ถ้า “โจ ลูกอีสาน” คือต้นแบบของนักลงทุนจากต่างจังหวัดที่มีต้นทุนน้อย สร้างพอร์ตหุ้นจากหลักแสนสู่ร้อยล้านจนโด่งดัง “พี่หนู-ปาริชาติ พงษ์คำ” พนักงานทำความสะอาด วัย 49 ปี จากห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็น่าจะเป็นไอดอลของคนหาเช้ากินค่ำ ที่ใฝ่ฝันอยากมีเงินล้าน เพราะเชื่อมั่นในความมหัศจรรย์ของตลาดหุ้น ที่สามารถพลิกชีวิตคนได้

“หนูเชื่อว่าทุกอาชีพก็มีเงินล้านได้ ขอแค่มีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีวินัย หนูภูมิใจกับตัวเองมาก เราตั้งเป้าว่าชีวิตนี้จะต้องมีเงินล้าน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริงได้ วันที่ประสบความสำเร็จได้แตะเงินล้าน ความรู้สึกของหนูคือมันพรั่งพรู เราเป็นคนต่างจังหวัด พ่อแม่ทำไร่ทำนา รายได้ก็ไม่มาก แต่สามารถสร้างพอร์ตการลงทุนหลักล้านได้ เพราะคำเดียวคือฉันอยากรวย!! หนูสวดคาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำทุกวัน”

...

พื้นเพพี่หนูเป็นคนที่ไหน

หนูเป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ พ่อแม่ทำไร่ทำนา ชีวิตก็ลำบากเป็นปกติของเด็กต่างจังหวัด ต้องช่วยพ่อแม่หุงข้าวตักน้ำใส่ตุ่มทุกวัน จำได้ว่าหรูสุดตอนเด็กๆคือกินข้าวกับไข่ดาว กระทั่งเรียนจบ ป.6 จึงออกมาช่วยที่บ้านทำนา หนูมี พี่น้อง 6 คน เราเป็นคนที่ห้า พอหนูอายุ 14 ปี ก็เดินทางตามพี่สาวคนโตเข้ากรุงเทพฯ มาทำงานเป็นแม่บ้าน เริ่มต้นได้เงินเดือน 700 บาท พี่สาวบอกว่ากินอยู่กับเจ้านายเสร็จสรรพไม่ต้องเสียอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ก็เก็บได้เต็มๆ หนูโชคดีที่เจอแต่เจ้านายดีๆ หนูอยู่ทุกบ้านไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก็เป็นแม่บ้านตามบ้านตั้งแต่ปี 2529-2544 จากนั้นจึงมีคนชักชวนให้มาทำงานที่ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บอกว่ารายได้ดีกว่าอยู่ตามบ้าน โดยช่วงแรกๆได้ค่าจ้างวันละ 165 บาท

ได้ค่าจ้างวันละ 165 บาท แล้วเก็บเงินเก็บทองจากไหนมาลงทุนหุ้น

หนูไม่เคยเกี่ยงงาน เป็นคนหนักเอาเบาสู้ ถ้ามีงานให้ทำล่วงเวลา หนูจะอาสาเป็นคนแรกตลอด เพราะอยากหารายได้เก็บออมเงินให้ได้มากที่สุด หนูเริ่มต้นจากค่าจ้างวันละ 165 บาท จนทุกวันนี้มีรายได้เดือนละ 16,500 บาท โชคดีที่แฟนหนูไปในแนวทางเดียวกันไม่กินไม่เที่ยว เขาเป็นหัวหน้า รปภ. เราช่วยกันประหยัดเงินทุกทาง หนูจะมีวินัยเลยว่าเงินเดือนออกอย่างต่ำคนละหมื่นต้องเอาไปฝากประจำ 24 เดือน เพื่อกินดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือแบ่งไว้ใช้ยามฉุกเฉินนิดหน่อย หนูใช้เวลาเก็บเงินอยู่ 10 ปี ถึงมีเงินก้อนแรก 500,000 บาท หนูบอกแฟนว่าถ้าพี่รักหนูต้องช่วยกันเก็บเงิน ซึ่งเขาก็เต็มใจทำตามเรา หนูเป็นคนที่จำกัดการใช้เงินในแต่ละวันต้องไม่เกิน 50 บาท ตอนเช้าขอกาแฟดำแก้วเดียว บ่ายๆถ้าหิวก็ทานไข่ต้ม 1-2 ฟอง ตลาดหลักทรัพย์มีคูปองอาหารให้เดือนละ 600 บาท

เริ่มซึมซับแนวคิดด้านการลงทุนมาจากไหน

สมัยก่อนตลาดหลักทรัพย์จัดงานสัมมนาเยอะมาก หนูได้เจอนักลงทุน VI หลายคน เช่น ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, อาจารย์กวี ชูกิจเกษมและพี่แพท-ภาววิทย์ กลิ่นประทุม แต่ส่วนมากหนูจะชอบแนวทางของอาจารย์นิเวศน์ อ่านหนังสือของอาจารย์เกือบทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือตีแตก หนูจะเข้าไปถามทุกคนว่าถ้าอยากลงทุนหุ้นต้องทำยังไง ถามหมดไม่ว่าจะเป็นเซียนหุ้น หรือเจ้าหน้าที่ในห้องสมุด ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ลองศึกษาดูก่อน เก็บสตางค์ให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งใจร้อน เขาจะถามว่าหนูรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน มีทุนทรัพย์เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะลงทุนหุ้นแล้วรวย กว่าจะกล้าลงทุนจริงๆหนูอ่านหนังสือและศึกษาอยู่หลายปี โชคดีที่สิ่งแวดล้อมเอื้อเพราะเราทำงานในห้องสมุด ใครๆก็บอกว่าเงินเดือนแค่นี้ไม่น่าจะทำได้ แต่หนูประหยัดทุกทางไม่ยอมแพ้ อดทนรอโอกาสรอวันของเราจะมาถึง

...

อะไรเป็นแรงใจทำให้ฮึดสู้จนมีเงินล้าน

อันดับแรกเลยคืออยากรวย พื้นฐานหนูชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ทุกพักเที่ยงหนูจะหยิบหนังสือในห้องสมุดมาอ่าน เราอยากรู้ว่าทำยังไงถึงจะรวย หนังสือที่อ่านซ้ำๆบ่อยที่สุดคือ “ออมก่อน รวยกว่า” เนื้อหาเข้าใจง่าย ทำให้หนูรู้จักพลังมหัศจรรย์ของเวลาและดอกเบี้ย เข้าใจว่าหากเราออมก่อนจะทำให้รวยกว่าได้ยังไง คนเราต้องตั้งเป้าว่าอนาคตต้องการชีวิตแบบไหน อย่างของหนูคืออยากมีอิสรภาพทางการเงิน มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไป ตัวหนูเองไม่เคยไปเที่ยวเลยเพราะเสียดายสตางค์ หนูคิดตลอดว่าเอามาลงทุนดีกว่าไหม จนถึงวันนี้เสียใจอย่างเดียว ที่แฟนหนูมาเสียไปก่อนตอนที่เรามีพร้อมทุกอย่าง อยากบอกว่าถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเราในวันนี้

ถ้าอยากประสบความสำเร็จแบบพี่หนูต้องทำยังไง

ทุกอย่างต้องใช้เวลา และอยู่ที่ทุนทรัพย์ของเรา หนูใช้ความอดทนอย่างเดียว เพราะเรามีทุนทรัพย์น้อย ต้องรอจังหวะที่เกิดวิกฤติ แล้วเข้าไปซัดทีเดียวตอนราคาหุ้นตกหนักๆ ถ้าถามว่าหุ้นตัวไหนเป็นหุ้นพลิกชีวิตก็ต้อง CPALL หนูเชื่อว่าถ้าเราไม่กล้าเสี่ยงก็ไม่มีทางรวย แต่ถ้าเราอยากรวยจริงๆต้องดูพื้นฐานหุ้นให้เป็นด้วย และเลือกเฉพาะหุ้นดีเข้าพอร์ต เวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่เจ็บหนัก ตั้งแต่ลงทุนมาเคยขาดทุนหนักสุดก็หลักแสน ทำเอากินไม่ได้นอนไม่หลับเลย เวลาซื้อหุ้นหนูจะไม่ค่อยขายนะ ยกเว้นลงมาเยอะขาดทุนเกิน 25% หนูยอมตัดขาดทุนเลย วันๆหนึ่งแทบไม่เคยเปิดดูพอร์ต แต่หนูยังไม่เก่งเลยค่ะ ความรู้แค่อนุบาล หุ้นบางตัวศึกษามาเยอะดูแล้วดูอีกว่าน่าจะโอเค แต่มันก็ผิดพลาดได้ ส่วนใหญ่หนูใช้ความรู้สึก เช่น เรามีหุ้น CPALL ก็จะเข้าไปดูธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นแถวบ้านทุกวัน ถ้าเห็นลูกค้าเยอะแปลว่าสบายใจได้ หนูโชคดีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการหาความรู้ได้ง่าย ใครอยากมีความรู้สามารถเข้าห้องสมุดมารวยได้ทุกวันนะคะ หนูเชื่อว่าการลงทุนหุ้นเหมือนปลูกต้นไม้ปล่อยให้เขาเติบโตไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ออกดอกออกผลให้เรา อย่าไปใจร้อน

...

อะไรคือเป้าหมายมีไว้พุ่งชนของแม่บ้านเงินล้าน

หนูมีความฝันตั้งแต่เด็กว่าวันหนึ่งต้องปลูกบ้านให้พ่อแม่อยู่ให้ได้ ซึ่งก็สามารถทำได้สำเร็จนานแล้ว หนูใช้เวลา 17 ปี ในการสร้างพอร์ตการลงทุนหลักล้าน วันนี้หนูมีเป้าหมายใหม่ว่าต้องปั้นพอร์ตให้โตกว่านี้ ก่อนเกษียณอยากมีเงิน 5-6 ล้านบาท มั่นใจว่าตัวเองต้องทำได้สำเร็จ!! แต่ถึงจะมีเงินล้าน หนูก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ประหยัดมัธยัสถ์เหมือนเดิม และยังจริงจังกับการเก็บออมเงินเหมือนเดิม เพราะหนูรู้สึกว่าหนูยังไม่รวย ทุกวันนี้หนูทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน วันละ 13 ชั่วโมง เข้า 7 โมงเช้า เลิกทุ่มหนึ่ง และทุ่มหนึ่งถึงสามทุ่ม หนูจะแบ่งเวลาไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส หนูลดน้ำหนักได้ 6-7 กิโลแล้ว เริ่มออกกำลังกายทุกวันตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และทำ IF เพราะหนูอยากมีเงินและอยากสุขภาพดี หนูคิดเสมอว่าแค่รู้จักอดออม และประหยัดเงินในวันนี้ อนาคตต้องสบายแน่นอน.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ