เพราะความรักไม่มีกำแพงหรือข้อจำกัด ดาว-ลภัสรดา เลิศภานุโรจ ผู้บริหารหญิงคนเก่งจากโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ เผยเส้นทางความรัก 19 ปี ระหว่างเธอกับ จุ๋ม-จิญรัช ภัทรวรนิชท์ ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคจนได้การยอมรับ พร้อมส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ในฐานะคู่ชีวิต LGBTQ ได้อย่างเท่าเทียม

จุดเริ่มต้นเส้นทางความรักระหว่าง คุณดาว-ลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช และคุณจุ๋ม-จิญรัช ภัทรวรนิชท์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 หรือเมื่อ 19 ปีที่แล้ว จากการเจอกันครั้งแรกในที่ทำงานเดียวกันในฐานะรุ่นพี่กับรุ่นน้อง และสานสัมพันธ์เรื่อยมาจนก่อเกิดเป็นความรักความผูกพันในวันนี้

“เราเริ่มรู้จักกันตอนปี 2547 ตอนนั้นจุ๋มทำงานได้ 1 ปี คุณดาวก็เป็นเด็กใหม่เข้ามาในที่ทำงานเลยทำให้เราได้รู้จักกัน ตอนนั้นเราเป็นรุ่นพี่คอยสอนงานเขา ก็เลยได้ทำความรู้จัก ได้สนิทสนมกัน ได้ไปทำงานด้วยกันที่ต่างจังหวัด ก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์กันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 19 ปีแล้ว” คุณจุ๋ม เล่าย้อนไปถึงวันแรกที่ทั้งคู่ได้พบเจอกัน

คุณดาว-ลภัสรดา เลิศภานุโรจ (ซ้าย) และคุณจุ๋ม-จิญรัช ภัทรวรนิชท์ เผยว่าต่างฝ่ายก็ประทับใจและชื่นชมในความสามารถของกันและกันจนกลายเป็นความรักและความผูกพันมาถึงวันนี้
คุณดาว-ลภัสรดา เลิศภานุโรจ (ซ้าย) และคุณจุ๋ม-จิญรัช ภัทรวรนิชท์ เผยว่าต่างฝ่ายก็ประทับใจและชื่นชมในความสามารถของกันและกันจนกลายเป็นความรักและความผูกพันมาถึงวันนี้

...

เส้นทางความรัก 19 ปี และการฟันฝ่าอุปสรรค

แม้ว่าทั้งคู่จะเปิดเผยตัวตนชัดเจนว่าเป็นคู่รัก LGBTQ แต่การคบหากันในระยะแรกก็เกิดการตั้งคำถามในมุมมองของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกสาวมีครอบครัวและคบหากับผู้ชายเหมือนคนทั่วไป แต่ด้วยความรักที่จริงใจของทั้งสองคนที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการเป็นคู่รัก LGBTQ ไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆ ก็ทำให้ครอบครัวยอมรับความรักในที่สุด

คุณจุ๋ม เผยว่าก่อนที่จะมาคบกับคุณดาว เธอก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด ไม่ได้ปิดบังกับครอบครัวแต่อย่างใด และคุณจุ๋มก็ทราบดีว่าคุณพ่อของเธอก็มีความหวังที่อยากจะให้เธอเปลี่ยนใจคบกับผู้ชาย แต่ด้วยความน่ารัก จริงใจ และมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของคุณดาวทำให้คุณพ่อของคุณจุ๋มใจอ่อนและเปิดใจยอมรับความรักของทั้งคู่มากขึ้น

ด้านคุณดาว ก็เล่าว่าพ่อแม่ของเธอทำงานราชการทั้งคู่และเป็นที่รู้จักในจังหวัด การที่ทั้งสองคนคบหากันก็อาจทำให้พ่อและแม่ของเธอมีความรู้สึกลึกๆ อยู่บ้าง แต่ก็ให้การยอมรับ เพราะทั้งคุณดาวและคุณจุ๋มคบหาดูแลกันอย่างดีและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

นอกจากในมุมครอบครัวแล้ว ในสังคมรอบข้างรวมถึงที่ทำงาน การเป็นคู่รัก LGBTQ ก็อาจทำให้บางคนไม่ยอมรับในความแตกต่าง แต่ทั้งคุณดาวและคุณจุ๋มมองว่าควรให้เวลาและความสามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทุกคนมีศักยภาพในตัวเอง

คุณดาว บอกว่าการเป็น LGBTQ ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ กับการทำงาน ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลงานที่มีศักยภาพ
คุณดาว บอกว่าการเป็น LGBTQ ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ กับการทำงาน ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลงานที่มีศักยภาพ

“สำหรับดาว มองว่าทุกคนมีความหลากหลายและเรามองทุกคนอย่างเข้าใจ บางคนอาจมองเราแล้วรู้สึกแปลก แต่ดาวเชื่อมั่นในเรื่องของศักยภาพหรือผลงาน เพราะไม่ว่าดาวจะทำงานที่ไหนก็อยู่ในระดับสูงตลอดและดาวก็เปิดตัวพี่จุ๋มตลอด ในมุมมองคนดาวคงไม่สามารถทำให้ใครเชื่อได้ แต่เมื่อทุกคนเห็นในสิ่งที่เราเป็นแล้วไม่ได้กระทบกับงาน ศักยภาพเราดีขึ้นไปเรื่อยๆ และพี่จุ๋มเองก็ช่วยสนับสนุนเราขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นมันคือความกลมกล่อมมากกว่า”

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ยอมรับว่าในระหว่างทาง 19 ปีที่คบหากันต้องพบเจออุปสรรคกันมาบ้าง สิ่งนั้นคือเรื่องของ “เวลา” ที่ไม่ตรงกัน เนื่องจากคุณดาวเป็น Working women ที่ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหนักแทบตลอดเวลา จึงส่งผลกระทบต่อการใช้เวลาร่วมกัน วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการปรับความเข้าใจและยอมรับกันและกัน

คุณจุ๋มเผยว่าด้วยความที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กันก็ทำให้เธอรู้สึกเหงาบ้าง เคยเกเรไปบ้าง แต่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ แล้วก็คิดตกผลึกว่าในระหว่างที่คุณดาวทุ่มเทให้กับงาน ก็ควรหาอะไรทำเพื่อให้ตนเองไปสนใจเรื่องอื่นแทน เช่น เข้าฟิตเนสออกกำลังกายฆ่าเวลา หรือหาธุรกิจอย่างอื่นทำ ดังนั้นการทำความเข้าใจจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระยะทาง 19 ปีจึงผ่านอุปสรรคด้วยกันมาได้

...

นอกจากการทำความเข้าใจกันแล้ว หากทั้งคู่มีเวลาว่างตรงกันก็มักจัดทริปไปเที่ยวด้วยกันเสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมโร้ดทริปขับรถเที่ยวตามที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ที่ทั้งคู่มีความชอบตรงกัน เมื่อมีโอกาสพิเศษก็จะให้เวลากับสิ่งนั้นเต็มที่

สมรสเท่าเทียม โอกาสทางสังคมของคู่รัก LGBTQ

การเป็นคู่รัก LGBTQ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมไทย แต่การผลักดันให้มี พรบ. สมรสเท่าเทียม คือสิ่งที่คู่รัก LGBTQ หลายคู่ให้ความสำคัญ เพื่อยืนยันถึงความเท่าเทียมในสังคมไม่ต่างจากคู่รักชายหญิงทั่วไป เช่นเดียวกับคู่ของคุณดาวและคุณจุ๋มที่ให้ความสนใจเรื่องนี้

“ในมุมของดาวมองว่าเมื่อก่อนคนก็รับรู้แหละว่าเราคบกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำธุรกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาก็ระบุได้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิท ซึ่งตอนนี้ก็มีการทำประกันของบางที่ก็เปิดรับคู่รักแบบเราได้ เหมือนสิ่งที่เราทำมาหลายอย่างก็ทำให้เราสามารถรับได้ ไม่ต้องมีประเด็นอะไรอีก ดาวมองว่าหลายคนออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ และดาวมองว่าหลายคนคนอาจจะคิดว่าคู่รัก LGBTQ มักจะคบกันไม่นาน แต่ส่วนตัวมองว่าทุกคนมีความรักในตัวเอง การที่เราแสดงสัญลักษณ์หรือจุดยืนก็เป็นเรื่องหนึ่ง”

คุณดาวเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ทุกคนสามารถมีความรักได้ จึงอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง และเชื่อมั่นในความรัก
คุณดาวเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ทุกคนสามารถมีความรักได้ จึงอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง และเชื่อมั่นในความรัก

...

สำหรับคู่ของคุณดาวและคุณจุ๋มนั้นเพิ่งมีการขอแต่งงานด้วยบรรยากาศหวานชื่นไปไม่นาน และมีแผนว่าจะจัดงานแต่งงานอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเมื่อเวลาทั้งคู่ลงตัว ส่วนอนาคตของการใช้ชีวิตคู่ที่วางแผนไว้หลังจากนี้คือการรับหลานของคุณดาวมาเป็นลูกบุญธรรม เนื่องจากเป็นคนรักเด็กและเลี้ยงดูหลานมาตั้งแต่แรกเกิดจึงทำให้เกิดความผูกพัน

“วันที่พี่จุ๋มขอดาวแต่งงาน ดาวเชื่อว่าวันนั้นผู้หญิงหลายๆ คนก็คงรู้สึกเหมือนกัน เรื่องเพศไม่มีความจำเป็นในเรื่องนี้ เราอยากจะเชิญชวนทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม ขอให้คุณเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วก็เชื่อมั่นในความรัก เชื่อมั่นในคุณค่า ดาวเชื่อว่าทุกคนมีคุณค่าเหมือนกัน”

ภาพ: ชุติมน เมืองสุวรรณ