"ท่านผู้มาเยือนจากแดนไกล แม้ท่านอาจมาสายไปบ้าง แต่สิ่งที่ท่านกำลังจะได้รับชมคือการแสดงอันศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้ยุทธนาวีเบื้องหน้าหลอกลวงท่านด้วยกองเรือขนาดมหึมาบนผืนน้ำที่ยิ่งใหญ่ดุจท้องทะเล : ที่นี่ เมื่อครู่ยังเป็นเพียงผืนดินแห้งผาก ท่านไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ? ลองจับตาดูหลังจากยุทธนาวีตรงหน้าสิ้นสุดลงสิ ในไม่ช้าท่านจะอุทานว่า “เมื่อครู่ยังเป็นท้องทะเลอยู่เลย!!”

ส่วนหนึ่งของข้อความจากเอกสาร “สารพัดการแสดง” (On the Spectacles) เขียนโดยมาร์เชียล (Martial) กวีชาวโรมันในช่วงราวปี ค.ศ.80 กล่าวถึงหนึ่งในการแสดงที่จัดขึ้นภายใน “โคลอสเซียม” (Colosseum) หรืออัฒจันทร์ รูปวงรีขนาดยักษ์ที่ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรุงโรม (Rome) ประเทศอิตาลี ข้อความนี้สร้างความฉงนสงสัยให้กับนักประวัติศาสตร์ได้ไม่น้อยเลยครับ เพราะในขณะที่เรามักจะคุ้นเคยกันดีว่าโคลอสเซียมคือสังเวียนเดือดที่เหล่านักสู้กลาดิเอเตอร์ (Gladiator) จะเข้ามาห้ำหั่นกันด้วยอาวุธสารพัดรูปแบบ บ้างก็มีการนำเอาสัตว์ดุร้ายอย่างสิงโตเข้ามาร่วมในการแสดงด้วย แต่สิ่งที่มาร์เชียลเขียนเอาไว้กลับพูดถึง “ยุทธนาวี” ในโคลอสเซียมเสียอย่างนั้น!? อีกทั้งยังบอกเป็นนัยด้วยว่าพื้นดินของโคลอสเซียมได้แปรสภาพไปเป็น “ท้องทะเล” อันกว้างใหญ่ เพื่อแสดงยุทธนาวีของกองเรือจำนวนมากที่ลอยลำอยู่ในนั้น ทว่าฉับพลันทันใด ผืนน้ำกลับแปรเปลี่ยนไปเป็นผืนดินได้อีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์!!

อัฒจันทร์แบบโรมันในเมืองเมริดาประเทศสเปน มีสระน้ำขนาดใหญ่กลางลานแสดงที่มีระบบท่อเติมน้ำและระบายน้ำออกจากสระ
อัฒจันทร์แบบโรมันในเมืองเมริดาประเทศสเปน มีสระน้ำขนาดใหญ่กลางลานแสดงที่มีระบบท่อเติมน้ำและระบายน้ำออกจากสระ

...

คำถามก็คือการแสดงยุทธนาวีจำลองเคยเกิดขึ้นในโคลอสเซียมดังที่มาร์เชียลบันทึกเอาไว้จริงๆน่ะหรือ? แล้วชาวโรมันผันน้ำปริมาณมหาศาลเข้ามาเก็บกักเอาไว้ในโคลอสเซียมเพื่อทำการแสดงอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ครั้งนี้คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนจะพาไปตามรอยประวัติศาสตร์แห่ง “ยุทธนาวีจำลองของชาวโรมัน” หรือที่เรียกกันว่า “นูมาเชีย” (Naumachia) กันครับ

“นูมาเชีย” เป็นคำในภาษาละตินที่มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า “การต่อสู้ทางน้ำ” (Naval Combat) ซึ่งเป็นหนึ่งในการแสดงที่โด่งดังและโดดเด่นของชาวโรมันมาตั้งแต่สมัยของจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) แต่การแสดงนูมาเชียก็ไม่ได้เกิดขึ้นใน “อัฒจันทร์” เสมอไปหรอกครับ บางครั้งก็จัดขึ้นในทะเลสาบเทียมที่ขุดขึ้น เพื่อจัดแสดงนูมาเชียโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน

น่าเสียดายครับที่ข้อมูลเกี่ยวกับนูมาเชียส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากหลักฐานทางโบราณคดี ทว่ามาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์โดยเฉพาะ “บันทึก” ของนักประวัติศาสตร์ชาวโรมันยุคหลังทั้งสิ้น นอกจากนั้น เหตุการณ์ที่แต่ละท่านบันทึกเอาไว้ยังเกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงชีวิตของพวกเขาถึงร่วมหลายร้อยปีเลยทีเดียวล่ะครับ หนึ่งในนั้นคือผลงานของ “ดีโอ คัสซิอุส” (Dio Cassius) ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของนูมาเชียในสมัยของจูเลียส ซีซาร์ช่วง 46 ปีก่อนคริสตกาลเอาไว้อย่างชัดเจน

ห้องหับใต้ดินในโคลอสเซียม เพิ่งถูกสร้างขึ้นหลังจากที่จักรพรรดิติตุสจัดแสดงนูมาเชียไปแล้ว
ห้องหับใต้ดินในโคลอสเซียม เพิ่งถูกสร้างขึ้นหลังจากที่จักรพรรดิติตุสจัดแสดงนูมาเชียไปแล้ว

46 ปีก่อนคริสตกาลคือช่วงที่จูเลียส ซีซาร์เพิ่งมีชัยเหนือปอมเปย์ (Pompey) มาหมาดๆ ซีซาร์ยกทัพกลับมายังกรุงโรมพร้อมกับขบวนแห่อันแสนเอิกเกริก รายล้อมไปด้วยสัตว์นานาชนิด ทั้งช้างและยีราฟ ซีซาร์ยังเฉลิมฉลองชัยชนะในครั้งนั้นด้วยการแสดง “ยุทธนาวีจำลอง” แบบเสมือนจริง พระองค์มีบัญชาให้ขุดทะเลสาบเทียมขึ้นมาบริเวณโค้งแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber) ในตำแหน่งที่เรียกว่า “แคมปัส มาร์ติอุส” (Campus Martius) โดยผันน้ำจากแม่น้ำสายนี้เข้ามาเติมเต็มทะเลสาบเทียมให้สูงพอสำหรับกองเรือไบรีม (Biremes) ไทรรีม (Trireme) และควาดริรีม (Quadrireme) ขนาดยักษ์ พร้อมด้วยเหล่าทาส 4,000 ชีวิต และลูกเรืออีก 2,000 คน จินตนาการได้ไม่ยากเลยครับว่าการแสดงนูมาเชียครั้งแรกในบันทึกของชาวโรมันจะต้องยิ่งใหญ่อลังการ แน่นอนว่าเมื่อชาวเมืองได้ข่าวการแสดงอันน่าทึ่งเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว

บันทึกของซุเอโตนิอุส (Suetonius) นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2 ก็กล่าวถึงการแสดงนูมาเชียในสมัยของจูเลียส ซีซาร์เอาไว้ว่าประชาชนจากทั่วทั้งอิตาลีต่างแย่งชิงกันเข้ามาชมการแสดงในครั้งนี้จนทำให้เกิดเหตุสลดขึ้น ด้วยว่าสภาสูงโรมัน (Senators) สองท่านถูกเหยียบจนถึงแก่ความตายในช่วงของการจับจองพื้นที่เข้าชมการแสดงด้วยน่ะสิครับ!!

“อควา คลอเดีย” คือท่อส่งน้ำที่อาจเคยใช้ลำเลียงน้ำไปยังโคลอสเซียม
“อควา คลอเดีย” คือท่อส่งน้ำที่อาจเคยใช้ลำเลียงน้ำไปยังโคลอสเซียม

...

น่าเสียดายที่เราไม่ทราบรายละเอียดของ “การแสดง” มากนัก สิ่งที่เราทราบก็คือนูมาเชียของชาวโรมันมักจะ “จำลอง” ยุทธนาวีที่เคยเกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์จริงระหว่างกองเรือของชนเผ่าต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของชาวโรมันทั้งสิ้น แต่ที่น่าสนใจก็คือไม่เคยปรากฏหลักฐานของนูมาเชียที่นำกองเรือของชาวโรมันเองเข้าไปห้ำหั่นกับศัตรูเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ถึงแม้ว่านูมาเชียจะเป็น “การแสดง” ทว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างจากการแสดงของเหล่ากลาดิเอเตอร์ที่เล่นจริง เจ็บจริง เสียเลือดเสียเนื้อจริง และบางครั้งก็ “ตาย” กันจริงๆด้วย เหล่านักแสดงในนูมาเชียก็คือเหล่าเชลยศึกสงครามที่ต้องโทษประหาร จึงถูกเลือกมาสร้างความสำราญให้กับจักรพรรดิและเหล่าผู้ชมชาวโรมัน แน่นอนครับว่าเหล่าเชลยศึกที่ไม่มีอะไรจะเสีย เมื่อได้จับอาวุธเข้าห้ำหั่นกับศัตรูอีกครั้งย่อมสร้างบรรยากาศของการต่อสู้ได้อย่างถึงพริกถึงขิงเป็นอย่างยิ่งล่ะครับ

อาจจะเป็นเพราะว่า “เบื้องหลัง” ของการจัดแสดงนูมาเชียนั้นซับซ้อนและชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียม “ทะเลสาบ” ขนาดใหญ่ รวมถึงกองเรือขนาดยักษ์ แถมยังต้องมีอัฒจันทร์เพื่อรองรับผู้ชม และต้องเตรียมสัตว์ต่างถิ่นแปลกตาไว้สำหรับจัดแสดงอีก ความยุ่งยากนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ในหน้าประวัติศาสตร์โรมันไม่ค่อยมีการจัดแสดงนูมาเชียบ่อยนัก ส่วนใหญ่แล้วมักจะจัดขึ้นเฉพาะในพระราชพิธีสำคัญๆเท่านั้น

จากบันทึกของนักประวัติศาสตร์พบว่าหลังจากนูมาเชียในสมัยของจูเลียส ซีซาร์แล้ว นูมาเชียครั้งใหญ่ลำดับถัดมาเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีก่อนคริสตกาล ตรงกับรัชสมัยของจักรพรรดิออกัสตุส (Augustus) จัดขึ้นในทะเลสาบเทียมที่ถูกขุดขึ้นมาใหม่ริมตลิ่งทางขวาใกล้กับเกาะไทเบอร์ (Tiber Island) โดยผันน้ำเข้ามาใส่ผ่านท่อส่งน้ำ (Aqueduct) แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีบรรยากาศเกี่ยวกับนูมาเชียในสมัยนี้มากเท่าใดนัก

...

ภาพวาดจากปี ค.ศ.1721 แสดงภาพกองเรือจำนวนมหาศาลในอัฒจันทร์
ภาพวาดจากปี ค.ศ.1721 แสดงภาพกองเรือจำนวนมหาศาลในอัฒจันทร์

นูมาเชียครั้งถัดมาเกิดขึ้นในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสในช่วงปี ค.ศ. 52 ใช้ผู้แสดงมากถึง 19,000 ชีวิต พร้อมด้วยเรืออีก 100 ลำ จัดแสดงกันในทะเลสาบฟูชิเน (Fucine Lake) ทางทิศตะวันออกของกรุงโรม นักแสดงในนูมาเชียครั้งนั้นคือเหล่านักโทษที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่ฝ่ายเกาะซิซิลี (Sicily) อีกกลุ่มหนึ่งอยู่ฝ่ายเกาะโรดส์ (Rhodes) บันทึกของซุเอโตนิอุสกล่าวว่า ณ กึ่งกลางของทะเลสาบฟูชิเนมีรูปหล่อจากโลหะเงินของเทพเจ้าไทรทัน (Triton) ที่สามารถให้สัญญาณการรบผ่านแตรที่ขับเคลื่อนด้วยระบบกลไกอันซับซ้อนตั้งอยู่ด้วยครับ

ถึงแม้ว่านูมาเชียทั้งสามครั้งจะมีความยิ่งใหญ่อลังการจนต้องตกตะลึง ทว่า “สถานที่” ก็ยังคงเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ไม่ใช่ “อัฒจันทร์” หรือ โคลอสเซียมดังเช่นที่มาร์เชียลบันทึกเอาไว้ นักวิชาการทราบว่าปฐมบทของนูมาเชียที่เปลี่ยนมาจัดใน “อัฒจันทร์” ปรากฏขึ้นในสมัยของจักรพรรดิเนโร (Nero) ช่วงปี ค.ศ.57 นอกจากนั้น ยังกล่าวกันว่าเนโรจัดนูมาเชียถึงสองครั้งทีเดียวครับ สถานที่ที่เนโรเลือกในการสร้างอัฒจันทร์ก็คือ “แคมปัส มาร์ติอุส” บริเวณเดียวกับที่จูเลียส ซีซาร์เคยใช้จัดนูมาเชียเมื่อ 46 ปีก่อนคริสตกาลนั่นล่ะครับ แต่ในครั้งนี้เนโรบัญชาให้สร้างอัฒจันทร์ขึ้นมาจาก “ไม้” ปกคลุมด้านบนด้วยหลังคาทาสีให้คล้ายคลึงกับท้องฟ้า แต่งแต้มด้วยดวงดาว ผันน้ำเค็มเข้ามาเติมภายในอัฒจันทร์เพื่อใช้ในการแสดง นอกจากนั้น ยังมีการนำปลาและสัตว์ทะเลนานาชนิดเข้ามาโชว์ตัวในอัฒจันทร์แห่งนี้ด้วยเช่นกันครับ

...

บันทึกจากนักประวัติศาสตร์อธิบายเอาไว้ว่าในอดีตอัฒจันทร์ไม้ของจักรพรรดิเนโรสามารถจัดแสดงทั้งนูมาเชียและการต่อสู้ของเหล่ากลาดิเอเตอร์ได้ภายใน “วันเดียวกัน” นั่นย่อมหมายความว่าอัฒจันทร์แห่งนี้ต้องสามารถเติมน้ำและระบายน้ำออกได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่น่าเสียดายครับที่มหาอัคคีภัยแห่งโรมในสมัยของจักรพรรดิเนโรได้เผาทำลายหลักฐานเกี่ยวกับอัฒจันทร์ไม้แห่งนี้ไปจนหมดสิ้นแล้ว

ถัดจากนูมาเชียในอัฒจันทร์ไม้ของจักรพรรดิเนโร ก็มาถึงนูมาเชียใน “โคลอสเซียม” ที่มาร์เชียลได้บันทึกเอาไว้แล้วล่ะครับ แต่คำถามก็คือแล้วเหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นกับโคลอสเซียมขนาดยักษ์ที่อัดแน่นไปด้วยห้องใต้ดินมากมายมหาศาลด้วยหรือ?

คำตอบคือ “เป็นไปได้” ครับ!!

เป็นที่ทราบกันดีว่าโคลอสเซียมหรือ “อัฒจันทร์ฟลาเวียน” (Flavian Amphitheater) เพิ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของจักรพรรดิติตุส (Titus) ช่วงปี ค.ศ.80 พระองค์มีบัญชาให้จัดนูมาเชียขึ้นสองครั้ง ครั้งหนึ่งในทะเลสาบเทียมที่จักรพรรดิออกัสตุสเคยสร้างขึ้น และอีกครั้งหนึ่งจัดใน “โคลอสเซียม” นี่ล่ะครับ

ภาพวาดจากปี ค.ศ.1894 แสดงบรรยากาศของนูมาเชีย
ภาพวาดจากปี ค.ศ.1894 แสดงบรรยากาศของนูมาเชีย

สำหรับท่านที่ยังคงสงสัยว่าชาวโรมันจะเติมน้ำเข้ามาในโคลอสเซียมซึ่งเต็มไปด้วยห้องหับใต้ดินมากมายที่เคยใช้เป็นห้องสำหรับขังสัตว์ดุร้ายได้อย่างไรกัน? คำตอบก็คือห้องใต้ดินเหล่านั้นเพิ่งถูกสร้างขึ้นภายหลังในช่วงการปกครองของจักรพรรดิโดมิเทียน (Domitian) เท่านั้นเองครับ นั่นหมายความว่าโคลอสเซียม ในสมัยของจักรพรรดิติตุสยังไม่มีห้องใต้ดินที่ว่านี้แต่อย่างใด

คำถามต่อไปก็คือการเติมน้ำเข้ามาในโคลอสเซียมทำได้ “รวดเร็ว” แค่ไหนกัน? เมื่อนักวิชาการลองคำนวณหาปริมาตรน้ำที่ต้องเติมใส่โคลอสเซียม เพื่อให้กองเรือโบราณลอยอยู่ได้แล้วก็พบว่าต้องใส่น้ำเข้าไป 4,241 ลูกบาศก์เมตร และเมื่อนำอัตราการไหลของน้ำจากท่อส่งน้ำ “อควา คลอเดีย” (Aqua Claudia) ของชาวโรมัน ซึ่งมีตัวเลขอัตราการไหลอยู่ที่ 2.12 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีมาคำนวณก็จะพบว่า ถ้าน้ำไหลอย่างต่อเนื่องในอัตรานี้โดยไม่เกิดการสูญเสียแล้วล่ะก็ โคลอสเซียมจะมีปริมาตรน้ำเพียงพอต่อการแสดงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง!!

ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่โคลอสเซียมจะสามารถกักและระบายน้ำออกได้อย่างรวดเร็วจริงดังที่มาร์เชียลเคยโฆษณาเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุนเกี่ยวกับท่อส่งน้ำของจริงที่ใช้ในการลำเลียงน้ำมายังโคลอสเซียมเลยครับ แต่ถึงอย่างนั้นอัฒจันทร์แบบโรมันในเมืองเมริดา (Mérida) ประเทศสเปน อายุราว 8 ปีก่อนคริสตกาล ก็มี “สระน้ำ” ขนาดใหญ่ ความลึกราว 1.25 เมตร กว้าง 20 เมตร ยาว 26 เมตร ตั้งอยู่กึ่งกลางของอัฒจันทร์ พร้อมระบบท่อทางที่ใช้ส่งน้ำเข้าและระบายน้ำออกด้วย บางทีนี่อาจจะเป็นหลักฐานว่าสถานที่แห่งนี้เคยใช้ในการจัดแสดงนูมาเชียด้วยกองเรือขนาดเล็กมาก่อนก็เป็นได้ครับ

ถัดจากสมัยของจักรพรรดิติตุส นูมาเชียยังคงเกิดขึ้นอีกสองครั้งใหญ่ๆ ครั้งแรกในสมัยของจักรพรรดิทราจัน (Trajan) ในช่วงปี ค.ศ.109 ส่วนนูมาเชียครั้งสุดท้ายในบันทึกประวัติศาสตร์โรมันเกิดขึ้นในปี ค.ศ.248 สมัยจักรพรรดิฟิลิปชาวอาหรับ (Philip the Arabian) หลังจากนั้น เมื่อจักรวรรดิโรมันเริ่มเสื่อมถอย การแสดง “นูมาเชีย” ก็ถึงคราวหมดความนิยมลงไปด้วยเช่นกันครับ.

โดย :ณัฐพล เดชขจร
ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน