ในปี 2567 ที่ผ่านมา Generative AI หรือ Gen AI ที่ภาษาไทยมักจะเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหา กลายเป็นกระแสหลักที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง

โดยเฉพาะการนำไปใช้ในกิจวัตรประจำวัน และธุรกิจ โดยช่วยสร้างเนื้อหา เช่น ข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และแม้แต่เขียนโค้ด

หลังจากได้รับการผลักดันและเผยแพร่จนเป็นที่รู้จักและนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือจากองค์กรวิจัย และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบสูง อาทิ OpenAI, กูเกิล, เมทา (Facebook), ไมโครซอฟต์ เป็นต้น

ในอนาคต Generative AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานและชีวิตประจำวัน ที่แทบจะแยกไม่ออกจากมนุษย์ แต่ยังมี AI สุดล้ำแห่งอนาคตที่ได้มีการพูดถึง และเร่งพัฒนาเพื่อการใช้งานในชีวิตจริงก็คือ Artificial General Intelligence (AGI) หรือปัญญาประดิษฐ์ทั่วไปที่สามารถทำงานได้เหมือนมนุษย์อย่างแท้จริง

การพัฒนา AGI และความแตกต่างจาก GenAI

AGI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้ ปรับตัว และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในลักษณะเดียวกับมนุษย์ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลเฉพาะล่วงหน้าเหมือน Gen AI

นักวิจัยหลายๆคนมองว่า AGI จะกลายเป็นจริงในอนาคตอันใกล้ โดยบางแหล่งคาดการณ์ว่าเราจะเห็นความก้าวหน้าสำคัญภายในปี 2568 นี้

แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ Open AI ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนจุดกระแสการใช้ Gen AI กล่าวว่า AGI จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในทุกอุตสาหกรรม และช่วยสร้างโอกาสใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยจินตนาการมาก่อน

เขาได้เน้นว่าแนวคิดของ AGI กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยสะท้อนจากความก้าวหน้าที่โมเดลปัจจุบันของบริษัทได้แสดงให้เห็น พนักงานบางคนของ Open AIยังระบุว่าโมเดลล่าสุดอย่าง o1 อาจถือได้ว่าเป็นการบรรลุ AGIแล้ว

...

โมเดล AGI ใหม่นี้ออกแบบให้วิเคราะห์ปัญหาเชิงขั้นตอน โดยใช้แนวคิดการสร้างลำดับความคิด (chain-of-thought) ที่เลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์ เพื่อให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำและสอดคล้องกับบริบทมากยิ่งขึ้น

อีกทั้ง OpenAI ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าผ่านโมเดล o3 ซึ่งทำคะแนนสูงในเกณฑ์ ARC-AGI และสะท้อนศักยภาพในการสร้างโซลูชันใหม่ๆ ที่ไม่จำกัดแค่การทำตามรูปแบบเดิม ได้แสดงถึงศักยภาพในการสร้างโซลูชันใหม่ๆ

ขณะเดียวกัน ห้องปฏิบัติการ AI อื่นๆ และบริษัทเทคโนโลยีก็เพิ่มการลงทุนทั้งในด้านทรัพยากรและบุคลากร เพื่อขยายขีดจำกัดของสิ่งที่ AI สามารถทำได้

AGI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกแห่งอนาคต

AGI อาจกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของมนุษยชาติ ด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและคิดวิเคราะห์ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวอย่างสำหรับทางด้านการแพทย์ จะเป็นผู้ช่วยทางการแพทย์อัจฉริยะ (Advanced Medical Assistant) จะเปลี่ยนโฉมหน้าการแพทย์ด้วยบทบาทใหม่

อาทิ การวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อน จะวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย ประวัติสุขภาพ และงานวิจัยล่าสุด เพื่อเสนอวิธีการรักษาที่เหมาะสม การผ่าตัดอัตโนมัติ ด้วยการควบคุมหุ่นยนต์ผ่าตัดที่สามารถตัดสินใจได้เองในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด การดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลด้วยการออกแบบแผนโภชนาการและการป้องกันโรคเฉพาะบุคคล เป็นต้น การวางแผนควบคุมการแพร่ระบาดและจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์อย่างทั่วถึง

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์กับความสามารถค้นพบยาใหม่ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลชีวโมเลกุลอย่างละเอียดเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคที่ยังไม่มีวิธีการรักษา แก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ จำลองสถานการณ์สิ่งแวดล้อมเพื่อหาแนวทางลดภาวะโลกร้อน สร้างนวัตกรรมใหม่ ออกแบบวัสดุและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน

AGI อาจช่วยจัดการระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อนไปจนถึงขั้นการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ด้วยการคาดการณ์และป้องกันปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเงินเฟ้อหรือฟองสบู่ กำหนดนโยบายเพื่อใช้ทรัพยากรและงบประมาณได้อย่างเหมาะสม การออกแบบโครงการช่วยเหลือในพื้นที่ที่ขาดแคลนเพื่อลดปัญหาความยากจน

ความสามารถปรับปรุงระบบการศึกษาให้ตอบโจทย์ผู้เรียนทุกคน ปรับแผนการสอนตามความต้องการและจุดอ่อนของผู้เรียน การเรียนรู้เสมือนจริงด้วยการจำลองสถานการณ์ในโลกจริง เช่น การฝึกผ่าตัดหรือการบิน แนะนำแนวอาชีพ ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มตลาดแรงงานเพื่อเสนออาชีพที่เหมาะสม

ระบบจัดการภัยพิบัติจะเป็นผู้ช่วยสำคัญในการรับมือกับภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวหรือพายุไซโคลน พร้อมวางแผนลดความเสียหาย การใช้โดรนและหุ่นยนต์ช่วยค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ :วางแผนสร้างชุมชนที่ปลอดภัยและยั่งยืน

...

นานาประเทศมุ่งสู่ผู้นำเทคโนโลยี

นอกจากนี้ หลายประเทศทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนา AGI เพื่อให้ครองตำแหน่งผู้นำในยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกด้วยกลยุทธ์ที่เข้มข้นและหลากหลาย โดยเฉพาะจีนที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลกภายในปี 2030 ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากทั้งภาครัฐและเอกชน

จีนมีผลงานวิจัยด้าน AI มากที่สุดในโลก พร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบจดจำใบหน้าและ AI สำหรับสร้างเนื้อหาข่าว นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอาลีบาบายังขยายขอบเขตการวิจัย AI โดยตั้งศูนย์วิจัยในสิงคโปร์

ทางฝั่งสหรัฐฯ ยังคงครองตำแหน่งศูนย์กลางสำคัญของการพัฒนา AI ด้วยการนำของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Open AI, กูเกิล, ไมโครซอฟท์, เอ็นวิเดีย และไอบีเอ็ม ซึ่งขับเคลื่อนการวิจัยAGI และประยุกต์ AI ในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างแพร่หลาย

ประเทศอังกฤษมีความโดดเด่นในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ โดยนำ AI มาช่วยวินิจฉัยโรคและทำให้บริการทางการแพทย์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น การมีบทบาทสำคัญในการวิจัย Deep Learning และการจดสิทธิบัตร AI

...

ประเทศรัสเซียให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI เพื่อสนับสนุนภาคการทหาร โดยมีแผนพัฒนาเทคโนโลยี AI สำหรับกองทัพให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2025

ในขณะเดียวกัน ทางสิงคโปร์ก็แสดงบทบาทสำคัญในวงการ AI ด้วยการเป็นศูนย์กลางสำหรับการวิจัยเชิงลึก และเป็นฐานของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เข้ามาร่วมพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ในหลากหลายมิติ

ความกังวลทำงานแทนมนุษย์

ความก้าวหน้าของ Gen AI และ AGI กำลังนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ๆที่ต้องการการจัดการอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการสร้างเนื้อหาที่สมจริง ซึ่งอาจนำไปสู่การบิดเบือนข้อมูล ทำให้ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและตรวจจับเนื้อหาปลอม

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแทนที่งานมนุษย์ และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากการใช้งานที่ไม่มีการควบคุม หลายฝ่ายเห็นว่ามีความจำเป็นต้องกำหนดกรอบการควบคุมด้านจริยธรรม พร้อมมาตรการป้องกันการใช้งานที่ผิดจรรยาบรรณ โดยองค์กรและรัฐบาลต้องร่วมมือกันในการสร้างนโยบายที่เหมาะสม เพื่อให้เทคโนโลยีเติบโตอย่างยั่งยืนและปลอดภัย

ในปี 2568 เทคโนโลยี AGI ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป แต่มันกำลังจะกลายเป็นพลังเปลี่ยนเกมแห่งยุค ด้วยความสามารถในการคิดวิเคราะห์เหมือนมนุษย์ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เหนือจินตนาการ และสร้างนวัตกรรมใหม่แบบไร้ขีดจำกัด AGI อาจเป็นกุญแจไขประตูสู่อนาคตที่เราฝันถึง

...

หากปี 2567 เป็นยุคทองของ Gen AI ปี 2568 กำลังจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ การปฏิวัติโลกด้วย AGI เราอาจได้เห็นยุคใหม่ที่การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่คือชีวิตจริงที่เหนือกว่าที่เคยจินตนาการไว้

โลกกำลังเปลี่ยนไป ซึ่งมันอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม