ประกันอุบัติเหตุ เป็นสิ่งสำคัญของทุกช่วงวัย โดยเฉพาะวัยผู้สูงอายุ ที่ร่างกายมีความเสื่อมถอยจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าช่วงวัยอื่นๆ อีกทั้งการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติยังทำได้ยาก บางรายอาจส่งผลกระทบร้ายแรงจนถึงขั้นนอนติดเตียงหรือเสียชีวิตได้ แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านก็ตาม

บุตรหลานที่ห่วงใยสุขภาพของผู้สูงอายุ กลัวการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ จึงพยายามลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ นอกจากนี้ หลายคนยังเลือกที่หาซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับผู้สูงอายุ เพื่อลดความเสี่ยงจากการต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลที่มีราคาสูงไว้ด้วย แต่ก่อนซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ เราคงต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ รวมถึงเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เพื่อให้ได้กรมธรรม์ที่ตรงกับความต้องการ และเมื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้จริง ตรงกับเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ที่ระบุไว้ตั้งแต่แรกด้วย

5 เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับผู้สูงอายุ มีเรื่องที่ต้องศึกษาอยู่หลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะ 5 เรื่องต้องรู้ ก่อนซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุนี้ เพื่อให้การซื้อประกันแล้วได้รับความคุ้มครองตรงกับความต้องการ ไม่เกิดปัญหาเคลมประกันไม่ได้ตามมาภายหลัง โดยมีเรื่องที่ต้องรู้ ดังนี้

1. ช่วงอายุผู้ทำประกัน

ก่อนซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ ต้องดูว่ากรมธรรม์นั้น กำหนดอายุผู้ทำประกันไว้เท่าไร เพราะแต่ละบริษัทที่ขายประกันอุบัติเหตุ จะมีช่วงอายุของผู้สูงอายุที่ทำประกันได้ แตกต่างกันออกไป บางบริษัทกำหนดเริ่มต้นอายุผู้สูงอายุไว้ที่อายุ 50 ปี บางบริษัทกำหนดอายุผู้สูงอายุไว้ที่ 60 ปี และบางบริษัทยังมีกรมธรรม์หลายประเภทให้เลือก ดังนั้น ก่อนซื้อประกันอุบัติเหตุจึงต้องเลือกประเภทของกรมธรรม์ที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการมากที่สุด

...

2. การตรวจสุขภาพและโรคประจำตัว

แม้ว่าประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ จะไม่ใช่การรับประกันสุขภาพ แต่หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า ก่อนการทำประกันอุบัติเหตุ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก่อนหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ แต่ต้องตอบคำถามหรือชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับสุขภาพ และโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ เนื่องจากหลายบริษัท มีข้อกำหนดเรื่องโรคประจำตัวของผู้ทำประกัน หากมีโรคบางชนิดก็ไม่สามารถรับทำประกันอุบัติเหตุได้ เพราะโรคบางโรคมีผลต่อสภาพร่างกาย ที่นำพาไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น โรคลมชัก โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น โดยโรคของผู้สูงอายุที่มักเป็นข้อห้ามในการทำประกันอุบัติเหตุในบางบริษัท อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน เป็นต้น


3. สิทธิ์รักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ

ก่อนการซื้อประกันอุบัติเหตุให้ผู้สูงอายุ ต้องรู้ว่า ผู้สูงอายุมีสิทธิ์การรักษาอะไรบ้าง เช่น ประกันสังคม บัตรทอง หรือมีกรมธรรม์อะไรบ้างที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ และสิทธิ์การรักษาดังกล่าวครอบคลุมการรักษาพยาบาลอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน ควรศึกษาให้ละเอียด หากมีสิทธิ์การรักษาในส่วนของอุบัติเหตุที่ยังไม่ครอบคลุม หรือได้รับสิทธิ์น้อยเกินไป จะมีการซื้อกรมธรรม์เพิ่มเติม ก็เลือกพิจารณาซื้อประกันอุบัติเหตุให้เหมาะสมต่อไป ลดปัญหาความซ้ำซ้อน และให้การซื้อประกันให้ครอบคลุมมากที่สุด

4. ไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ

ไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ เป็นอีกปัจจัยที่ควรต้องรู้ ก่อนซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ เพราะแม้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเป็นหลัก ไม่ได้ออกไปมีกิจกรรมหรือทำงานนอกบ้าน แต่ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ จากการใช้ชีวิตภายในบ้านได้เช่นกัน ยิ่งผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมทำอยู่ตลอดเวลา มีเสี่ยงอุบัติเหตุได้ไม่น้อย ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์หรือวิถีชีวิตของผู้สูงอายุ ว่าในแต่ละวันมีกิจกรรมอะไรทำบ้าง และกิจกรรมนั้นมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน

5. รายละเอียดกรมธรรม์ และเงื่อนไขเพิ่มเติม

นอกจากเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การศึกษารายละเอียดของประกันอุบัติเหตุแต่ละแบบ นับว่ามีความสำคัญที่ต้องใส่ใจและอ่านให้รอบคอบ เพราะมีผลต่อการรับทำประกันและความคุ้มครองภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต่างๆ ดังนี้

  • การจ่ายเงินและรับเงิน
  • ข้อกำหนดบางอาชีพทำประกันไม่ได้ เพราะบางอาชีพมีความเสี่ยงสูง
  • ระยะเวลาการคุ้มครอง บางกรณีทำประกันไม่ได้คุ้มครองทันที ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองหลังจากซื้อกรมธรรม์ไปแล้ว
  • ขอบเขตความคุ้มครอง บางกรมธรรม์ไม่ได้คุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุ แต่คุ้มครองถึงการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยในในบางโรคด้วย

ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ เพื่อคุ้มครองให้ผู้ใหญ่ที่เราเคารพรัก เพราะเมื่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด กรมธรรม์อุบัติเหตุเหล่านี้จะได้มาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และช่วยรักษาพยาบาลให้ผู้สูงอายุกลับมาเป็นปกติโดยเร็วด้วย