เกิดเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยักษ์ใหญ่แห่งเรดมอนด์ (Redmond) วอชิงตัน กำลังให้ความสนใจ Discord แอปพลิเคชันผู้ให้บริการแชต และช่องทางสื่อสารผ่านทางเสียงและวิดีโอยอดนิยมของเกมเมอร์
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ไมโครซอฟท์ เตรียมทุ่มเงินก้อนจำนวน 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้าซื้อกิจการ Discord Inc. โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของไมโครซอฟท์ หลังพลาดโอกาสเป็นเจ้าของ TikTok และ Pinterest
รู้จัก Discord
ก่อนอื่นคงต้องแนะนำแอปพลิเคชัน Discord สักนิดหนึ่งให้กับผู้อ่านที่ยังใคร่สงสัยว่าแอปพลิเคชันที่กำลังถูกพูดถึงนี้ เป็นแอปพลิเคชันอะไร เพราะในวงกว้างแล้ว Discord ยังมีคนรู้จักไม่มากนัก
Discord เป็นผลงานของบริษัท Discord Inc. ก่อตั้งโดยผู้ร่วมก่อตั้งสองคน ได้แก่ Jason Citron และ Stanislav Vishnevskiy เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2015 โดยเป็นแอปพลิเคชันที่รวมบริการหลากหลายอย่างเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวในแอปแห่งนี้ ทั้งความสามารถในการเป็นแอป VoIP เป็นแอปแชต ซึ่งรองรับในทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ iOS, Android, macOS, iPadOS, Windows เรื่อยไปจนถึง Linux
ปัจจุบัน Discord มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 140 ล้านคน โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นเกมเมอร์ ซึ่ง Discord จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการสนทนา คล้ายกับ Party Chat ระหว่างผู้เล่นเกมด้วยกัน เพื่อให้เกมที่กำลังเล่นอยู่นั้น เล่นได้อย่างราบรื่น เข้าใจ ชัดเจน
อย่างไรก็ดี ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มพ่นพิษใส่ประชากรโลกอย่างหนักหน่วงในเดือนมีนาคม 2020 ส่งผลให้ Discord กลายเป็นตัวเลือกของคนทำงาน เพื่อใช้สื่อสารภายในองค์กร สามารถแบ่งห้องย่อยออกมาอย่างอิสระ ตามความเหมาะสม เช่น แบ่งห้องแยกสำหรับแผนกการตลาด, แผนกโปรแกรมเมอร์ หรือห้องคุยเล่นเพื่อผ่อนคลายจากการทำงาน
...
ทั้งนี้ เป็นเพราะว่ารูปแบบของ Discord มีส่วนผสมที่คล้ายคลึงกับแอปพลิเคชัน Zoom และ Slack ดังนั้นแล้ว Discord จึงมีภาษีดีกว่า เพราะดาวน์โหลดแค่แอปเดียว แต่ได้ความสามารถที่ครอบคลุมถึง 2 แอป
ดังนั้น ถ้าหาก Discord มาอยู่ในมือของไมโครซอฟท์ แปลว่า ไมโครซอฟท์จะได้บริการที่มีผู้ใช้งาน 140 ล้านคนต่อเดือนทันที และกลายเป็นครั้งแรกของไมโครซอฟท์ที่จะมีแอปพลิเคชันเครือข่ายสังคมมาไว้ในมือ
ซื้อ Discord เพราะ Community
ที่น่าสนใจกว่านั้น เมื่อสังเกตดูการเข้าซื้อกิจการในระยะหลังของไมโครซอฟท์ ภายใต้การกุมบังเหียนของ สัตยา นาเดลลา จะพบว่า ธุรกิจที่ไมโครซอฟท์สนใจเป็นพิเศษ นั่นคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชุมชน หรือ Community
ลองย้อนกลับไปดูการซื้อกิจการก่อนหน้านี้ เริ่มตั้งแต่ Mojang บริษัทแม่ของเกม Minecraft, Github, LinkedIn รวมถึงกิจการที่ไมโครซอฟท์อยากได้ แต่พลาดเป้าอย่าง TikTok และ Pinterest ก็เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชุมชน และ Community ทั้งสิ้น
Minecraft เกี่ยวข้องกับชุมชนของคนเล่นเกม Github เป็นชุมชนของนักพัฒนา (Developer) LinkedIn คือชุมชนของคนหางาน ส่วน TikTok เป็นชุมชนสำหรับคนทำคลิปวิดีโอขนาดสั้น และ Pinterest ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของสายออกแบบ และคนที่ทำงานด้านแฟชั่น ยังไม่รวม Bethesda สตูดิโอผู้พัฒนาเกมชื่อดัง
นอกจากนี้ ยังต้องไม่ลืมด้วยว่า สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ มีความสัมพันธ์อันดีกับฟิล สเปนเซอร์ (Phil Spencer) หัวหน้าฝ่ายแบรนด์ Xbox ตั้งแต่ที่ฟิล สเปนเซอร์ ยังไม่ได้ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดในธุรกิจ Xbox ด้วยซ้ำ และจากกลยุทธ์การทำงานของไมโครซอฟท์ ที่มีสัตยา นาเดลลา เป็นหัวเรือใหญ่ เห็นได้ชัดว่าไมโครซอฟท์ ให้ความสำคัญในเรื่องของเกมเป็นพิเศษ
ซื้อเพื่อต่อยอดธุรกิจเกม
สำนักข่าวหลายแห่ง เช่น VentureBeat และ CNBC เชื่อว่า มูลค่าของ Discord ที่ไมโครซอฟท์ ประเมินน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่า โอกาสที่ไมโครซอฟท์จะคว้า Discord มาไว้ในมือมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะจำนวนเงินที่ยื่นข้อเสนอไปนั้น ถือว่าสูงทีเดียว
ท่าทีของไมโครซอฟท์เกี่ยวกับวงการเกมในระยะหลังจะเห็นได้ว่า พวกเขาให้ความสำคัญในธุรกิจเกมอย่างจริงจัง ทั้งการทุ่มสรรพกำลังเพื่อพัฒนา Xbox ให้เป็นคู่แข่งหมายเลขหนึ่งของ Sony PlayStation โดยเฉพาะการซื้อกิจการ Bethesda ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสตูดิโอชั้นนำของโลก ได้รับการยอมรับอย่างมากในวงกว้าง โดยมีผลงานเกมระดับมาสเตอร์พีซ ยกตัวอย่างเช่น The Elder Scrolls: Skyrim, ซีรีส์ Fallout, Doom, ซีรีส์ Wolfenstein รวมถึง The Evil Within ฯลฯ อีกด้วย
...
การเข้าซื้อ Bethesda เป็นการเสริมแกร่งให้กับ Xbox อย่างชัดเจนชนิดที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ เพราะขีดความสามารถในการพัฒนาเกมของ Bethesda อยู่ในระดับสูง อีกทั้งเป็นการตัดโอกาสในการที่จะปล่อยเกมระดับแม่เหล็กจากค่าย Bethesda ไปลงสู่แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง PlayStation อีกด้วย ในเครื่องหมายวงเล็บว่า ไมโครซอฟท์ อาจเลือกนำเกมของ Bethesda มาลงแบบ Time Exclusive บนแพลตฟอร์ม Xbox สักระยะหนึ่ง แล้วค่อยปล่อยไปลงใน PlayStation ในอีกหลายปีให้หลังก็ได้ หรือยาวๆ ไม่ปล่อยลง PlayStation ถ้าอยากเล่นต้องซื้อ Xbox เท่านั้น ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ก็เป็นไปได้
ถ้าหากไมโครซอฟท์ สามารถเข้าซื้อ Discord ได้สำเร็จ นั่นหมายความว่า Discord สามารถนำไปต่อยอดรวมกับบริการของ Xbox กลายเป็นช่องทางให้เกมเมอร์สามารถพูดคุยเรื่องเกมได้เลยบนแพลตฟอร์มแห่งนี้
นอกเหนือจากนั้น การที่ Discord ย้ายมาอยู่ภายใต้ร่มของไมโครซอฟท์ นั่นหมายความว่า คลาวด์เซิร์ฟเวอร์ของ Discord ก็จะถูกเคลื่อนย้ายมาใช้ Microsoft Azure คลาวด์ของไมโครซอฟท์ และเป็นการขยายฐานผู้ใช้งานของ Azure ไปในตัว
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างที่กล่าวมาทุกบรรทัดของบทความนี้ จะไม่เกิดขึ้น หาก Discord Inc. คิดคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้วว่า การขายกิจการตัวเองให้กับไมโครซอฟท์ ดูไม่สู้เป็นประโยชน์เทียบเท่ากับการเก็บธุรกิจเอาไว้ แล้วรอวันนำบริษัทเข้า IPO กลายเป็นบริษัทมหาชน
ผู้เขียน: Wiwat Rungsaensuksakul
กราฟิก: Sriwon Singha
ที่มา:
...