ไมโครซอฟท์ เปิดเผยผ่านเว็บบล็อกอย่างเป็นทางการ ระบุว่า มีอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ได้รับผลกระทบจากการหยุดทำงานจากการอัปเดตแพตช์ของ CrowdStrike เป็นจำนวนประมาณ 8.5 ล้านเครื่อง

เดวิด วัตสัน รองประธานฝ่ายความปลอดภัยขององค์กร และระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ เปิดเผยผ่านเว็บบล็อกว่า อุปกรณ์จำนวนประมาณ 8.5 ล้านเครื่อง ได้รับผลกระทบจากการอัปเดตแพตช์ของ CrowdStrike คิดเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows ทั้งหมด 

อ่านเพิ่มเติม:

การเปิดเผยในครั้งนี้ของไมโครซอฟท์ ถือเป็นการรายงานจำนวนตัวเลขที่ไม่สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากระบบหยุดการทำงานในช่วงเที่ยงของเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2024

แม้ว่าตัวเลข 8.5 ล้านเครื่องเป็นจำนวนที่ไม่สูงมาก แต่กลับสร้างความเสียหายไปยังทั่วทุกมุมโลก โดยส่งผลต่อทั้งระบบสายการบิน ธนาคาร ร้านค้าปลีก การขนส่งระบบราง เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เดวิด วัตสัน เขียนเอาไว้ในบล็อกว่า มีการใช้ CrowdStrike ในระดับองค์กรอย่างมากมาย

ทั้งนี้ เดวิด วัตสัน ไม่ได้ระบุเอาไว้อย่างแน่ชัดว่า อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งติดตั้ง CrowdStrike ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ส่งผลต่อเครือข่ายเน็ตเวิร์ก หรือศูนย์ข้อมูล (Data Center) ไม่น้อย

ในเว็บบล็อกระบุอีกด้วยว่า ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับ CrowdStrike เพื่อแก้ไขปัญหา BSOD หรือ Blue Screen of Death ของทุกอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ที่เป็นคู่แข่งอย่าง Amazon Web Services และ Google Cloud Platform เพื่อการหาโซลูชันที่จะช่วยเร่งแก้ไขปัญหานี้

...

ที่มา: Microsoft Blog