แก๊งหลอกลวงสบช่องจังหวะเหมาะโควิดระบาด คนสั่งของอยู่บ้านต้องรับสายแปลกๆมากมาย หันใช้เทคโนโลยีเก่าทั้งโทร.เข้าหาและส่ง SMS หลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปทำธุรกรรม หลอกให้โอนเงิน ทำข้อมูลสายโทร.เข้าหลอกลวงในไทยทะลุ 1.8 ล้านสาย ในช่วงเดือน ม.ค.– ก.ค.2564 ที่ผ่านมา เตือนบริษัทหรือองค์กรไม่ใช้วิธีโทร.หาเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว
Whoscall แอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จักและป้องกันสแปม ระบุ เทรนด์การหลอกลวงผ่านการใช้โทรศัพท์มือถือถูกพบเห็นได้บ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะช่วงระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยทาง Whoscall ได้เก็บข้อมูลสายโทรศัพท์หลอกลวงได้มากกว่า 1.8 ล้านสายในประเทศไทยในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค.2564 ที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนอยู่บ้านมากขึ้นและอาจมีการสั่งของที่ต้องรับสายที่ไม่รู้จักมากมาย ทำให้แก๊งหลอกลวงสบช่องออกอาละวาด ใช้เบอร์โทร.เข้าหาเหยื่อ หลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไปทำธุรกรรม หลอกให้โอนเงิน โดยไม่สามารถระบุตัวตนของคนที่โทร.เข้ามาได้
เล่ห์เหลี่ยมกลโกงที่อาจเกิดขึ้น ประกอบด้วยการหลอกลวงทางโทรศัพท์ SMS อีเมลหลอกลวง (Phishing) และข้อความทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จะใช้วิธีโทรศัพท์เข้าเบอร์ของเหยื่อแล้วอ้างว่าโทร.มาจากหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัทโทรคมนาคม ธนาคาร สถาบันการเงิน บัตรเครดิต หรือจากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหลอกถามข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ บัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต และหมายเลข OTP เป็นต้น
Whoscall แจ้งว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้คือโทร.ไปหลอกลวงประชาชน โดยพูดล่อลวงว่าโทร.มาจากบริษัทขนส่งพัสดุชั้นนำแห่งหนึ่ง แจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมายถูกส่งมา แต่ถูกอายัดไว้ไม่สามารถนำพัสดุออกได้ และขอให้เหยื่อบอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อใช้ในการดำเนินการนำพัสดุออก หรือถ้าเหยื่อรู้ทันแจ้งว่าไม่ได้สั่งพัสดุ คนกลุ่มนี้ก็จะอ้างว่าทางบริษัท จะนำข้อมูลไปประสานแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจให้
...
ส่วนวิธีการป้องกันนั้น หากมีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทร.มา อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญเด็ดขาด แม้จะถูกปลายสายเร่งรัด เพราะในความเป็นจริงบริษัทหรือองค์กรต่างๆ ส่วนมากจะไม่ใช้วิธีการโทรเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้.