ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองทางบกจากผู้อพยพพรมแดนประเทศเม็กซิโกติดกับสหรัฐฯ นับเป็นปัญหาโลกแตกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปวดเศียรเวียนเกล้ามาอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกๆปี แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะพยายามเข้มข้นในการสกัดกั้นก็ตาม

ในอดีตที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ชาวเม็กซิกันเท่านั้นที่พยายามลักลอบเข้าเมือง โดยเฉพาะชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ แต่ยังเป็นพลเมืองจากหลายๆประเทศในแถบละตินอเมริกาอาทิ เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา และฮอนดูรัส

แต่ล่าสุดปัญหาผู้อพยพในพรมแดนดังกล่าวกลับกลายเป็นผู้อพยพชาวจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางสำนักงานศุลกากรและการป้องกันพรมแดนของสหรัฐอเมริกา (CBP) ระบุว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมามีการจับกุมชาวจีนที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกสูงถึงกว่า 6,500 ครั้ง เพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานพบว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เห็นผู้อพยพชาวจีนจำนวนหลายร้อยคนข้ามเข้ามาในสหรัฐฯ และจากสัมภาษณ์มากกว่า 24 คนพูดภาษาจีนกลาง ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลระบุว่าผู้อพยพชาวจีนพบเคล็ดลับการเดินทางไกลไปยังชายแดนสหรัฐฯ–เม็กซิโก ผ่านแพลตฟอร์ม Douyin ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันโพสต์วิดีโอสั้นยอดนิยมของชาวจีน เป็นแอป TiKtoK เวอร์ชันภาษาจีน ซึ่งมี ByteDance เป็นเจ้าของเดียวกัน

...

“ihua Wu” แม่เลี้ยงเดียวกับลูกสาววัย 5 ขวบ ถูกหน่วยตรวจชายแดนสหรัฐฯจับกุมบนถนนใกล้ชายแดนสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือน เม.ย. ได้ให้ข้อมูลว่า เธอเริ่มต้นหาข้อมูลจาก “The Route” เป็นหนึ่งในแฮชแท็ก ให้คำแนะนำแก่ผู้อพยพเกี่ยวกับการเดินทางทางบกที่ไม่ปกติทั่วละตินอเมริกาไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นที่รู้จักในออนไลน์ชื่อ “the Big Beautiful”

ซึ่งได้ให้คำแนะนำการเดินทางอย่างละเอียดไปจนถึงวิธีการค้นหาและจ่ายเงินให้ไกด์ท้องถิ่นที่เชื่อถือได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นฐาน ทนายความ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทั้งในปัจจุบันและอดีตของสหรัฐฯ

ผู้ให้สัมภาษณ์ประมาณครึ่งหนึ่งระบุว่าพวกเขาเคยเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในจีน โดยเปิดร้านค้าออนไลน์ ฟาร์มแกะ และบริษัทผลิตภาพยนตร์ บางคนสวมไม้กางเขนและถือคัมภีร์ไบเบิลภาษาจีน โดยกล่าวว่าพวกเขาเป็นคริสเตียนที่รู้สึกว่าไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างอิสระที่บ้าน แม้รัฐธรรมนูญของจีนรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนา แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิจารณ์รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า ปักกิ่งได้เข้มงวดกวดขันต่อศาสนา โดยมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์

ขณะที่ความยากลำบากในการขอวีซ่าสหรัฐฯ และผลพวงทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์จากวิกฤติโควิด-19 ของจีนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดการอพยพ ซึ่งชาวจีนกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางบกแบบไม่ปกติเป็นระยะทาง 3,700 กิโลเมตรไปยังชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกโดยทำการบินไปยังประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งชาวจีนสามารถเดินทางเข้าไปโดยไม่ต้องขอวีซ่า เริ่มต้นจากบินเข้าฮ่องกง จากนั้นบินไปยังเมืองอิสตันบูล ตุรกีและบินต่อไปยังเมืองกีโต เอกวาดอร์

ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อยเพราะสำหรับแอป Douyin ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนจีนเดินทางอพยพออกนอกประเทศเพราะรัฐบาลจีนมีอำนาจควบคุมคอนเทนต์ทางอินเตอร์เน็ต แต่สิ่งที่พบคือ แฮชแท็กเช่น “ท่องเที่ยวต่างประเทศ” หรือเช่น “เดินป่าผ่านป่าฝน” ไม่ใช่แฮชแท็กแบบว่า จะหนีไปอเมริกาได้อย่างไรหรือจะอพยพไปอเมริกาได้อย่างไร นั่นมันตรงเกินไป

จากนั้นก็ค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ซึ่ง อัลกอริทึมจะประมวลผลออกมาให้ได้รับวิดีโอที่มีคอนเทนต์คล้ายกันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่จีนไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้กำลังค้นหาอะไร และสิ่งที่ค้นหาคืออะไร

...

กรณีที่เกิดขึ้นนี้สร้างความเครียดให้กับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯมากขึ้น เนื่องจากความซับซ้อนของอุปสรรคด้านภาษาและหลายๆ ด้าน ซึ่งปัญหานี้ไม่ทราบว่าจะถูกแก้ไขลงเอยต่อไปอย่างไร.