“ตั่วเฮีย” เป็นคำเรียกติดปากของน้องๆ รวมทั้งเพื่อนพ้องในแวดวงธุรกิจที่พากันซูฮก “เอก–ทีปกร โลจนะโกสินทร์” ให้เป็นพี่ใหญ่ เพราะวีรกรรมสุดซ่าส์ บวกความเก่งกล้าสามารถแบบสุดโต่ง ที่ใครจะเชื่อว่า ชีวิตคนคนหนึ่งจะเจอมรสุมไม่สิ้นสุด ทั้งล้มลุกคลุกคลาน จนมาถึงช่วงเกือบรุ่งเรือง ก็ต้องมาเจอพายุถาโถมอีกรอบ ถ้าไม่เป็นคนจริงสู้ชีวิต ป่านนี้คงต้องยกธงขาวไปแล้ว แต่เขาผู้นี้กลับฝ่าฟันมรสุมทุกลูกมาได้

“เอก–ทีปกร  โลจนะโกสินทร์” นับเป็นทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของเครื่องนอนคู่บ้านคนไทยแบรนด์ “โลตัส” มากว่า 30 ปี ปัจจุบัน เอก นั่งแท่นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือโลตัสเบดดิ้งกรุ๊ป และประธานกรรมการบริหาร บริษัทโอมาช  (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่นอนระดับไฮเอนด์ “โอมาช” (omazz) โดยในวัยเด็ก เอก ย้อนเรื่องราวให้ฟังว่า ตัวเองเป็นเด็กเกเร ไม่ตั้งใจเรียน พ่อแม่จึงส่งไปเรียนที่สิงคโปร์ตั้งแต่ ม.3 เพราะอยากให้ลูกได้ภาษา พอ ม.4 ก็ย้ายไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จนสามารถคว้าปริญญาตรีเกียรตินิยมด้านการตลาดจาก University of Illinois at Chicago (UIC) มาให้บุพการีได้ชื่นใจ

“ก่อนที่ผมจะเรียนจบ เป็นช่วงใกล้สอบเทอมสุดท้าย ที่บ้านเจอมรสุมครั้งใหญ่ ไฟไหม้โรงงานที่นอน เรียกได้ว่ายิ่งกว่าหมดตัว ผมเลยต้องขออาจารย์สอบก่อน แล้วบินกลับมาช่วยดูแลกิจการที่บ้านต่อทันที เท่ากับต้องเริ่มธุรกิจด้วยตัวเลขติดลบกว่าพันล้านบาท ผมก็ไม่ท้อนะ ตั้งสติแล้วค่อยๆดูว่า จุดอ่อนของธุรกิจเราคืออะไร และแก้ไขไปทีละจุด เวลาผ่านไป 1 ปี แบรนด์ “โลตัส” เริ่มเข้าที่เข้าทาง และมีโอกาสไปดูงานเทรดโชว์ที่ต่างประเทศ ได้เห็นนวัตกรรมที่นอนแบบใหม่ๆ จุดประกายให้ผมกลับมาผลิตที่นอนแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “โอมาช” เน้นคุณภาพระดับพรีเมียม”

เอก บอกความในใจต่ออีกว่า “เหตุที่ผมหันมาตั้งใจทำงาน ทั้งๆที่ตอนเรียนหนังสือเคยเกเร เป็นเพราะครอบครัวเราเคยลำบากมาก ผมเห็นทั้งพ่อแม่บุกเบิกทำงานหนักมากมาตั้งแต่เราเด็กๆ บ่อยครั้งที่เห็นหม่าม้าทำงานจนหลับคาจักรเย็บผ้า เลยเกิดแรงผลักดันอยากทำให้ท่านสบาย และทำงานจนประสบความสำเร็จให้ท่านเห็น หม่าม้าสอนลูกๆเสมอว่าให้รักกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ถ้าพี่น้องร่วมมือกันแล้วเราจะใหญ่ได้ อย่าให้เหมือนคนรุ่นก่อนๆ เลยเป็นที่มาของบริษัทอีกกว่า 10 แห่ง ที่ผมกับน้องๆช่วยกันก่อตั้งและดูแล ภายในระยะเวลาเพียง 5-6 ปีที่ผ่านมา เช่น ธุรกิจเสริมความงาม, ธุรกิจรีเทลทั้งในไทยและสิงคโปร์, กิจการเดินรถเมล์ NGV, บริษัทรับทำความสะอาดบ้าน ฆ่าเชื้อโรคแบบเฉพาะทาง ฯลฯ”

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะ “เอก” ยึดปรัชญาการทำงานอยู่ว่า “ทำอะไรแล้ว ต้องทำเต็มที่ ทำแล้วต้องเป็นท็อป!!!”.

...