ในเอกสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ บ้านกรูด ที่หาดทรายแก้วรีสอร์ตบ้านกรูด สถานที่พักของเรา ได้จัดทำไว้ให้แขกเหรื่ออ่านก่อนตัดสินใจออกตระเวนเยี่ยมเยียนในแต่ละวันนั้น มี “วัดแก้วประเสริฐ” บ้านท่าแอต ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร รวมอยู่ด้วย

นอกจากภาพ “เจ้าแม่กวนอิม” อันโดดเด่นในเอกสารดังกล่าวแล้ว ยังมีคำบรรยายประกอบไว้ยาวพอสมควรว่า...

“วัดแก้วประเสริฐ” หรือที่ชาวบ้านเรียกขานจนติดปากว่า วัดเจ้าแม่กวนอิม สร้างขึ้นบนเนินเขาเลียบชายทะเล ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขาและอ่าวเล็กๆ พร้อมด้วยเกาะแก่งในทะเลที่อยู่ข้างหน้า

วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้ สร้างในแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานไทย-จีนอันงดงาม นอกจากรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมที่สูงสง่าด้วยขนาด 9.99 เมตรแล้ว ท่านยังจะได้สักการะพระนาคปรก 9 เศียร สูง 9.99 เมตรเช่นเดียวกัน

ภายในวัดยังมีโบสถ์ขนาดใหญ่สีทองอร่าม รูปปั้นพระอรหันต์ไทยจีน และที่พลาดไม่ได้ก็คือ รูปปั้นท่านกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ทุกคน ไปแล้วจะต้องกราบไหว้บูชา ที่สำคัญภายในวัดยังมีสิ่งที่เคารพอีกมากมาย รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ของโบราณ และภาพวาดที่สวยงามให้ชมอย่างจุใจ ฯลฯ”

นอกจากถ้อยคำประชาสัมพันธ์ข้างต้นแล้ว จากการสอบถามเพื่อนฝูงคนรู้จักหลายๆรายที่เคยไปวัดนี้มาแล้วต่างก็ยืนยันตรงกันว่า เป็นวัดที่สวยงามจริง และมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งในจังหวัดชุมพรและในระดับชาติ แต่ละวันจะมีผู้คนเดินทางไปกราบไหว้ และชมวิวทิวทัศน์ที่วัดแห่งนี้จำนวนมาก และถึงขั้นแน่นขนัดทีเดียวในช่วงวันหยุด หรือวันนักขัตฤกษ์

ทำให้ทีมซอกแซกตัดสินใจว่า เนื่องจากวัดแก้วประเสริฐ ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นทางผ่านในการเดินทางไปจังหวัดชุมพรของเราทริปนี้ จึงสมควรที่จะแวะกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และถือโอกาสชมวิวอันงดงามเป็นกำไรแก่ชีวิตไปด้วยพร้อมๆกัน

...

จริงๆแล้วดูระยะทางจากหาดทรายแก้วรีสอร์ตบ้านกรูดไปที่วัดก็ประมาณ 60-70 กิโลเมตรเท่านั้น ถือว่าไม่ไกลเลยจะแวะก่อนไปชุมพรหรือจะแวะตอนกลับจากชุมพรก็ได้ทั้ง 2 ประการ

แต่เมื่อพิจารณาจากแผนที่แล้ว เราจะเข้าชุมพรทางถนนเพชรเกษม ในขณะที่วัดแก้วประเสริฐจะอยู่ที่บ้านท่าแอต ตำบลปากคลอง ติดกับทะเลห่างจากถนนเพชรเกษมพอสมควร

คณะเราจึงตัดสินใจเดินทางไปชุมพรเสียก่อน เสร็จแล้วค่อยแวะเข้าตำบลปากคลอง อำเภอปะทิวในช่วงขากลับ เพราะหากจะเย็นคํ่าหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะใกล้จะถึงบ้านกรูด ที่พักของเราอยู่แล้ว

น่าเสียดายที่เราไม่ได้หาข้อมูลล่วงหน้า ทำให้ไม่ทราบว่าจากจังหวัดชุมพรจะมีถนนเลียบชายทะเลที่มีการบูรณะใหม่โดยกรมทางหลวงชนบทเรียบร้อยตรงไปถึงบ้านบางเบิด ซึ่งจะผ่านวัดนี้พอดิบพอดี จึงใช้ถนนเพชรเกษมเป็นหลัก แล้วแวะเข้าเส้นทางไปวัดแก้วประเสริฐ ที่ อ.ปะทิว ในการเดินทางไปวัดตอนขากลับ

ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้นั่งรถเลียบชายฝั่งอ่าวไทยบนถนนที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ไทยแลนด์ ริเวียรา” ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับจังหวัดต่างๆ ร่วมกันจัดทำเสนอรัฐบาลที่จะบูรณะถนนชายฝั่งทะเลตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบฯ ชุมพรไปจนถึงระนอง ให้เป็นถนนที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวเฉกเช่นถนนเลียบฝั่ง หรือ “ริเวียรา” ตัวจริง ทั้งของ อิตาลีและฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลก

แต่ก็ยังนับว่าโชคดี เมื่อทีมงานซอกแซกแวะกราบไหว้ “เจ้าแม่กวนอิม” และรูปปั้น “เสด็จเตี่ย” อันเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวชุมพรในวัดแก้วประเสริฐครบถ้วนแล้ว...ระหว่างเดินทางกลับบ้านกรูดต้องผ่านอำเภอบางสะพานน้อยและ บางสะพาน ทำให้มีโอกาสใช้ถนนเลียบชายทะเลอยู่ช่วงหนึ่ง

แม้จะไม่ค่อยได้เห็นทะเลบ่อยนัก เพราะถนนมิได้อยู่ติดทะเลเสียทีเดียวและโดยแท้จริงยังคงมีเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านทั่วๆไปบดบังอยู่

แต่จากพื้นถนนอันราบเรียบที่น่าจะสร้างเสร็จไม่นานนัก บวกกับความร่มเย็น 2 ฝั่งถนนที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มไปตลอด ก็สมแล้วกับแผ่นป้ายภาษาอังกฤษที่กรมทางหลวงชนบทปักไว้ตลอดทางว่า SCENIC ROUTE หรือแปลตรงๆตัวได้ว่า “เส้นทางชมวิว” นั่นเอง

อาจจะไม่เห็นวิวทะเลขณะรถแล่นผ่าน แต่ก็สามารถจะแวะเข้าไปจอดชมทะเลได้ หาก ประสงค์จะแวะชมเพราะอยู่ใกล้ๆแค่นั้นเอง

หัวหน้าทีมซอกแซกนั่งชื่นชมไปตลอดทาง และต้องขอขอบคุณทุกๆฝ่ายที่ร่วมกันผลักดันโครงการนี้ และยังเดินหน้าดำเนินการมาโดยตลอด โดยเฉพาะ กรมทางหลวงชนบท ที่ยังออกข่าวว่าได้ทำ ได้ซ่อม ได้บูรณะถนนสายนั้นสายนี้บนเส้นทางนี้อยู่เป็นระยะๆ

จึงขอให้กำลังใจในการดำเนินการเพื่อการ พัฒนาต่างๆไป...ไม่ต้องให้สวยงามเหมือนของอิตาลี ของฝรั่งเศส ที่เราเห็นในภาพยนตร์หรอกครับ

ขอแค่สวยงามแบบไทยๆ เป็น “ไทยแลนด์ริเวียรา” อย่างที่ว่า และรักษาความงามเช่นนี้เอาไว้ให้ยั่งยืนไปอีกนานแสนนานก็พอแล้วละ

สำหรับตัว วัดแก้วประเสริฐ เองนั้น ทีมงานซอกแซกเห็นด้วยกับถ้อยคำประชาสัมพันธ์ที่นำมาเกริ่นไว้ตอนต้นทุกประการ พร้อมกันขอยืนยันว่า ทิวทัศน์ที่มองจากวัดลงมาสู่ทะเลนั้นจะเห็น อ่าวมหา ที่รายล้อมด้วยภูเขาริมทะเลสวยงามจริงๆ

นอกจากนี้ ยังได้รับคำบอกเล่าจากชาวบ้านแถวนั้นด้วยว่า มาบ่ายๆหน่อยอย่าเย็นนัก จะมีโอกาสได้ดื่มกาแฟใน ร้านหลวงตาพาเพลิน ของวัดด้วย ร้านกาแฟเป็นอาคารสร้างเลียนแบบต้นไม้สูง 4 ชั้น ขึ้นไปข้างบนชมวิวทะเลได้เลย

“หลวงตา” ตามชื่อร้านนี้ก็คือ “หลวงตาจง” หรือพระอาจารย์ บรรจง ธัมมรโส ผู้บุกเบิกก่อตั้งวัดตั้งแต่ยังเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ เมื่อ พ.ศ.2515 และพัฒนาเรื่อยมาตลอดเวลา 48 ปี จนกลายเป็น วัดแก้วประเสริฐ อันงดงามในที่สุด

...

อย่าลืมไปจิบกาแฟหลวงตาจง ท่านเจ้าอาวาสวัดแก้วประเสริฐดูบ้าง จะอร่อยเท่า “สตาร์บัคส์” หรือ “อเมซอน” หรือเปล่าไม่ทราบ ...ทราบแต่ว่ารายได้จากกาแฟหลวงตาจะนำไปบำรุงวัดทุกบาททุกสตางค์...จิบแล้วได้บุญแน่นอนครับ.

“ซูม”