ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และ ลิงค์อิน (LinkedIn) เปิดผลวิจัย Work Trend Index 2024 ชี้ให้เห็นว่า พนักงานมืออาชีพเริ่มนำเอไอเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำงาน และใส่ประสบการณ์ด้านเอไอในโปรไฟล์ลิงค์อิน ขณะเดียวกัน ทักษะด้านเอไอได้กลายเป็นตัวเลือกรับคนเข้ามาทำงาน โดยผู้บริหารในไทยมีแนวโน้มเลือกคนที่มีประสบการณ์น้อย แต่มีทักษะด้านเอไอเข้าทำงานมากกว่า 

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์ และลิงค์อิน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของไมโครซอฟท์ ได้จัดทำ Work Trend Index 2024 รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการนำเอไอเข้ามาใช้ในหมู่คนทำงานมืออาชีพ รวมถึงเทรนด์การจ้างงาน

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์

ทั้งนี้ Work Trend Index 2024 เป็นการรวบรวมข้อมูลจากการสำรวจพนักงาน และผู้บริหารทั่วโลกใน 31 ประเทศ รวมกันกว่า 31,000 คน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย หลังจากที่เอไอเริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงาน การบริหาร หรือแม้แต่การจ้างงานมากขึ้น

...

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา พนักงานในองค์กรต่างๆ ได้นำเอไอมาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน เพื่อลดภาระการทำงานของตัวเองลง เป็นการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน โดยข้อมูลจากการสำรวจของ Work Trend Index 2024 ชี้ว่า พนักงานคนไทยกว่า 92 เปอร์เซ็นต์ ได้นำเอไอใช้ในการทำงานแล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่มีการใช้งานเพียง 75 เปอร์เซ็นต์ 

Bring your own AI กระแสการนำเอไอมาใช้ในการทำงาน
Bring your own AI กระแสการนำเอไอมาใช้ในการทำงาน

ธนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ในเวลานี้ได้เกิดกระแสที่เรียกว่า Bring your own AI (BYOAI) กล่าวคือ เป็นการนำเครื่องมือเอไอของตัวเองเข้ามาช่วยเหลือการทำงาน ซึ่งคล้ายกับการนำอุปกรณ์ของตัวเองมาใช้ หรือ Bring your own Device (BYOD) แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องของการรั่วไหลของข้อมูล

จากผลสำรวจพนักงานที่นำเอไอมาใช้ยังคงเป็นกลุ่มคน Gen Z ที่มีอายุตั้งแต่ 18-28 ปี ที่ตัวเลข 85 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดี ในกลุ่ม Baby Boomers ที่มีอายุ 58 ปีขึ้นไป ก็เป็นกลุ่มคนที่พร้อมเปิดรับการทำงานด้วยเอไอเช่นกัน ด้วยสัดส่วนตัวเลข 73 เปอร์เซ็นต์

เอไอช่วยเบรกเพดานการทำงาน
เอไอช่วยเบรกเพดานการทำงาน

ในเวลาเดียวกัน เมื่อเกิดการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานเอไอเดิม ได้ยกระดับความสามารถไปเป็นผู้ใช้งานเอไอในระดับสูง หรือ AI Power Users เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ใช้งานกลุ่มนี้ จะมีทักษะในการนำบริการต่างๆ ของเอไอมาปรับให้เหมาะสมกับแนวทางการทำงาน

ประเด็นต่อมานับเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเอไอได้กลายเป็นทักษะใหม่ที่ช่วยทลายข้อจำกัดในแต่ละสายงาน สายอาชีพ โดยข้อมูลจาก Work Trend Index 2024 ระบุว่า ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ผู้บริหารในไทยกว่า 74 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องการจ้างพนักงานที่ไม่มีทักษะเอไอ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 66 เปอร์เซ็นต์

ทักษะด้านเอไอกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการทำงานแล้ว
ทักษะด้านเอไอกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการทำงานแล้ว

...

ในทางกลับกัน ถ้าต้องเลือกระหว่างทักษะเอไอ และประสบการณ์ทำงาน ผู้บริหารไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เลือกที่จะจ้างพนักงานที่มีประสบการณ์น้อย แต่ทดแทนด้วยทักษะด้านเอไอ แทนที่จะเลือกพนักงานที่มีประสบการณ์สูงกว่า แต่ขาดทักษะในด้านนี้ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 71 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้แล้ว ผู้ใช้งานลิงค์อินได้ใส่ทักษะด้านเอไอ ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT หรือ Copilot บนโปรไฟล์ของตัวเอง คิดเป็นตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 142 เท่า อีกทั้งการใส่ทักษะเอไอบนโปรไฟล์ยังมีผลต่อการได้งานบนลิงค์อินอีกด้วย 

ธนวัฒน์ เล่าให้ฟังว่า ตำแหน่งงานที่เพิ่มข้อมูลทักษะด้านเอไอมากที่สุด เป็นตำแหน่งงาน Content Writer, Grapghic Designer, Marketing Manager, Front-end Developer และ Entrepreneur ซึ่งจากชาร์ตนี้ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมีเพียงแค่ Front-end Developer และ Web Developer เท่านั้น ที่เพิ่มทักษะด้านเอไอ

การเพิ่มสกิลเอไอในโปรไฟล์เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
การเพิ่มสกิลเอไอในโปรไฟล์เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

...

สุดท้ายแล้ว การมาของเอไอ ได้เป็นการเน้นย้ำการเปลี่ยนไปของทักษะที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงาน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในปี 2030 โดย 5 ทักษะที่น่าจะมีการเติบโตเร็วที่สุดในหมู่คนทำงานมืออาชีพในไทยบนแพลตฟอร์มลิงค์อิน ได้แก่ 

  • Strategic Thinking (การคิดเชิงกลยุทธ์)
  • Stakeholder Management (การจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย)
  • Critical Thinking (ทักษะการคิดแบบวิพากษ์)
  • Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)
  • Business Analysis (การวิเคราะห์เชิงธุรกิจ)
ทักษะที่มีความจำเป็นและน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในปี 2030
ทักษะที่มีความจำเป็นและน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในปี 2030