งานประกาศรางวัลออสการ์ 2024 เมื่อช่วงเช้าตามเวลาไทยในวันนี้ ผู้ที่ได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้คือ เอ็มมา สโตน (Emma Stone) ดาราสาวเจ้าบทบาท ที่ได้รับรางวัลนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว และนับว่าเป็นรางวัลออสการ์ครั้งที่ 4 ที่เธอได้รับในเวทีนี้

เอ็มมา สโตน (Emma Stone) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง Poor Things ในเวทีออสการ์ครั้งที่ 96 และเธอก็รับรางวัลนี้มาครองจากการสวมบทบาทเป็น เบลลา แบกซ์เตอร์ ในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์มาแล้วในปี 2016 จากภาพยนตร์เรื่อง La La Land และยังเคยได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง Birdman ในปี 2014 และภาพยนตร์เรื่อง The Favorite ในปี 2018 รางวัลเหล่านี้จึงสะท้อนถึงความสามารถและทักษะการแสดงที่เยี่ยมยอดของเธอได้เป็นอย่างดี

ประวัติ เอ็มมา สโตน (Emma Stone)

เอ็มมา สโตน (Emma Stone) ปัจจุบันอายุ 35 ปี เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 1988 ที่เมืองสกอตส์เดล รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เธอมีเชื้อสายสวีเดน เยอรมัน และอังกฤษ เอ็มมา เริ่มสนใจการแสดงตั้งแต่วัยเด็กและมีความฝันอยากเป็นนักแสดงอาชีพ พร้อมทั้งโน้มน้าวพ่อแม่ของเธอให้ย้ายจากแอริโซนาไปยังลอสแอนเจลิส ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอคือเรื่อง Superbad ในปี 2007 หลังจากนั้นก็ได้รับบทนำเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Easy A

ภาพโดย REUTERS/Sarah Meyssonnier
ภาพโดย REUTERS/Sarah Meyssonnier

...

ผลงานการแสดงอันโดดเด่นของเธอยังส่งผลให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำ ซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเธอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอได้แสดงในภาพยนตร์มากกว่าสิบเรื่องและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 5 ครั้ง โดยคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง La La Land ในปี 2016 และได้รับรางวัลนี้อีกครั้งจากภาพยนตร์เรื่อง Poor Things ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2024

นอกจากประสบความสำเร็จในการทำงานแล้ว ด้านชีวิตส่วนตัวของเอ็มมา สโตน (Emma Stone) ก็น่าสนใจไม่น้อย เธอพบกับ เดฟ แม็กคารี (Dave McCary) นักเขียนและผู้กำกับครั้งแรกเมื่อปี 2016 จากนั้นได้คบหาดูใจจนแต่งงานกันในปี 2020 และมีลูกสาวด้วยกันในปี 2021

เอ็มมา สโตน กับ เดฟ แม็กคารี สามีคู่ชีวิตที่มาร่วมให้กำลังในงานประกาศรางวัลออสการ์ 2024 ภาพโดย Michael TRAN / AFP
เอ็มมา สโตน กับ เดฟ แม็กคารี สามีคู่ชีวิตที่มาร่วมให้กำลังในงานประกาศรางวัลออสการ์ 2024 ภาพโดย Michael TRAN / AFP

ทั้งนี้ก่อนที่จะคบหากับเดฟ แม็กคารี เธอเคยเดทกับแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ พระเอกหนุ่มจากสไปเดอร์แมนประมาณสี่ปีก่อนที่จะเลิกรากันในปี 2015 

อย่างไรก็ตาม ทั้งเอ็มมา สโตน (Emma Stone) และสามี ต่างเป็นคู่รักที่ค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวและไม่เปิดเผยรายละเอียดความสัมพันธ์มากนัก และเธอยังไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียอีกด้วย

เคล็ดลับความสำเร็จของเอ็มมา สโตน (Emma Stone)

เอ็มมา สโตน (Emma Stone) มีความก้าวหน้าในอาชีพนักแสดงอย่างรวดเร็ว และได้รับเสียงชื่นชมมากมายจากวงการฮอลลีวูด ซึ่งการันตีได้จากรางวัลออสการ์ที่เธอได้รับมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปี 2014 จนมาถึงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมครั้งล่าสุดในปีนี้

ภาพโดย REUTERS/Mario Anzuoni
ภาพโดย REUTERS/Mario Anzuoni

เคล็ดลับความสำเร็จของเอ็มมา สโตน (Emma Stone) คือการอย่ายอมแพ้เมื่อเจอกับอุปสรรค ซึ่งเธอเคยบอกกับ ABC ว่า

...

“หากคุณกำลังเผชิญกับความยากลำบากแสนสาหัส ก็จงเดินต่อไป” ซึ่งเป็นคำพูดที่อ้างอิงจาก วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

เมื่อต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ในฐานะนักแสดงเธอต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับความวิตกกังวล ความเขินอาย หรือแม้แต่ความหวาดกลัว เธอเผยกับ The Hollywood Reporter ว่า เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กเคยประสบอุบัติเหตุจนแขนหักทั้งสองข้างขณะหลุดจากคานทรงตัว จึงทำให้เธอเกลียดการถูกยกขึ้นไปในอากาศ แต่ในปี 2012 การแสดงภาพยนตร์เรื่อง “The Amazing Spider-Man” และต่อมาในเรื่อง “La La Land” ตัวละครของเธอมักจะถูกยกขึ้นจากพื้น เธอมักจะรับมือกับความกังวลเหล่านี้ด้วยการหันไปทำงานอดิเรก เช่น การทำขนม แทน

เพื่อนร่วมวงการฮอลลีวูดร่วมแสดงความยินดีกับเอ็มมา สโตน ภาพโดย REUTERS / Mike Blake
เพื่อนร่วมวงการฮอลลีวูดร่วมแสดงความยินดีกับเอ็มมา สโตน ภาพโดย REUTERS / Mike Blake

...

แม้ว่าการได้รับรางวัลออสการ์จะเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเธอ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเธอรู้ว่ายังมีความก้าวหน้าอีกหลายสิ่งรอเธออยู่ในอนาคต

“ฉันยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องเติบโต เรียนรู้ และให้ทำงาน” เอ็มมา สโตน กล่าวขณะรับถ้วยรางวัลของเธอ “และรางวัลออสการ์นี้เป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามมากสำหรับการเดินทางต่อไป”

ที่มา : BiographyCNBC