หลังจากทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อส่งเสริม Soft Power มานานกว่า 30 ปี ล่าสุดดูเหมือนว่าเกาหลีจะเริ่มวางมือจาก Soft Power โดยหันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยวแบบไมซ์ (MICE : Meeting Incentive Conventions and Exhibitions) มากขึ้น

ได้มีโอกาสร่วมทริป 2024 International MICE Professional Fam tour เยือนเมืองจอนจู และยอซู 2 ใน 5 เมืองหลัก ที่ถูกจัดวางให้เป็นเมืองแห่งการรองรับการท่องเที่ยวแบบไมซ์ ซึ่งประกอบไปด้วยเมืองจอนจู, ควางจู, ยอซู, ซุนชอล และโซล

ชิน อึนจอง (Shin Eun Jeong) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ว่าการเมืองยอซู และ คิม อึนโด (Kim Eun Do) จาก I Love Yeosu Tour มาต้อนรับคณะด้วยความเป็นกันเอง

อึนจองบอกกับเราว่า “ฉันหวังว่าคุณจะหลงรักยอซูเหมือนกับฉันที่ทิ้งชีวิตในโซลมาตกหลุมรักที่นี่กว่า 5 ปีแล้ว”

ถ้าพูดถึงเมืองยอซู สำหรับคนไทยอาจไม่คุ้นหูมากนัก ไม่เหมือนเจจู ปูซาน คยองกี หรือ โซล แต่ที่นี่ก็เป็นที่รู้จักมานานกว่า 10 ปีจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานจัดนิทรรศการนานาชาติหรือ World Expo เมื่อปี 2012 งานที่เปลี่ยนโฉมหน้ายอซู จากเมืองชายทะเลอันเงียบสงบ เป็นเมืองที่เริ่มมีผู้คนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย

...

แต่การมาเยี่ยมเยือนยอซูในฐานะนักท่องเที่ยวธรรมดา อาจไม่ได้ทำให้ยอซูมีรายได้หรือ GDP ที่เพิ่มขึ้น หากไม่มีการคิดโปรเจกต์หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกิจกรรมหรือธุรกิจบางอย่างและพัฒนาไปให้สุด ซึ่งการท่องเที่ยวแบบ MICE น่าจะตอบโจทย์สำหรับที่นี่มากที่สุด ไม่ว่าจะด้วยศักยภาพของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ ในการเดินทางมาประชุม สัมมนา หรือแสดงสินค้า ที่มีงานวิจัยรองรับว่า การเดินทางของคนกลุ่มนี้ก่อให้เกิดรายได้แก่เมือง สูงกว่าการท่องเที่ยวทั่วไปถึง 5 เท่า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว การใช้ทรัพยากรของโรงแรมอย่างคุ้มค่า ทั้งห้องประชุม ห้องอาหาร ไปจนถึงการเลือกแพ็กเกจ City Tour แบบกลุ่มใหญ่ในวันที่เสร็จหรือว่างจากการประชุม ซึ่งต้องบอกว่าวันนี้ “ยอซู” เป็นเมืองที่พร้อมและตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว

ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลของคาบสมุทรเกาหลีที่งดงามมากที่สุดเมืองหนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็น “ไข่มุกแห่งเกาหลีใต้” คล้ายๆกับภูเก็ตบ้านเราที่เป็นเมืองไข่มุกแห่งอันดามันที่นี่ยังมีโรงแรมระดับ 4-5 ดาวหลายแห่งที่พร้อมรองรับการประชุม สัมมนาขนาดใหญ่อย่าง Shilla Stay, Ramada Plaza by WYNDHAM Yeosu, Hotel JCS Yeosu ที่สามารถรองรับคนระดับพันคนได้อย่างสบายๆ

จอง จี โฮ ผู้อำนวยการฝ่ายการประมงและท่องเที่ยวของเมืองยอซู (Director General of Fisheries and Tourism Bureau in Yeosu Local Government ) บอกว่า ยอซูมีความพร้อมและเหมาะสมมากสำหรับการจัดการท่องเที่ยวแบบ MICE ด้วยศักยภาพของเมือง ที่มีทั้งรถไฟความเร็วสูง สนามบินในประเทศ และที่ล้ำไปกว่านั้น ที่นี่นักท่องเที่ยวกลุ่มขนาดใหญ่อย่าง MICE สามารถเลือกเดินทางโดยเรือครูซ ทั้งจัดประชุมหรือปาร์ตี้บนเรือได้ด้วย ไม่นับรวม โรงแรมขนาดใหญ่ และศูนย์ประชุม (Convention Center) หลากหลายขนาดที่ใหญ่ที่สุดก็คือ Yeosu Expo Convention Center ซึ่งใช้ในการจัดประชุม world Expo เมื่อปี 2012 ที่ทำให้เมืองของเรากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

...

ชิน อึน จอง เจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวของยอซูให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับนำคณะไปชมสถานที่ที่เรียกว่าเป็น Attraction ของเมือง ไม่ว่าจะเป็น Big-O สถาปัตยกรรมที่ทำจากเหล็กขนาดมหึมาซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นจุดแสดงแสงเสียงและน้ำพุเมื่อครั้งที่จัด World Expo เมื่อ 12 ปีที่แล้ว Arte Museum Yeosu สถานที่จัดนิทรรศการศิลปะในรูปแบบมีเดียอาร์ต ที่ใช้เทคนิคมัลติมีเดียประกอบกับศิลปะจนเกิดเป็นผลงานสุดสร้างสรรค์ โดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ นับเป็นแห่งที่ 2 ของเกาหลีใต้ ที่เปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2564 ขณะที่ Arte Museum แห่งแรกอยู่ที่เกาะเจจู

...

นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลยอซูอควาแพลนเน็ต (Hanwha Aqua Planet) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับ Expo Ochean Park, Yeosu ที่นี่มีการจัดแสดงสัตว์ทะเลมากกว่า 281 ชนิด หรือประมาณ 34,000 แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เช่น Marine Life จัดแสดงเกี่ยวกับสัตว์นานาพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเล อาทิ แมวน้ำไบดาล, เพนกวิน, นาก, สิงโตทะเลและแมวน้ำช้าง โซนสัตว์ป่า (Aqua Forest) ที่จำลองผืนป่าอะเมซอน ฉายภาพความเคลื่อนไหวของผืนป่าแบบเสมือนจริงทั้งภาพและเสียง ขนาดที่เห็นผีเสื้อบินออกมาจากป่า เสือโคร่งจ้องจับเหยื่อ และยังมีการจัดแสดงสัตว์ในเขตร้อนกว่า 100 ชนิด ต่อด้วยโซนชีวิตมหาสมุทร (Ocean Life) ซึ่งมีตู้ปลาขนาดยักษ์และอุโมงค์กระจกใส สามารถมองเห็นเหล่าสัตว์ทะเลแหวกว่ายในมุม 360 องศากว่า 200 กว่าสายพันธุ์จากมหาสมุทรต่างๆ อาทิ วาฬเบลูก้า หรือวาฬสีขาว, ปลาฉลาม และเต่าทะเล ถ้านึกภาพไม่ออก แอบกระซิบว่า ที่นี่คือฉากการถ่ายทำซีรีส์ดัง ทั้งทนายอัจฉริยะ ที่ทำให้เราหลงรักอูยองอู ทนายออทิสติกแบบถอนตัวไม่ขึ้น รวมทั้งหนังเรื่อง Move To Haven ที่ตัวเอกของเรื่องป่วยเป็นโรคแอสเปอร์เกอร์ด้วย

...

แค่สัมผัสยอซูเพียงไม่กี่ชั่วโมง เราก็เริ่มจะเห็นด้วยกับอึน จอง ที่บอกว่าฉันเชื่อว่าคุณจะหลงรักยอซู เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความน่ารักและสีสันของศิลปะ เทคโนโลยี แถมยังมีกลิ่นอายของ วัฒนธรรมที่ซ่อนตัวอยู่รอการค้นหา อย่างการเป็นต้นกำเนิดของอาหารรสเลิศอย่างคันจัง เคจัง หรือปูดองซีอิ๊วสไตล์เกาหลี ที่บอกเลยว่า กินปูดองเกาหลีมาหลายที่ หลายเมือง ที่นี่อร่อยที่สุด ด้วยความสดของเนื้อปู และสูตรการดองแบบต้นตำรับ เอาเป็นว่า ถ้าไปยอซูแล้วไม่ได้กินปูดอง ถือว่าไปไม่ถึงยอซูแน่นอน ยังไม่รวม อาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแบบชิกสุดๆที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะใช้การเสียบไม้ย่างบนเตาหมุน คล้ายๆไก่หมุนบ้านเราแต่เก๋กว่า แถมรสชาติยังอร่อยจนต้อง ร้องมาชิโซโย มาชิโซโย ที่แปลว่าอร่อยมากๆ หลายครั้งเลยทีเดียว

นอกจากนี้ใน เวลากลางวันเรายังได้พบกับความสวยงามของดอกทงแบค หรือ ดอกคาเมลเลีย (Came llia) ที่สื่อความหมายถึงความรักที่ไม่เปลี่ยน แปลง ความรักที่ถ่อมตน ไม่เสแสร้ง มีคุณค่าและยั่งยืนเสมอ เป็นดอกไม้ที่มีความอดทนสามารถเบ่งบานท่ามกลางสายลมที่หนาวเหน็บ ซึ่งมีมากที่สุดบนเกาะโอดงโด (Odongdo Island) ในเมืองยอซู

เวลา 2 คืนในยอซูผ่านไปแบบเร็วมาก เราเดินทางกลับจากยอซูด้วยรถไฟความเร็วสูงเข้าสู่กรุงโซล เกาหลีใต้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ได้ชมวิวระหว่างทางแบบสบายๆจนแทบไม่รู้สึกว่านานเกินไป คิม อึน โด มาส่งพวกเราที่โซล พร้อมกับเลี้ยงอาหารเป็นรามยอนรสเด็ด...แกล้มกับเบียร์เทอร่าของเกาหลี แค่นี้ก็ทำให้เราอยากกลับไปยอซู...อีกหลายๆครั้ง

แน่นอน ฉันตกหลุมรักยอซู...เข้าแล้วจริงๆ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “THE NEW NORMAL” เพิ่มเติม