ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเดินทางพักผ่อน หย่อนใจ และ ออกกำลังด้วยการว่ายน้ำจะเป็นเรื่องเป็นราวถึงขั้นขึ้นโรงพักขึ้นมาได้ หลังจากหญิงวัยกลางคนชาวฝรั่งเศสนางหนึ่งที่เพิ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเมื่ออายุ 17 ปี ซึ่งระบุชื่อเพียงว่า “แครอล” ขณะกำลังฟรีสไตล์อยู่กลางสายน้ำ ที่สระว่ายน้ำแห่งหนึ่ง ในเมืองเอเมอแครงวีล ทางตะวันออกของกรุงปารีส แต่แล้วจู่ๆก็ถูกเจ้าหน้าที่คุมสระเรียกขึ้นมา และไม่ให้เธอลงว่ายน้ำในสระอีกซะงั้น โดยให้เหตุผลเพียงว่าเป็นเพราะชุดว่ายน้ำ“เบอร์กินี่” (Burkini)ที่เธอสวมใส่ จะส่งผลต่อเรื่องสุขลักษณะ และความสะอาดของสระน้ำสาธารณะ เพราะเป็นชุดว่ายน้ำแบบปกปิดร่างกายทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า

แต่มีหรือสาวแครอลจะยินยอมโดยดี หลังจากโต้เถียงกันไม่เป็นผล เธอจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ หวังพึ่งความยุติธรรม โดยแครอลกล่าวหาการกระทำของเจ้าหน้าที่คุมสระว่า เป็นการแบ่งแยกเชื้อชาติ และเธอยืนยันว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่รับคำร้องแจ้งความของเธอ โดยให้เหตุผลว่า เจ้าหน้าที่คุมสระน้ำได้ทำตามนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาห้ามไม่ให้มีการสวมชุดว่ายน้ำแบบ“เบอร์กินี่”ลงสระ  พร้อมระบุว่าหญิงและชายที่จะลงว่ายน้ำในสระสาธารณะต้องสวมชุดว่ายน้ำที่เป็นลักษณะคล้ายกางเกงในมากกว่าสวมแบบที่เป็นขาสั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากชุดที่สวมใส่

ด้านนายอัลแลง เคลยอร์  นายกเทศมนตรีเมืองเอเมอแครง ระบุว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม แต่เป็นปัญหาของชุดว่ายน้ำเอง ที่สำคัญชุดว่ายน้ำลักษณะนี้ก็ไม่ได้ถูกจารึกไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานด้วยซ้ำ

ขณะที่นายนิโคลาห์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็เหตุด้วยกับมาตราการการห้ามสวมใส่ชุดว่ายน้ำแบบ “เบอร์กินี่”  เพราะเห็นว่าการสวมชุดแบบนั้นไม่ใช่สัญลักษณ์ของความจงรักภักดี แต่เป็นการลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งฝรั่งเศสไม่มีสถานที่สำหรับการกระทำแบบนั้น

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2004 ประเทศฝรั่งเศสเคยสร้างปารกฏการณ์สั่นสะเทือนโลกมุสลิมมาแล้ว โดยการออกกฎหมายห้ามสวมใส่ผ้าโพกหัว หรือ ฮิญาบ รวมทั้งเตรื่องแต่งกายของศาสนาทั้งในโรงเรียนประถมและมัธยมของรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวก็มีผลบังคับใช้ โดยปราศจากการประท้วงใดๆ ทั้งที่ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นชาวมุสลิมถึง 6 ล้านคน

เรียบเรียงจากบีบีซีและไทม์ ออนไลน์

...