เพราะ concept ที่ว่า “ความสวยเปลี่ยนชีวิต ความสวยสร้างโอกาสต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ธุรกิจที่เกี่ยวกับความงาม ครีม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ มีให้เลือกผุดขึ้นมามากมายอย่างกับดอกเห็ดในยุคนี้ ดังนั้นธุรกิจด้านความงามอาจเป็นความฝันของสาวๆ หลายคนที่อยากทำอยากมีธุรกิจครีม เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง พูดง่ายๆ คือ มีแบรนด์ครีม เครื่องสำอาง เป็นของตัวเองมีรายได้เพิ่มเป็นความภาคภูมิใจในชีวิต และเป็นเจ้าของธุรกิจเองไม่ต้องง้อใคร

วันนี้เราได้รับเกียรติจาก พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ (คุณหมอยูมิ) ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ผ่าตัดศัลยกรรมความงาม เลเซอร์ศัลยกรรมความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัย คุณหมอยูมิเป็นที่ชื่นชอบของคนไข้หลายคน รวมทั้งคนในวงการบันเทิงทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกจากคุณหมอมีหน้าที่ในการดูแล รักษาคนไข้แล้ว คุณหมอยังเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นหัวหน้าทีมวิจัยครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอาง ให้กับโรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอาง Bangkok Beauty LAB และเร็วๆ นี้ทางโรงงานรับผลิตครีม Bangkok Beauty LAB ยังได้รับรางวัล Asean Award 2017 ในสาขา สาธารณสุขและคุณภาพชีวิต วันนี้คุณหมอจะมาให้คำตอบไขข้อสงสัยกระบวนการขั้นตอนการผลิตครีมเครื่องสำอางให้พวกสาวๆ อย่างเราได้รู้กันค่ะ ว่ากว่าจะได้ ครีม เครื่องสำอางดีๆ สีสันสดใสแพ็กเกจสวยๆ ไอเดียเก๋ๆ มาให้เราได้ซื้อได้ใช้กันสักชิ้นเขามีขั้นตอนการผลิตที่มาที่ไปกันอย่างไรบ้างคะ บทความนี้คุณหมอจะพาสาวๆ ไปบุกโรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอาง ไปดูกันว่าครีมเครื่องสำอาง ที่เราถืออยู่ในมือชิ้นหนึ่งเนี่ย กว่าจะได้มามันยากแค่ไหนทำไมมันถึงแพงนักแพงหนาและนี่เลยมีแถมให้!! สำหรับสาวๆ ที่มีหัวการค้าหน่อย ถ้าอยากจะเปิดธุรกิจทำเครื่องสำอางเอง อยากมีธุรกิจครีมบำรุงผิว แบรนด์เครื่องสำอางชื่อเราเอง เราต้องอาศัยความรู้อะไรบ้าง ต้องใช้เงินทุนเท่าไร มีขั้นตอนอุปกรณ์เครื่องมือการผลิตอะไรบ้าง แล้วถ้ามีเงินลงทุนน้อยนั้นจะมีโอกาสทำ Brand เครื่องสำอางของตัวเองได้หรือไม่วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ

“กว่าจะได้เครื่องสำอางสักชิ้น” ดูรู้ วิธีทำ ขั้นตอนการเริ่มผลิตเครื่องสำอาง

คุณหมอยูมิสรุปให้เราฟังว่า ขั้นตอนสำคัญในการผลิตครีมบำรุงผิว มีหัวใจหลักๆ อยู่คือ สูตรที่ใช้ในการผลิต, Active Ingredient ที่ใส่ในครีม เครื่องสำอาง, Sterile Technique การบรรจุปลอดเชื้อ, สารต้องห้าม สารอันตรายต้องรู้, กฎหมาย เลขทะเบียน ใบรับรอง อย.เครื่องสำอาง จากกระทรวงสาธารณสุข หลักๆ เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจ ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางต้องรู้ สรุปว่ากว่าจะได้ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางสักชิ้น บริษัทต้องมีขั้นตอนต่างๆ ประมาณ 9 ขั้นในการเริ่มผลิตเครื่องสำอางดังต่อไปนี้ค่ะ

1. วางแผนระบบงานทั้งหมด

วัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นการจัดระบบการจัดการภายในให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แผนก Research & Development (R&D) เป็นแผนกที่บริษัทผลิตเครื่องสำอางจะต้องมีเพิ่มต่างจากบริษัทอื่นๆสำหรับสาวๆ ที่อยากเป็นเถ้าแก่เอง อาจสงสัยว่า เราจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องดำเนินการจัดการทุกอย่างเองหมด ถ้ามีงบลงทุนน้อย เช่น ไม่มีงบในการซื้อเครื่องมือในการผลิตและวิจัย ไม่มีรถ, แรงงานด้านระบบขนส่งและกระจายสินค้า จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ไม่ต้องกังวลค่ะ สิ่งต่างๆเหล่านี้ คุณสามารถ “จ้าง” โรงงานรับผลิตครีม และเครื่องสำอาง ทำแทนได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะในส่วนของการผลิต การวิจัย ควบคุมคุณภาพ หรือระบบการขนส่งกระจายสินค้า เราสามารถจ้างให้โรงงานรับผลิตครีม หรือบริษัทรับผลิตครีมทำแทนได้หมด โดยทำในชื่อ Brand ของเราเองค่ะ

2. กำหนดขอบเขตธุรกิจ

ข้อนี้คงไม่ต่างจากธุรกิจทั่วไปสักเท่าไรค่ะ เราจะต้องกำหนด Scope ว่าธุรกิจของเรา จะมีสินค้าอะไรบ้าง และมียี่ห้ออะไรบ้าง มีบริษัทแม่อย่างเดียว ต้องมีบริษัทลูกไหม กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าเป็นกลุ่มไหน จะผลิตเองอย่างเดียว หรือนำเข้าเครื่องสำอาง จากต่างประเทศด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

3. วางแผนกลุ่มสินค้าที่ต้องการผลิต

ต่อไปเราจะต้องกำหนดว่าเราจะผลิตอะไร เป็นเวชสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกลุ่มไหน หรือเครื่องสำอาง make up โดยทั่วไปเราจะแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้

• สินค้าประเภทครีมบำรุงผิว เจล เซรั่ม และของเหลว ที่ใช้ในหมวดครีมบำรุงผิวและผมซึ่งมีกลุ่มย่อยต่างๆ ดังนี้
• Whitening ครีมผสมสาร Whitening / ครีมที่ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส
• Anti-wrinkle, Tightening ครีมลดริ้วรอย กระชับผิวหน้า
• Anti-acne ครีมผสมสาร anti-acne / ครีมดูแลปัญหาสิว
• Pore Minimizing & Tightening ครีมที่ช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับ
• Anti-aging ครีมผสมสาร Anti-aging / ครีมช่วยลดเลือนริ้วรอย
• Moisturizing and Rejuvenation ครีมให้ความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงผิวหน้า
• Sunscreen Sunblock ครีมกันแดด
• Eye care ครีมทารอบดวงตา
• Cleansing ครีม โฟมล้างทำความสะอาดผิวหน้า
• Body Firming ครีมกระชับผิวกาย
• Hair care ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม

• สินค้าประเภทของแข็ง ผงแห้ง เช่น แป้ง, แป้งอัดแข็ง ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ผสมแห้งเป็นหลัก
• สินค้าประเภทเครื่องสำอางสีสันเพื่อตกแต่ง เช่น แป้งรองพื้น, ลิปสติก ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ที่ขึ้นรูป (Mold) เป็นหลัก
• สินค้าประเภทยาทาเล็บหรือพวกสเปรย์ต่างๆ จะต้องออกแบบโรงงานที่สามารถป้องกันการระเบิดได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มักมีส่วนประกอบของสารระเหยที่ก่อให้เกิดการระเบิดได้ง่าย

4. วิจัย พัฒนา คิดค้นสูตรตำรับ ***

ขั้นตอนนี้แหละค่ะ สำคัญที่สุด !!! ที่ทำให้แบรนด์แต่ละแบรนด์มีราคาและชื่อเสียงแตกต่างกัน โดยปกติบริษัท โรงงานรับผลิตครีม เครื่องสำอาง จะต้องมีทีมวิจัยและพัฒนาสูตร เรียกว่าทีม R&D (Research and Development) เพื่อทำหน้าที่ในการคิดค้นและจัดตั้งสูตรตำรับ ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า แต่ละแบรนด์ก็มีสูตรแตกต่างกันออกไป และสูตรพวกนี้แบรนด์ต่างๆ ก็จะหวงนักหวงหนา ต้องเก็บเป็นความลับเลยค่ะ เพราะเป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผู้ที่ทำหน้าที่ในการคิดสูตรเครื่องสำอางเหล่านี้ ก็จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบในสูตรว่า มีหน้าที่อะไร มีคุณสมบัติอย่างไร ต้องใช้สัดส่วนในการผสมเท่าไร เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ที่ตลาดต้องการหรือไม่ จากนั้นจึงเริ่มมาทดลองทำในระดับ Lab scale และพัฒนาสูตรให้เหมาะสมทั้งคุณภาพ สี กลิ่น ก่อนที่จะเริ่มผลิตจริงค่ะ

5. กระบวนการผลิต

เมื่อคิดค้นสูตรตำรับที่เหมาะสมแล้วก็ถึงเวลาที่จะเริ่มผลิตจริงในระดับอุตสาหกรรมแล้วละค่ะ ซึ่งจะต้องมีการควบคุมกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามวิธีที่กำหนด ต้องมีการควบคุมตัวแปรต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น การปนเปื้อนของเชื้อ ความชื้น ความคงตัว และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งการผลิตในระดับอุตสาหกรรมนั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการผลิตด้วย

6. กระบวนการควบคุมคุณภาพ

พอผลิตเสร็จ ก่อนที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาด เราจะต้องมีการควบคุมคุณภาพอยู่เสมอ ที่เรียกกันว่า QC (Quality Control) โดยจะต้องมีการวิเคราะห์คุณลักษณะภายนอก ลักษณะทางกายภาพ และลักษณะทางเคมีของผลิตภัณฑ์ พูดง่ายๆ ก็คือ ดูคุณภาพ สี กลิ่น เนื้อ ความสะอาด การปนเปื้อนของเชื้อ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตขึ้นมานั้น มีคุณสมบัติถูกต้องตามที่เราต้องการหรือเปล่า เช่น การผลิตครีม ก็จะต้องตรวจดูลักษณะเนื้อครีมว่าผสมเข้ากันดีหรือไม่ มีความหนืดเหมาะสมหรือเปล่า นอกจากนี้ถ้ามีการผสมสารสำคัญ (Active Ingredient) ก็จะต้องมีการตรวจสอบปริมาณของสารสำคัญว่า ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้หรือไม่ เป็นต้น

7. การจัดการเกี่ยวกับระบบการบรรจุ

อันนี้เป็นอีกสิ่งที่เราไม่สามารถลืมได้ค่ะ เพราะระบบการบรรจุที่ดี การล้างขวดด้วยระบบไอน้ำ การอบแห้งด้วยตู้อบระบบลมร้อน hot air oven และการบรรจุด้วยเทคนิคที่ปราศจากเชื้อ sterile technique นับเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนการผลิตที่สำคัญขั้นตอนหนึ่ง เพราะทำให้ครีม เครื่องสำอางปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา ทำให้สามารถเก็บรักษาครีมได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ครีมมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น

8. การจัดการเกี่ยวกับข้อกฎหมาย

ข้อนี้สำคัญไม่แพ้ ขั้นตอนการคิดค้น สูตรและวิจัยเลยค่ะ เพราะว่า จะทำเครื่องสำอางมานั้น ต้องคิดถึงผู้ใช้ด้วย ไม่ใช่คิดจะเอาแต่กำไร ขายได้อย่างเดียว ต้องมีจรรยาบรรณค่ะ ดังนั้นการทำเครื่องสำอางจะถูกควบคุมโดยพ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคพ.ศ. 2522 เกี่ยวกับการโฆษณาซึ่งผู้ประกอบการ แบรนด์ต่างๆ จะต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ละเอียดถี่ถ้วน ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขึ้นทะเบียน อย.ให้ถูกต้องสำคัญมากค่ะ

9. การตลาด

การทำธุรกิจจำเป็นต้องมีตลาดรองรับซึ่งตลาดเครื่องสำอางเป็นตลาดที่กว้างใหญ่มากและมีหลายระดับ ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ก็จะมี Brand Positioning ของตนเอง ว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับไหน เช่น จะขายลูกค้า ตลาดบน ตลาดกลาง ตลาดล่าง ขายครีมออนไลน์ ขายครีมบน Facebook IG แล้วแต่ต้นทุน การตั้งราคา และความถนัดของแต่ละแบรนด์

เป็นยังไงบ้างคะ ยากเย็นแค่ไหนกว่าจะได้เครื่องสำอางออกมาให้เราได้ลองซื้อลองใช้สักชิ้นหนึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีสูตรขั้นตอนการผลิตที่แตกต่างๆ กันออกไปทำให้บางทีราคามันดูแตกต่างจน ทำให้เรางงว่าของอย่างเดียวกันฉันจะซื้อที่แพงๆ นี้ดีไหมนะ

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากมีแบรนด์ครีม เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง แบบไม่ต้องง้อใครก็ต้องหาข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะลงมือทำนะคะ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้น ซึ่งแหล่งข้อมูลในการทำเครื่องสำอางง่ายๆก็หาได้จากเว็บไทยเช่น www.bangkokbeautylab.com หรือเว็บสูตรทำครีม เครื่องสำอาง ของคณะเภสัชสถาบันต่างๆ ถ้าเป็นแนววิชาการหน่อยก็นี่เลย Journal of Cosmetic Chemist ซึ่งแหล่งข้อมูลเหล่านี้น่าจะช่วยให้สาวๆ มีความรู้เกี่ยวกับการทำเครื่องสำอางก่อนที่จะลงทุนลงแรงจริงๆ ถ้าสาวๆ ได้ศึกษาข้อมูลอย่างดีมีความรู้วางแผนธุรกิจได้ดี มีการตลาดที่ดี ความฝันในการเป็นเจ้าของธุรกิจครีม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางที่ประสบความสำเร็จก็อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วค่ะ

ขอขอบคุณ ข้อมูลบทความโดย : แพทย์หญิง ธวลิดา เวชชวณิชย์ ( คุณหมอยูมิ)
แพทย์ผิวหนัง ศัลยกรรมความงาม เลเซอร์ เวชศาสตร์ชะลอวัย Bangkok Beauty Clinic
แพทย์หัวหน้าทีมวิจัย ครีมบำรุงผิว และเครื่องสำอาง โรงงานรับผลิตครีม Bangkok Beauty LAB
www.bangkokbeautylab.com