แซม อัลต์แมน และเจสัน วอน สองผู้บริหารโอเพนเอไอ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของอีลอน มัสก์ ยืนกรานว่า โอเพนเอไอยังคงเดินตามพันธกิจเดิมที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์แก่มนุษยชาติ

แซม อัลต์แมน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารโอเพนเอไอ ปฏิเสธข้อหาที่ถูกอีลอน มัสก์ยื่นฟ้อง เนื่องจากโอเพนเอไอได้มีส่วนในการทำลายพันธกิจที่ก่อตั้งบริษัทในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และการทำให้เอไอเป็นส่วนสำคัญที่อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อมนุษย์ 

รายงานของ Axios โดยอ้างถึงบันทึกที่ เจสัน วอน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ ได้แจ้งต่อพนักงานผ่านบันทึกภายในบริษัท ระบุว่า โอเพนเอไอไม่ได้เป็นบริษัทในเครือของไมโครซอฟท์ และคำกล่าวอ้างของอีลอน มัสก์ ไม่ได้สะท้อนต่อข้อเท็จจริง

เจสัน วอน อ้างว่า โอเพนเอไอยังคงแข่งขันกับไมโครซอฟท์ เพื่อส่งมอบคุณค่า ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อองค์กร นักพัฒนา และทุกๆ คน โดยโอเพนเอไอมีผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง ChatGPT และ ChatGPT for Enterprise ขณะที่ ไมโครซอฟท์มี Copilot และ Copilot for Microsoft 365 อีกทั้งบริษัทยังมีอิสระต่อการวิจัย การสร้าง หรือการบริหารองค์กร เช่นเดียวกับการให้บริการผลิตภัณฑ์ และการดำเนินการตามพันธกิจ

ในประเด็นของ GPT-4 ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ ชี้แจงว่า GPT-4 สามารถแก้ไขงานเล็กๆ น้อยๆ จำนวนมากได้ เพียงแต่อัตราของงานที่มนุษย์ทำ เมื่อเทียบกับ GPT-4 ยังคงห่างไกลและไม่ได้กระทบต่อมนุษย์

นอกจากนี้ ในเรื่องของการละทิ้งความเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติ ก็เป็นสิ่งที่เจสัน วอน ปฏิเสธ พร้อมกับยืนยันว่า ความท้าทายของโอเพนเอไอ คือ การสร้าง AI ที่ทุกคนใช้งานได้ และเกิดผลกระทบในเชิงบวกสูงสุด อีกทั้งยังกล่าวด้วยว่า กลยุทธ์ที่โอเพนเอไอค้นพบคือการสร้างเทคโนโลยีระดับแนวหน้า พร้อมทั้งเกิดการใช้งานในวงกว้าง เพียงแต่เทคโนโลยีนี้สามารถดึงดูดเงินทุนได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีเงินทุนเพื่อให้เทคโนโลยีเหล่านี้ยังคงใช้งานในวงกว้างได้ต่อไป 

...

ทางด้าน แซม อัลต์แมน ได้กล่าวไปในลักษณะเดียวกับเจสัน วอน โดยชี้ว่า งานของโอเพนเอไอไม่สามารถบรรลุหรือสำเร็จได้ง่ายอยู่แล้ว พร้อมกับย้ำในบันทึกภายในของบริษัทว่า การโจมตีโอเพนเอไอย่อมเกิดขึ้น และจะมีมาอีกเรื่อยๆ 

ที่มา: Axios

ภาพ: Reuters