาชื่อ “เอว่า มาเรีย โอนีล” เป็นสาวสังคมชั้นสูงของเยอรมัน เคยกุ๊กกิ๊กอยู่กับ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” มกุฎราชกุมารอังกฤษ ในช่วงที่รัชทายาทอันดับหนึ่งของวินด์เซอร์กำลังระหองระแหงกับพระชายาเก่า “เจ้าหญิงไดอาน่า” โดยคู่นี้ชื่นชอบดนตรีคลาสสิกเหมือนกัน อย่างไรก็ดี พระราชวังเซนต์เจมส์ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว ขณะที่ “มาดามเอว่า” ก็ปิดปากเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และขอให้สัมภาษณ์เฉพาะเรื่องลูกชาย โดยยืนยันว่า รู้สึกแฮปปี้มาก กำลังตั้งหน้าตั้งตารอต้อนรับลูกสะใภ้คนสวย และหวังว่าทั้งคู่จะเป็นคู่ที่มีความสุขที่สุดในโลก.

...


ทีมข่าวหน้าสตรี