เว็บไซต์ Mirror จัดแคมเปญ Mirror 50 To Celebrate 50 Empowering Ones เพื่อเฉลิมฉลองให้กับ 50 บุคคลที่สร้างแรงขับเคลื่อนอันทรงพลังในหลากหลายวงการ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองระหว่างกัน บนเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาในคืนวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา
สำหรับแคมเปญ Mirror 50 To Celebrate 50 Empowering Ones ได้เริ่มต้นจัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา และคืนวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567 ได้ชวนผู้เข้าร่วมแคมเปญจากทั้ง 50 รายชื่อ รวมถึงบุคคลผู้ทรงพลังทางความคิดในหลายๆ วงการ มาเฉลิมฉลองร่วมกัน พร้อมทั้งพบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยน เพื่อส่งต่อพลังให้หลากหลายจุดยืนได้ถูกมองเห็นมากยิ่งขึ้น
...
คุณแนท-ธนวลัย วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการออนไลน์ ไทยรัฐออนไลน์ กล่าวว่า Mirror Thailand เป็นสื่อในเครือของไทยรัฐออนไลน์ ที่ต้องการสื่อสารในเรื่องราวของผู้หญิง และเพศหลากหลาย พร้อมทั้งสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ด้วยการสนับสนุนจุดยืนต่างๆ หลายๆ จุดยืน จึงเป็นที่มาของแคมเปญ Mirror 50 To Celebrate 50 Empowering Ones
“แคมเปญนี้เราตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการผลักดันเรื่องราวของผู้หญิง แล้วก็เพศหลากหลาย รวมถึงองค์กรต่างๆ ที่มีจุดยืนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ในฐานะสื่อเราจึงอยากเป็นแรงผลักดันเรื่องนี้ Mirror Thailand อยากช่วยเป็นกระบอกเสียงในเรื่องต่างๆ เหล่านั้น จึงเป็นที่มาที่ทำให้เชิญชวนทุกคนมาพบปะร่วมกันวันนี้ ที่จะมาผ่อนคลาย แล้วก็โอบกอดและเพิ่มขีดความสามารถซึ่งกันและกัน และให้ทุกคนมาเฉลิมฉลองกับทั้ง 50 คนในวันนี้ด้วย”
...
ภายในงาน Mirror 50 To Celebrate 50 Empowering Ones ประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงภาพถ่าย รวมทั้งเวทีให้ร่วมรับฟังเรื่องราวของ 50 รายชื่อ จาก 6 หมวดหมู่ ได้แก่ CHANGER, ARTIST, INFLUENCER, ENTREPRENEUR, RISING STAR และ BRAND มาร่วมกันเฉลิมฉลองบนเรือ CHAOPHRAYA CRUISE พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อบอกต่อเรื่องราวที่น่าสนใจของแต่ละคนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
กรุณา บัวคำศรี
ผู้ประกาศข่าวรายการ ‘รอบโลก DAILY’ และเจ้าของช่องยูทูบ ‘รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี’ บอกกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์เพื่อนหญิงทรงพลังครั้งนี้
...
“กรุณา บัวคำศรี Stands for Humanity เพราะว่าเราทำเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ความขัดแย้ง และประเด็นเรื่องความเท่าเทียมในอาชีพข่าวมาประมาณ 20 ปี สำหรับเพื่อนหญิงพลังหญิง คิดว่าเวลาเราต้องทำงานภายใต้สภาวะกดดัน ประเด็นที่มันอาจจะยากต่อการทำความเข้าใจ และต้องใช้เวลาในการต่อสู้เพื่ออธิบายต่อสังคม การที่เรามีคนที่เราแชร์ประสบการณ์หรือเข้าใจว่าเราต่อสู้เพื่ออะไร มันเป็นเรื่องที่ดีมาก และมันก็ยังมีบาง area ที่ผู้หญิงไม่สามารถไปได้เท่าผู้ชาย เพราะฉะนั้น การที่ผู้หญิงมีเพื่อนที่แชร์อุดมการณ์ แชร์ความคิด หรือแชร์จุดยืนร่วมกัน เป็นเรื่องที่ empower หรือทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นค่ะ”
แอนชิลี สก็อต-เคมมิส
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2021
...
“นิยามเพื่อนหญิงพลังหญิงของแอน คือ การที่เราได้รวมตัวมาสู้ในสิ่งที่เราเชื่อ สู้อยู่บนโลกที่ go against the grain ในโลกที่แอนรู้สึกว่ามัน male dominance สุดๆ เราเลยต้องไม่แข่งกัน แต่ต้องจูงมือและไปด้วยกัน”
นี่คือคำนิยามของเพื่อนหญิงทรงพลังที่ แอนชิลี ที่ Stands for Real Size Beauty เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ซึ่งอยากให้ผู้หญิงหันมาเข้าใจซึ่งกันและกันให้มากๆ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
กะทิ-กะทิยา ขันทอง
อินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์แห่งเพจ ‘แกง’ และผู้จัดการเพจท่องเที่ยวให้กับยูทูบเบอร์ (หิ้วหวี) ทั้งยังเป็นผู้เข้าประกวดเวทีนางงาม บอกเล่ากับเราถึงอีกหลากหลายจุดยืนที่ยังต้องการการมองเห็นมากยิ่งขึ้น
“50 จุดยืน ถือว่ายังเป็นส่วนน้อย เพราะประชากรในประเทศไทยเยอะมาก แต่ดีกว่าไม่มี 50 เสียง 50 คนนี้ อย่างน้อยก็เป็นกระบอกเสียงในเรื่องต่างๆ ของสังคมไทยได้ อย่างตัวกะทิ Stands for Ordinary People อยู่เคียงข้างกับคนที่ประสบความสำเร็จช้า หรือยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องรีบค่ะ ใช้ชีวิตไปก่อน และกะทิก็เชื่อว่า คำว่าเพื่อนหญิงพลังหญิง ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่จะเป็นใครก็ได้ที่อยู่เคียงข้างผู้หญิง”
ทนายแจม-ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์
หนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ผู้ Stands for Moms and Kids เธอเชื่อว่าการรวมตัว กล่าวถึงประเด็นที่เธอกำลังผลักดันในเชิงนโยบาย
“เราจะต้องต่อสู้ยืนยันสิทธิ์เพื่อแม่และลูก เพื่อสร้างสังคมให้กับลูก สังคมที่ไม่ยึดติดกับเพศ สังคมที่เป็นเพศหลากหลาย เพื่อรองรับเขาไม่ว่าเขาจะเติบโตเป็นเพศอะไรก็ตาม เพื่อนหญิงพลังหญิงในมุมมองของแจมจึงหมายถึงการที่ผู้หญิงเรามารวมตัวกันเพื่อทำสิ่งอะไรที่มันยิ่งใหญ่ในสังคม ถ้าร่วมมือร่วมใจกัน มันจะเกิดพลังมหาศาลได้ เช่น ถ้ามีสัดส่วนผู้หญิงในสภาฯ มีมากขึ้น เราก็จะสามารถผลักดันประเด็นที่มันละเอียดอ่อน ที่เพศอื่นอาจจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก เช่น ประเด็นเกี่ยวกับแม่และเด็ก เราต้องการ สส.ผู้หญิงจำนวนมาก หรือ สส.ผู้ชายที่มีความเข้าใจทางเพศ หรือ สส.เพศหลากหลาย ที่เข้าใจเรื่องสิทธิของแม่หรือสิทธิของเด็กค่ะ”
อิ๊ง-ชยธร กิติยาดิศัย หรือ Ingck
จากรายการยอดนิยมอย่าง ‘พลิกหลังกล่อง’ ผู้บุกเบิกการรีวิวสกินแคร์จากมุมมองส่วนผสมเป็นคนแรกๆ ในประเทศไทย บอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อโปรเจกต์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“ทุกคนในโปรเจกต์ Mirror 50 มีแพสชัน ทุกคนมีความรู้เยอะมากๆ ในสิ่งที่ตัวเอง Stands for ก็เลยได้ความรู้ใหม่ๆ จากคนที่มาร่วมงานนี้ด้วย ซึ่งอิ๊งว่ามันก็เชื่อมโยงกับการเข้าถึงข้อมูล ถ้าทุกคนได้เข้าถึงข้อมูลมันจะดีมากๆ เพราะการมีข้อมูลมากขึ้นมันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันในการเปิดรับสื่อ ทำให้เราเป็นคนที่ฉลาดขึ้น การเข้าถึงข้อมูลเลยควรจะเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนเงินเยอะ หรือคนเงินน้อยก็ตาม”
ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์
ผู้ก่อตั้ง Ooca แอปพลิเคชันคุยกับจิตแพทย์ทางออนไลน์ ที่ทำให้การพบจิตแพทย์เป็นเรื่องง่ายดายขึ้น และเธอย้ำว่า ‘ทุกคน’ ควรได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพจิตได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
“เรา Stands for Better Mental Health Ecosystem เพราะเรื่องสุขภาพจิตปัจจุบันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก การที่เราดูแลสุขภาพกายกันแล้ว สุขภาพใจก็สำคัญมาก และเป็นเรื่องที่ควรได้รับการพูดถึง เราอยากให้การเข้าถึงการแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคนจริงๆ”
มารีญา พูลเลิศลาภ
นักแสดงและนักขับเคลื่อนประเด็นสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ได้บอกกล่าวถึงจุดยืนของตัวเองเช่นกัน
“สิ่งหนึ่งที่มารีญาทำความเข้าใจ และ Stands for คือ Freedom เพราะว่ามันไม่ใช่อิสรภาพแค่กับตัวเอง หรือของคนอื่น แต่มันรวมถึงอิสรภาพของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ เราไม่ควรไปทับถมอิสรภาพของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เมื่อเราอยากจะมีอิสรภาพของตัวเอง ก็ไม่ควรไปเบียดเบียนทุกสิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมของเรา”
Mirror 50 อาจจะไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในทันที หรือปรับมุมมองของทุกคนให้ ‘เข้าใจ’ จุดยืนต่างๆ ได้ในทีเดียว แต่เราก็เชื่อว่า ความตั้งใจเล็กๆ เหล่านี้ จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้คนในสังคมได้หันมาเริ่มเปิดใจรับฟังจุดยืนของแต่ละคนไม่มากก็น้อย ซึ่งเมื่อเกิดการรับฟังแล้ว ก็ย่อมเป็นการเปิดประตูสู่ความเปลี่ยนแปลง และสร้างความรับรู้ใหม่ๆ ให้สังคมของเราเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด จุดยืนของผู้คน ไม่ได้มีแค่ 50 จุดยืนเหล่านี้เป็นแน่ที่ควรถูกมองเห็น แต่ยังมีอีกหลายร้อย หลายพันจุดยืนของทุกคนทั่วโลก ที่ล้วนแต่มีความสำคัญ มีความหมาย และควรถูกรับฟังไม่ต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าแม้โปรเจกต์นี้จะจบลง แต่ Mirror จะยังคงยืนยันในการสื่อสารประเด็นต่างๆ เหล่านี้ในสังคมเรา ให้ ‘ถูกมองเห็น’ ต่อไป
ทั้งนี้ นิทรรศการภาพถ่ายและเรื่องราวของทั้ง 50 รายชื่อในโปรเจกต์ Mirror 50 จะจัดแสดงที่บริเวณชั้น 1 ของ RIVER CITY BANGKOK จนถึงวันที่ 30 มกราคมนี้