ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองหรือสถานการณ์โลกในช่วงนี้มันไม่น่าอยู่เป็นพิเศษรึเปล่า บรรดาสื่อบันเทิงถึงได้แห่กันไปหากินกับความหลังในวัยเยาว์ (Nostalgia) ของผู้บริโภคกันซะเหลือเกิน ที่เห็นได้ชัดก็คือในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา วงการภาพยนตร์ขยันเอาหนังเก่ามาเล่าใหม่ในรูปแบบ รีเมก (Remake) หรือ รีบูต (Reboot) ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

นับตั้งแต่ต้นปี 2565 มาก็มีทั้งการคืนชีพหนังฆาตกรรมคลาสสิกอย่าง Scream หนังสยองขวัญรุ่นเก๋าอย่าง Texas Chainsaw Massacre และหนังฮีโร่อมตะอย่าง Batman เรียกได้ว่ารีเมกกันมาเกือบทุกแนว ในขณะที่วงการเพลงก็หันมาจับกระแสความหลังไม่ต่างกัน โดยเฉพาะกระแสดนตรีแนวดิสโก้หรือการเอาเพลงป๊อปคลาสสิกมาคัฟเวอร์ใหม่ที่ทยอยออกมาไม่หยุด ซึ่งล่าสุดก็ดูเหมือนว่าเทรนด์เรื่องนี้จะยังไม่จบในเวลาอันใกล้ เพราะสื่อ Pop Culture น้องใหม่อย่าง "วิดีโอเกม" ก็ไม่วายเอากับเค้าด้วย เห็นได้จากการแห่รีเมกเกมเก่าคลาสสิกออกมาจนแทบล้นตลาด ซึ่งในปี 2565 นี้ก็จะมีออกมาให้เล่นอีกเป็นขบวนเลยทีเดียว

พาเหรดเกมรีเมกรับปี 2565

ตั้งแต่เปิดปี 2565 เราก็ได้พบกับหนึ่งในเกมฟอร์มยักษ์ที่รีเมก รีมาสเตอร์ รีรีลีสมาแล้วไม่รู้กี่รอบ แต่ก็ยังมิวายออกเวอร์ชันใหม่มาขายอีกจนได้ นั่นก็คือเกม Grand Theft Auto V หรือ GTA 5 เวอร์ชันของเครื่อง PS5 และ Xbox Series S/X นั่นเอง โดยเกมเวอร์ชันใหม่นี้ก็ไม่ได้มีการปรับอะไรใหม่มากมาย แค่เพิ่มความละเอียดภาพให้เป็นระดับ 4K กับความสว่างภาพแบบ HDR เกมโหลดเร็วขึ้น และยังแจกแพ็กไอเทมพร้อมเงินก้อนโตในเกม สำหรับใช้เล่นกับเกมเมอร์คนอื่นในโหมดออนไลน์ ซึ่ง GTA 5 จะต่างจากเกมรีเมกเกมอื่นหน่อย ตรงที่มันไม่ได้กะมาขายความหลัง แต่ออกมาเพราะเกม GTA 5 ดันขายดีเกินไป ขายดีข้ามเครื่องเกมมาแล้ว 2 รุ่น จนทำยอดขายแตะหลัก 160 ล้านชุดในช่วงเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ทีมพัฒนาเลยต้องหาเรื่องเอาของเก่ามาขายใหม่ไปเรื่อยๆ เพราะยังไงก็ยังมีเกมเมอร์ที่คอยซื้อใหม่อีกรอบอยู่วันยังค่ำ

...

เกม GTA ภาพจาก PlayStation
เกม GTA ภาพจาก PlayStation

นอกจาก GTA 5 ในปีนี้ก็ยังมีข่าวเกี่ยวกับโปรเจกต์เกมรีเมกอื่นๆ อีกหลายเกมที่น่าจับตา เริ่มจากรีเมกของซีรีส์เกมแอ็กชันสุดคลาสสิกที่ทำให้ระบบ "สโลว์โมชัน" โด่งดังเป็นพลุแตกในวงการเกม นั่นก็คือเกม Max Payne และภาคต่อ Max Payne 2: The Fall of Max Payne ที่เพิ่งได้รับการประกาศไปสดๆ ร้อนๆ โดยเกมภาคแรกออกมาตั้งแต่ช่วงปี 2000 เคราะห์ดีที่ทีมพัฒนา Rockstar Games (คนทำ GTA 5 นั่นแหละ) ได้มอบหมายให้ทีมผู้ให้กำเนิดเกมซีรีส์นี้อย่าง Remedy กลับมาเป็นผู้รับหน้าการปรับโฉมเกมใหม่ให้ไฉไลและเข้ากับยุคสมัยกว่าเก่า แถม Rockstar Games ยังจัดงบให้โปรเจกต์นี้แบบไม่อั้นซะด้วย ทำให้แฟนๆ น่าจะโล่งใจกันได้ว่าเราคงได้เห็นเกมยิงแหลกสไตล์จอห์นวูกลับมากระโดดยิงอย่างมันระห่ำกันอีกรอบ แย่หน่อยที่เรายังไม่รู้เลยว่าเกมจะรีเมกเสร็จวันไหน รู้แค่ว่าเกมจะลงให้เราเล่นทั้งบนเครื่อง PC และเครื่องเกม PlayStation กับ Xbox รุ่นใหม่เมื่อมันเสร็จ

เกม Max Payne ภาพจาก Rockstar games
เกม Max Payne ภาพจาก Rockstar games

อีกหนึ่งเกมรีเมกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเกมจากภาพยนตร์ไซไฟคลาสสิก Star Wars ชื่อภาค Knight of the Old Republic ที่ออกมาวางตลาดในครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 และแฟนๆ ก็ได้ยกย่องให้มันเป็นหนึ่งในเกม Star Wars ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว โดยโปรเจกต์รีเมกครั้งนี้จะเป็นการทำเกมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่การเอาเกมเก่ามาทำให้ภาพคมชัดขึ้น แต่เกมจะยังคงเส้นเรื่องเดิม (ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องในเกมที่น่าจดจำที่สุดในหมู่เกมเมอร์ยุคปี 2000 แล้ว) และบรรยากาศแบบเดิมของจักรวาล Star Wars เมื่อ 4,000 ปีที่แล้วเอาไว้อย่างครบถ้วน และที่สำคัญคือจะลงให้เล่นบนเครื่อง PS5 ก่อนเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้ก็ยังมีเกมคลาสสิกแนวแอ็กชันผจญภัยกับไซไฟสยองขวัญที่กำลังได้รับการรีเมกอยู่อีก 2 เกม และน่าจะเสร็จออกมาให้เล่นกันได้ในปีนี้ ได้แก่ เกม Prince of Persia: The Sands of Time และ System Shock ทั้งนี้ เกมเจ้าชายอาหรับราตรีถือเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมผจญภัยที่คลาสสิกที่สุดบนวงการเกม PC อยู่แล้ว และภาคทรายแห่งกาลเวลาที่ออกมาตั้งแต่ปี 2003 ก็ได้รับการยกย่องจากเกมเมอร์ว่าเป็นเกมแอ็กชันผจญภัยระดับขึ้นหิ้ง จากระบบการเคลื่อนไหวสุดพลิ้วไหวของเจ้าชายและระบบการย้อนเวลาเมื่อเกมเมอร์ทำอะไรพลาดในเกม ซึ่งภาครีเมกสัญญาว่าจะปรับโฉมใหม่หมดทั้งด้านงานภาพ เสียง และระบบการควบคุมตัวละคร เสียอย่างเดียวคือจนถึงบัดนี้เราก็ไม่รู้ว่าเกมจะออกเมื่อไหร่

...

เกม System Shock  ภาพจาก Steam Powered
เกม System Shock ภาพจาก Steam Powered

ส่วน System Shock ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกมคลาสสิกบน PC ด้วยเช่นกัน เพียงแต่เป็นเกมแนว FPS สยองขวัญสั่นประสาทที่ผู้เล่นต้องเอาชีวิตรอดในยานอวกาศหลอน โดยถึงแม้ตัวเกมจะประสบปัญหาในการรีเมกจากโครงการระดมทุนคิกสตาร์ตเตอร์และเลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาหลายรอบ แต่ตอนนี้ตัวเกมเวอร์ชันรีเมกก็ใกล้เสร็จแล้วแถมยังดูดีทีเดียว ทั้งในด้านภาพกราฟิกและระบบยิงปืนที่เนี้ยบขึ้นจนแทบจะเทียบชั้นกับเกมแนวเดินยิงในยุคนี้ได้เลย ซึ่งตัวเกมยังน่าจะออกมาให้เราสยองกันใหม่ได้ทันภายในปี 2022 นี้

ทำเกมใหม่ยังไงให้ไฉไลกว่าเก่า

เกม Resident Evil ภาพจาก Steam powered
เกม Resident Evil ภาพจาก Steam powered

...

อันที่จริงบรรดาเกมเมอร์ได้พบกับขบวนพาเหรดเกมรีเมกมาสักพักใหญ่แล้ว ซึ่งในบรรดาเกมเทือกนี้ก็มีผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ทำออกมาได้ดีจนสนุกเทียบเท่าหรือถึงขั้นดีกว่าเกมเวอร์ชันที่ออกมาครั้งแรกอยู่เหมือนกัน ตัวอย่างเกมรีเมกงานดีเกมแรกก็คือ RE2 Remake ภาคต่อในซีรีส์เกม Resident Evil ซึ่งถือเป็นเกมสยองขวัญคลาสสิกที่ช่วยดันเกมแนว Survival Horror ให้เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาในวงการเกม โดยเฉพาะ RE 2 ที่นอกจากจะขยายฉากให้ใหญ่กว่าภาคแรกหลายเท่า มันยังเพิ่มศัตรูสยองหน้าใหม่เข้ามาให้สู้อีกเพียบ โดยเฉพาะบอส Mr. X ที่คอยเดินตามคนเล่นไม่หยุดหย่อนจนแทบจะหัวใจวายตาย นอกจาก RE2 Remake จะยังคงความสยองแบบคลาสสิกเอาไว้ได้ เกมยังปรับคุณภาพกราฟิกจนงามงดราวกับฉากในหนังคนแสดง โดยเฉพาะโรงพักเมือง Raccoon ที่ปรับโฉมใหม่ซะจนดูดีมีสกุล ที่สำคัญคือเกมยังใจป๋า เพิ่มฉากเหตุการณ์ที่ไม่มีในเวอร์ชันต้นตำรับที่ทำให้เนื้อเรื่องของคู่พระคู่นางอย่าง Leon และ Claire สมบูรณ์ขึ้น เรียกว่าเป็นการคืนฟอร์มให้แก่ภาคต่อของเกมสยองขวัญคลาสสิกแบบได้ใจแฟนไปเต็มๆ

เกม Final Fantasy ภาพจาก PlayStation
เกม Final Fantasy ภาพจาก PlayStation

...

อีกหนึ่งเกมรีเมกที่ดังเป็นพลุแตกและกำหนดมาตรฐานใหม่ให้แก่การเอาเกมเก่ามาเล่าใหม่ก็คือเกม Final Fantasy 7 Remake โดยไฟนอล 7 ภาคต้นตำรับคือเกมสวมบทบาทสไตล์ญี่ปุ่น (JRPG) คลาสสิก ที่อบอวลไปด้วยวันหวานอันหอมหวานของเกมเมอร์ยุค PlayStation รุ่นแรก การนำเกมนี้มารีเมกก็เหมือนกับการเล่นกับไฟดีๆ นี่เอง ซึ่งน่าเซอร์ไพรส์มากว่าเกม Final Fantasy VII ภาค Remake ยังสามารถเก็บรักษาประสบการณ์ดีๆ ของเกมเมอร์ในวัยเยาว์เอาไว้ได้อย่างไม่แปดเปื้อน โดยทีมพัฒนาได้ใช้เวลาถึง 5 ปีในการเพิ่มรายละเอียดในทุกองค์ประกอบเกม ทั้งฉากเมือง Midgar บทสนทนาใหม่ หรือแม้แต่ระบบการต่อสู้ที่เปลี่ยนจาก Turn-Based มาเป็นแอ็กชันที่รวดเร็ว แต่ยังแฝงองค์ประกอบด้านการวางกลยุทธ์แบบดั้งเดิมเอาไว้ แถมเนื้อเรื่องก็ยังเล่าใหม่ให้มีจุดต่างไปจากเดิม เพื่อให้แฟนเกมต๊กกะใจกันเล่นๆ ผลที่ได้คือ Final Fantasy VII Remake ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทีมพัฒนาที่ไม่ได้สักแต่จะอัปเกรดภาพและเสียงในเกมให้จบๆ ไป สิ่งละอันพันละน้อยที่ทีมเขาเติมแต่งเข้ามา บ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาต้องการปรับเปลี่ยนเกมคลาสสิกเกมนี้ให้ดีขึ้นกว่าเก่าจริงๆ

เกม Black Mesa ภาพจาก Crowbar Collective
เกม Black Mesa ภาพจาก Crowbar Collective

นอกจากโปรเจกต์การรีเมกของสตูดิโอเกมเบอร์ใหญ่ อีกหนึ่งเกมรีเมกที่น่าสนใจมากก็คือเกมที่ชื่อว่า Black Mesa ซึ่งเป็นเกมรีเมกจากเกม FPS ในตำนานนามว่า Half-Life เพียงแต่งานรีเมกครั้งนี้เป็นของทีมมือสมัครเล่นชื่อ Crowbar Collective ที่เกิดจากการรวมตัวของแฟนๆ และทำออกมาได้ทะลุความคาดหมายมาก Black Mesa คือโปรเจกต์แฟนทำเองที่ส่งมอบเกมเพลย์สุดคลาสสิกได้ดีกว่าเกมภาคต้นฉบับซะอีก โดยทีมพัฒนาใช้เวลาเป็น 10 ปีเพื่อปั้น Half-Life ภาคแรกขึ้นมาใหม่หมดจากกราฟิกเอนจินของภาค 2 พวกเขาไม่ได้แค่แปลงโฉมของเก่าอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มฉากใหม่เข้าไปให้เกมเล่นสนุกขึ้น ในขณะเดียวกันมันก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายจากเกมต้นตำรับ ให้อารมณ์แบบเก่าที่แฟนคุ้นเคยทั้งด้านภาพและเสียง ต่างกันตรงที่เกมเพลย์ทันสมัยขึ้น ภาพสวยน่ามองขึ้น และยิงกันมันกว่าเดิม ที่สำคัญตัวเกมยังได้รับการรับประกันมาตรฐานจากทีมพัฒนาดั้งเดิมอย่าง Valve และอนุญาตให้พวกเขานำโปรเจกต์แฟนเมดตัวนี้มาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ซะด้วยนะ

ทำไมเกมรีเมกถึงฮิต

คลื่นเกมรีเมกที่ถาโถมกันออกมา คงทำให้บางคนเริ่มสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมพัฒนาเกมชอบเอาเกมเก่ามารีเมกเสียเหลือเกิน ซึ่งคำตอบของเรื่องนี้แบบขวานผ่าซากก็คือ "เงิน" หรือ "ยอดขาย" แบบเซฟๆ นั่นแหละ เพราะเกมรีเมกมักจะมีฐานแฟนที่พร้อมจะซื้อเกมพวกนั้นมาเล่นใหม่อยู่แล้ว อีกอย่างกลุ่มเกมเมอร์ที่เคยเล่นเกมที่ว่าตอนเด็กๆ ตอนนี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อเป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นการรับประกันได้ว่ายังไงเกมก็มีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่พร้อมจะคอยสนับสนุนแบบไม่ต้องลุ้นเหมือนตอนทำเกมใหม่เอี่ยมอ่องออกมาวางตลาด

สาเหตุสำคัญอีกเรื่องก็คือการเอาเกมคลาสสิกมาทำใหม่นั้นไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับการสร้างเกมใหม่หมดจากศูนย์ ทีมพัฒนาไม่ต้องมานั่งคิดระบบเกมใหม่หมด แถมยังต้องทำให้ต่างจากเกมอื่นเป็นร้อยเป็นพัน ไม่ต้องเขียนเนื้อเรื่องใหม่ให้สนุกเข้ากับยุคสมัย และไม่ต้องสร้างตัวละครใหม่ให้เป็นที่น่าจดจำในหมู่เกมเมอร์ หลักๆ ที่พวกเขาต้องทำมีแค่การปรับภาพให้สวยขึ้น ปรับเสียงให้ดีขึ้น หรือบางทีก็ปรับวิธีการเล่นให้ทันสมัยขึ้นก็พอขายได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยลดต้นทุนและเวลาของการพัฒนาเกมลงไปได้เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เทรนด์การโหยหาความหลังอันหอมหวานในวัยเด็กก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกมรีเมกยังคงขายดิบขายดีอยู่จนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับหนังรีเมกทั้งหลายที่ทำออกมาดีมั่งห่วยมั่ง แต่ก็ยังมีคนแห่ไปดูอยู่ดี เพราะความหลังในวัยกระเตาะเป็นอะไรที่ทรงพลังมาก และการขายความหลังดีๆ ให้เกมเมอร์ได้มีโอกาสกลับไปสัมผัสอีกรอบ ก็เป็นอะไรที่เย้ายวนให้อยากควักเงินในกระเป๋าออกมาเสียเหลือเกิน อย่างไรก็ตาม การทำแต่เกมรีเมกออกมาขายบ่อยขึ้นก็มีผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยดีตามมาเช่นกัน ตรงที่มันไม่ช่วยให้อุตสาหกรรมเกมก้าวหน้าต่อไปสักเท่าไร เพราะเกมรีเมกไม่ได้เอื้อให้เกิดการพัฒนาเกมเพลย์รูปแบบใหม่ๆ สร้างแฟรนไชส์แปลกใหม่ที่น่าสนใจ หรือแม้แต่นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในการสร้างเกม พูดง่ายๆ ก็คือเทรนด์รีเมกทำให้ทีมพัฒนาเกม "เพลย์เซฟ" กันเกินไปนั่นเอง ถึงการอุดหนุนเกมรีเมกเพื่อเสพวันวานหวานๆ แก้อาการเบื่อโลกจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่เกมเมอร์ก็อย่าลืมกันนะว่าการได้เสพประสบการณ์การเล่นที่แปลกใหม่ แบบที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนมันก็ส่งมอบความฟินสุดๆ ให้เหมือนกัน เผลอๆ อาจจะฟินกว่าการรีรันความทรงจำเก่าๆ ด้วยนะ

ข้อมูลอ้างอิง: PC Gamer, The Gamer