เนสเพรสโซจับมือวันเดอร์ฟรุ๊ต จัดกิจกรรม Nespresso x Wonderfruit Rice & Roast: Journey to Sustainable Farming เปิดโมเดลความยั่งยืนจากกาแฟสู่ฟาร์ม
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 เพราะการเดินทางของ “กาแฟ” ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่ส่งถึงมือผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังสามารถเดินทางไปได้ไกลเพื่อส่งคืนประโยชน์กลับสู่ผืนดินและสิ่งแวดล้อมของเราได้ ล่าสุด เนสเพรสโซ ในฐานะแบรนด์กาแฟที่มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จับมือ วันเดอร์ฟรุ๊ต (Wonderfruit) ไลฟ์สไตล์เฟสติวัลที่เน้นวิถียั่งยืน จัดกิจกรรม Nespresso x Wonderfruit: Journey to Sustainable Farming เปิดโมเดลความยั่งยืนจากกาแฟสู่ฟาร์มในคอนเซปต์ Rice & Roast พาสื่อมวลชนพร้อมเหล่าเซเลบริตี้สายรักษ์โลก อย่าง คุณเปิ้ล จริยดี - เจย์ สเปนเซอร์, คุณหวานหวาน อรุณณภา พาณิชจรูญ และคุณหญิง รฐา – ตุลย์ ตุลยเทพ เอื้อวิทยา มาโอบกอดธรรมชาติพร้อมเติมเต็มหัวใจนักอนุรักษ์ ผ่านการเยี่ยมชมวันเดอร์ฟรุ๊ตฟาร์มผักออร์แกนิก (Wonderfruit Farm) ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ จ.ชลบุรี ที่เนสเพรสโซได้มอบกากกาแฟเพื่อเป็นปุ๋ยสำหรับเพาะปลูก และสัมผัสกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มาพร้อมคอนเซปต์ “การเดินทางอันไร้จุดสิ้นสุดของกากกาแฟ” ผ่านเวิร์กช็อปทำก้อนเมล็ดพืช (Seed Bomb) และวาดรูปสีน้ำสกัดจากกาแฟและวัสดุจากธรรมชาติ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในวิถีชีวิตแบบ Eco-living พร้อมตอกย้ำจุดยืนของเนสเพรสโซในการมอบประโยชน์ให้แคปซูลกาแฟและกากกาแฟได้อย่างไม่รู้จบ
เริ่มต้นให้ผู้ร่วมงานได้ซึมซับแนวความคิดความยั่งยืนไปกับถุงผ้ากู๊ดดี้แบ็กรักษ์โลกคอนเซปต์ Rice & Roast ที่เนสเพรสโซและวันเดอร์ฟรุ๊ตได้ร่วมจัดเตรียมเพื่อมอบเป็นของที่ระลึกต้อนรับแขกร่วมงาน ภายในถุงผ้าประกอบไปด้วยชุดของขวัญที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ถุงผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ แก้วน้ำรีฟิล Wonder Cup ผลิตจากส่วนผสมของเปลือกข้าว พร้อมสายคล้องรีไซเคิลจากริสแบนด์เข้างานวันเดอร์ฟรุ๊ตที่สามารถพกพาเติมเครื่องดื่มที่ Nespresso Coffee Bar ระหว่างวันและยังสามารถนำกลับบ้านไม่ก่อให้เกิดขยะเพิ่มอีกด้วย ชุดปลูกผักออร์แกนิก Nespresso Grow Kit ทำจากกากกาแฟเนสเพรสโซที่ใช้แล้ว และปากกา Caran d'Ache รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น จากแคปซูลอะลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิลแล้ว ตอกย้ำจุดยืน การมอบชีวิตใหม่ให้ “อะลูมิเนียม” และ “กากกาแฟ”
เพื่อยกระดับให้เห็นถึงความสำคัญของกาแฟเนสเพรสโซที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของความใส่ใจ ก่อนที่จะเข้าสู่กิจกรรมต่างๆ งานนี้ เหล่าสื่อมวลชนและเซเลบริตี้ ได้พบกับ คุณบอย-สาธิต กลิ่นสาโรจน์ เนสเพรสโซ คอฟฟี่ แอมบาสเดอร์ คนแรกของประเทศไทย ที่ได้มาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องชงกาแฟ กาแฟ พร้อมครีเอทเมนูซิกเนเจอร์จากเนสเพรสโซที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากลูกค้าเป็น Refreshment menu อย่าง Yuzu Iced Coffee โดยตลอดทั้งงาน สื่อมวลชนและเหล่าเซเลบริตี้ยังสามารถสัมผัสความอร่อยของเมนูกาแฟสุดคลาสสิกทั้งร้อนและเย็น อาทิ อเมริกาโน่ ลาเต้ คาปูชิโน่ ที่รังสรรค์ความอร่อยได้ง่ายๆ ที่บ้านโดยเครื่องชงกาแฟเนสเพรสโซขายดีถึง 3 รุ่น อย่าง Lattissima One, Atelier และ Essenza mini นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบ Coffee bar ยังประดับด้วยแคปซูลอะลูมิเนียม เพื่อเน้นย้ำให้เหล่าคอกาแฟเก็บแคปซูลใช้แล้วนำกลับมารีไซเคิลเพื่อมอบชีวิตใหม่และสร้างประโยชน์ต่อไปได้อย่างไม่รู้จบ
หลังจากดื่มด่ำรสชาติกาแฟอย่างเต็มอิ่มแล้ว ผู้ร่วมงานยังได้สัมผัสกับประสบการณ์ความอร่อยต่อเนื่องกับมื้อกลางวันสุดพิเศษ ณ Theatre of Feasts ฮอลล์กลางแจ้งโครงสร้างไม้ไผ่ดีไซน์เท่ รังสรรค์เมนูอาหารโดย เชฟหนุ่ม - วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ จากร้าน ซาหมวย แอนด์ ซันส์ อุดรธานี เชฟผู้หลงใหลในการเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติจากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์มานำเสนอประสบการณ์ความประทับใจไปกับอาหาร 5 คอร์ส เริ่มต้นอาหารเรียกน้ำย่อยด้วย “เมี่ยงตะไคร้กุ้งลายเสือย่าง” ตามด้วย “เมนูไก่ปิ้งกับตำหน่อไม้ฝรั่ง” ถัดมาเชฟเสิร์ฟเป็น “ห่อหมกปลาอินทรีย์กับแกงเทโพ” และจานหลักอย่าง “เนื้อสกลวากิวหมักเครื่องเทศกาแฟ และขอนแก่นหมูย่างกับแจ่วกาแฟ” พร้อมปิดท้ายด้วยของหวานอย่างวุ้นกาแฟกับกะทิรวมมิตร โดยเชฟหนุ่มได้ใช้กาแฟเนสเพรสโซ 3 รสชาติในกลุ่ม Professional รังสรรค์เมนูอาหารให้แขกในงานได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารอีสานโมเดิร์นที่ดึงความขมจากกาแฟ มาเพิ่มรสกลมกล่อม และกลิ่นหอมกาแฟในอาหารมื้อพิเศษนี้ พร้อมใช้ผักออร์แกนิกจากฟาร์มวันเดอร์ฟรุ๊ตที่ปลูกจากกากกาแฟเนสเพรสโซทุกจานเสิร์ฟพร้อมกับภาชนะที่ทำจากไม้ไผ่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยเชฟหนุ่มเล่าว่าเขาให้ความสำคัญกับวัตถุดิบธรรมชาติ และต้องแน่ใจว่าผลิตผลจากต้นกำเนิดต้องมีความปลอดภัยให้ประโยชน์ต่อสุขภาพต่อคนรับประทานและต้องไม่ทำลายธรรมชาติ อย่างพืชสวนครัวจากฟาร์มวันเดอร์ฟรุ๊ตที่นำมาใช้ทำอาหารวันนี้ ได้ปลูกขึ้นด้วยวิธีออร์แกนิกโดยใช้ปุ๋ยจากเศษอาหารที่เหลือ และกากกาแฟเนสเพรสโซ จึงได้ผลผลิตที่มีคุณภาพไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
เมื่อเติมพลังไปกับอาหารมื้อพิเศษเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาของการโอบกอดธรรมชาติ เดินสายทำกิจกรรมตามวิถี Eco โดยคณะสื่อมวลชนและเซเลบริตี้ได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับความสวยงามของธรรมชาติในพื้นที่ 10 ไร่ของฟาร์มผักออร์แกนิก ซึ่งพืชผักและดอกไม้ทั้งหมดในฟาร์มยังปลูกจากกากกาแฟ 100% โดยสถานีแรก สื่อมวลชนและเหล่าเซเลบริตี้จะได้พบกับโรงปุ๋ยหมัก ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของการทำเกษตร โดยทางฟาร์มวันเดอร์ฟรุ๊ตได้ใช้กากกาแฟของเนสเพรสโซมาทำเป็นปุ๋ยเพื่อช่วยบำรุงดิน และเป็นส่วนผสมของยาไล่แมลงสูตรธรรมชาติ ในสถานีถัดมาจะเป็นโรงเพาะเห็ด ซึ่งในปัจจุบัน ทางฟาร์มได้ใช้กากกาแฟที่มีความชื้นมาผสมรวมกับก้อนเห็ดเพื่อทดลองว่ากากกาแฟจะสามารถช่วยกระตุ้นอัตราการเจริญเติบโตของเห็ดได้หรือไม่
นอกจากนี้ เหล่าผู้ร่วมงานยังได้เดินชมโรงตากเมล็ด รวมถึงแปลงสมุนไพร แปลงปลูกผัก แปลงพืชไร่และพืชหมุนเวียน ที่ทางฟาร์มได้ปลูกข้าวโพดสลับกับปอเทืองเพื่อคลุมดิน ไปจนถึงแปลงดอกไม้กินได้ โดยพืชผักหลากหลายชนิดที่ปลูกจะเน้นไปที่พืชผักพื้นบ้านที่สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยตลอดการเยี่ยมชมฟาร์ม ผู้ร่วมงานยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับวงจรอาหารที่เริ่มจากการเพาะปลูกพืชผัก และเข้าใจในการจัดการเกี่ยวกับอาหารให้ยั่งยืน เช่น การทำปุ๋ยอินทรีย์จากกากกาแฟเนสเพรสโซที่ใช้แล้ว
ปิดท้ายด้วย 2 กิจกรรมเวิร์กช็อปรักษ์โลกให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีการนำกากกาแฟกลับมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ อย่างการนำกากกาแฟใช้แล้วเราสามารถมอบชีวิตใหม่ให้เป็นของขวัญคืนสู่ธรรมชาติด้วยการนำมาทำ Seed Bomb ด้วยการนำดินเหนียว มูลไส้เดือน และกากกาแฟเนสเพรสโซ นำมาปั้นเป็นก้อน เพื่อส่งเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการปลูกยิงเข้าไปในป่าที่เป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งนี้ กลิ่นอโรมาจากกากกาแฟ สามารถไล่แมลงได้ ทั้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชอีกด้วย ส่วนการใช้ดินเหนียวนั้น จะช่วยห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดพันธุ์ได้ดี โดยก้อนเมล็ดพืชที่นำมาใช้ในกิจกรรมเวิร์กช็อปดังกล่าวมีหลากหลายชนิดตั้งแต่ พยูงไทย กระพี้จั่น พญาเสือโคร่ง ไปจนถึง ประดู่ป่า
ต่อด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานอาร์ตด้วยการวาดรูปสีน้ำ สกัดจากพืช ดอกไม้จากธรรมชาติ และกากกาแฟ โดยผู้ร่วมงานจะได้เริ่มทำตั้งแต่ขั้นตอนสกัดสีจากธรรมชาติเอง ไม่ว่าจะเป็น สีน้ำตาลจากกาแฟ สีเหลืองจากขมิ้น สีม่วงจากอัญชัน และสีเขียวจากพาร์สลีย์ พร้อมนำสีดังกล่าวไปสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก ที่นอกจะเปิดจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ของผู้ร่วมงานอย่างเต็มที่แล้ว ยังได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากวัสดุที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อสะท้อนแนวคิดของเนสเพรสโซในการสร้างชีวิตใหม่ให้อะลูมิเนียมกาแฟและกากกาแฟได้อย่างไม่รู้จบ
เหล่าเซเลบริตี้ ที่มาร่วมงานยังเผยความรู้สึกที่มีต่อกิจกรรม “Nespresso x Wonderfruit presents Rice & Roast: Journey to Sustainable Farming” นี้ด้วย หญิง รฐา ได้ชี้ถึงแรงบันดาลใจในการดูแลสิ่งแวดล้อมหลังจากร่วมงานว่า “หลายคนอาจจะมองว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัว แต่จากผลกระทบทางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงก็เป็นสัญญาณเตือนทางธรรมชาติว่าสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวกว่าที่เราคิด และวิกฤติทางธรรมชาติที่เราเผชิญกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราทุกคนสามารถช่วยกันคนละไม้คนละมือได้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ โดยเริ่มจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ลดการซื้อของใหม่ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือสามารถนำไปย่อยสลายรีไซเคิลใหม่ได้เพื่อไม่เพิ่มขยะให้กับโลก และยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับชั้นบรรยากาศได้ด้วยอีกค่ะ”
ส่วน เจย์ สเปนเซอร์ อีกหนึ่งเซเลบริตี้ที่มีหัวใจนักอนุรักษ์ กล่าวว่า “การรักษาธรรมชาติไม่ใช่เทรนด์ แต่เป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคนในฐานะของการเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ หากมองย้อนกลับมาถึงกิจกรรมหลายอย่างที่เราทำในชีวิตประจำวัน เราจะเห็นว่ากิจกรรมหลายอย่างของพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตขยะมากแค่ไหน จึงอยากชวนให้ทุกคนมาเริ่มลดการสร้างขยะให้น้อยที่สุดจากทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละกิจกรรมที่เราพอทำได้ เพื่อเป้าหมายของการไม่สร้างขยะเลย”
ทางด้าน จอน ลอร์ ผู้บริหารบริษัท สแครทช์ เฟิร์สท์ จำกัด บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลวันเดอร์ฟรุ๊ต กล่าวว่า “หัวใจหลักของวันเดอร์ฟรุ๊ต คือเรามุ่งมั่นที่จะเดินตามเส้นทางแห่งความยั่งยืนตลอดทุกย่างก้าว โดยเราตั้งใจที่จะผสานกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เน้นให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ทั้งสนุก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กับเรา เช่นเดียวกัน การจับมือกับเนสเพรสโซในครั้งนี้ เราได้เริ่มต้นมาจากคอนเซปต์ของการมอบชีวิตใหม่ให้กากกาแฟ โดยในวันนี้ ทุกท่านจะได้เห็นผลผลิตที่มาจากความร่วมมือของเรา ที่เริ่มต้นจาก “กาแฟ” กลั่นออกมาเป็นความยั่งยืน ซึ่งเป็นของขวัญที่เราคืนสู่ธรรมชาติบนฟาร์มวันเดอร์ฟรุ๊ตแห่งนี้”
ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำจุดยืนด้านความยั่งยืน ปรีติ ฮาลัย ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจ เนสเพรสโซ ประเทศไทย ได้เผยถึงความร่วมมือในกิจกรรมครั้งนี้ว่า “เนสเพรสโซ มุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นตั้งแต่วิถีชีวิตของชาวไร่กาแฟ การเพาะปลูก ไปจนถึงห่วงโซ่สุดท้ายของกระบวนการบริโภค คือ การรีไซเคิลกากกาแฟและแคปซูลอะลูมิเนียม เพื่อสร้างสังคม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตที่ยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ เราร่วมมือกับวันเดอร์ฟรุ๊ตซึ่งเป็นผู้ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับเราในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่บนพื้นที่ของวันเดอร์ฟรุ๊ตฟาร์ม เราได้ส่งมอบกากกาแฟใช้แล้วหลังจากผ่านกระบวนการคัดแยกระหว่างกากกาแฟกับอะลูมิเนียมนำไปรีไซเคิลเป็นปุ๋ยชีวภาพที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชในวันเดอร์ฟรุ๊ตฟาร์ม ตอกย้ำให้เห็นว่าโครงการรีไซเคิลของเนสเพรสโซได้สร้างคุณค่าที่ไม่รู้จบได้จริง พร้อมช่วยกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงประโยชน์ของการรีไซเคิลที่อยากให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับเนสเพรสโซมากขึ้น โดยกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค มาสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้ของเราในการส่งมอบกากกาแฟที่เหลือจากกระบวนการผลิตให้กับวันเดอร์ฟรุ๊ตฟาร์มแห่งนี้ เพื่อเดินทางสู่การเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2022”
ทั้งนี้ ในปี 2022 นี้ เนสเพรสโซเดินหน้าต่อยอดความร่วมมือกับวันเดอร์ฟรุ๊ต ในแคมเปญส่งมอบกากกาแฟที่เหลือจากการกระบวนการผลิต ให้กับวันเดอร์ฟรุ๊ตฟาร์ม เพื่อนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยเพิ่มแร่ธาตุโพแทสเซียม ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชในฟาร์ม รวมถึงช่วยกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชต่อไป ตามความมุ่งหมายของเนสเพรสโซที่ต้องการนำกากกาแฟมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่เพิ่มขยะให้สิ่งแวดล้อม ตอกย้ำเจตนารมณ์แห่งความยั่งยืนอันเป็นพันธกิจสูงสุดของเนสเพรสโซ