กลายเป็นข่าวใหญ่ทันทีที่ บริษัท "POLAR" แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ยกเลิกซื้อหุ้น a day!!

ภายหลัง วงศ์ทนงและลูกทีมเก่าในเครือบริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด ที่เขาก่อร่างสร้างมากับมือ ทยอยประกาศตัวลาออก คำถามใหญ่ที่หลายคนสงสัยก็คือหลังจากดีลนี้ล้มลง มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น วงศ์ทนงและลูกทีมจะกลับมาร่วมงานภายใต้สิ่งที่ก่อร่างสร้างมาอีกหรือไม่ ? 'โหน่ง' มีคำว่า อะเดย์ต่อท้ายอีกครั้ง แบบนั้นหรือ?

ถ้าใช่!! เรื่องที่ผ่านมาจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือเปล่า? แต่ถ้าออกอีกทางหลังจากขุนศึกประกาศลาออก จอมทัพก็ประกาศลาออกตามเป็นลูกระนาด เขากำลังคิดจะทำอะไร โมเดลที่เคยประกาศว่าจะนำผู้ร่วมลงขันไปสร้างสิ่งใหม่ด้วยอิสระ ยังคงยืนยันอยู่หรือไม่

ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ทุกเรื่องที่ทุกคนสงสัย คำตอบที่คล้ายภาพยนตร์ใหญ่เรื่องยาว และ 'ชื่อใหม่' แปลกหูที่เปิดเผยกับผมครั้งแรกว่า

"เดือนมิถุนาฯ เจอกับ The Standard ครับ"

...

Q : คุณรู้ข่าวโพลาริสล้มดีลเมื่อไหร่ ?

A : รู้เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มก็รู้สึกแปลกใจ ในใจคิดว่าดีลนี้น่าจะตลอดรอดฝั่ง แล้วก็พอมาทราบข่าวว่าดีลยุติ ก็ประหลาดใจเหมือนกัน แต่ที่สุดแล้วผมคิดว่าผมลาออกจากบริษัท เดย์ โพเอทส์ ตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์แล้วนะครับ เรื่องที่ดีลต่อหรือไม่ต่อเนี่ยไม่เกี่ยวกับผมแล้ว ผมก็คงไม่สามารถให้ความเห็นอะไรได้ คิดว่ามันเป็นครรลองของบริษัท แต่ถ้าเอาตรงๆ รู้สึกโล่งใจ การที่ดีลนี้ล้มก็เป็นการเคลียร์ตัวเองอย่างหมดจดว่าดีลนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยอย่างแท้จริง

Q : คนสงสัยเมื่อดีลนี้ล้มแบบที่คุณเคยพยายามทุกวิถีทางในการล้มมัน เมื่อมันเป็นไปตามต้องการคุณจะกลับไปยืนจุดเดิมไหม 

A : มันเลยจุดนั้นมาแล้วครับ เอาตั้งแต่วันที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ตัดสินใจทำดีลนี้เป็นตัวที่บอกแล้วว่าเราคงจะคิดไม่เหมือนกัน เราคงคิดต่างกัน ในเมื่อคิดกันคนละอย่างแบบนี้ทางที่ดีที่สุดเราคงต้องแยกกันไปทำตามความเชื่อของตัวเองดีกว่า ผมจะย้อนกลับไปอยู่บริษัทเดิมคงเป็นไปไม่ได้ครับ ผมกับทีมงานกับน้องๆ จำนวนหนึ่งกำลังเดินไปเส้นทางใหม่ที่เราเลือกเองแล้ว

Q : เป็นการตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ไปแล้ว

A : ไม่เชิงตัดความสัมพันธ์เดิมครับ เอาเข้าจริงผมยังมีความสัมพันธ์กับบริษัทเดย์ โพเอทส์ มีความผูกพันกับคนกับพนักงานหรือแม้กระทั่งความผูกพันกับผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ เราร่วมงานกันมานานมาก เราทำงานด้วยกันมาตั้ง 13 ปี ผมว่าคนที่อยู่ด้วยกันมา 13 ปี ไม่มากก็น้อยมันมีความผูกพันกันอยู่ครับ แต่ด้วยสถานการณ์ที่มันเดินมาถึงจุดนี้สำหรับผม ผมคิดว่ามันค่อนข้างลงตัวแล้วครับ

สถานการณ์ทำให้แต่ละฝ่ายตัดสินใจเลือกทางของตัวเอง แล้วก็ถ้าสำหรับผมช่วงนี้เป็นอะไรที่สบายใจมากครับ แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังเป็นห่วงน้องๆ ที่ยังทำงานอยู่ในบริษัทเดิม เพราะว่าข่าวที่เกิดขึ้นมันคงส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย นี่ยังมีคุยกันว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกกันและกัน

Q : ตอนนี้ได้ข่าวว่าบริษัทใหม่คุณได้ผู้ถือหุ้นใหม่ คำถามคือทิศทางในการทำงานใหม่ๆ ที่เคยให้สัมภาษณ์จะเป็นในรูปแบบไหน

A : บริษัทใหม่ก็คงทำในสิ่งที่ผมและก็ทีมงานมีความเชี่ยวชาญ มีความรักความชอบ และความเชื่อที่จะทำ เป็นบริษัทที่จะผลิตคอนเทนต์ เราเลือกแพลตฟอร์มหลักๆ ไว้ 2 อัน คือ ดิจิตัลกับปริ๊นท์ เป็นสิ่งที่เราชอบทำครับ แล้วก็เชื่อในพลังแล้วก็เชื่อในคุณค่าของมัน ต้นๆ เดือนมิถุนายนน่าจะได้เจอครับ

Q : โมเดลบริษัทใหม่ 30 วงศ์ทนง 30 นิติพัฒน์ สุขสวย 30 ผู้ถือหุ้น และ 10 ผู้ร่วมลงขันเหมือนเดิม

A : มีการปรับสัดส่วนนิดหน่อยครับ ผมกับคุณปิงปอง (นิติพัฒน์ สุขสวย) ถือ 45% นายทุนใหม่ถือ 45% แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยคือผู้ร่วมลงขัน 10% ตามที่ผมตั้งใจเอาไว้ ถ้าพูดสรุปเราเป็นคนถือหุ้นใหญ่

...

Q : มีชื่อบริษัทใหม่แล้ว

A : The Standard เดอะสแตนดาร์ด ผมคิดว่าเหตุการณ์บอกสิ่งที่เกิดขึ้นรวมไปถึงการตัดสินใจของผม กับเหตุการณ์นี้มันบ่งบอกถึงมาตรฐานทางจริยธรรมทางความคิดมากกว่านั้น ผมคิดว่าความมุ่งหวังตั้งใจก็คือ เราตั้งใจผลิตสื่อที่มีคุณภาพ มีคุณค่า และยกระดับมาตรฐานของการทำสื่อในประเทศเราให้มากขึ้นเท่าที่ความสามารถของพวกเราจะทำได้ เพราะฉะนั้นชื่อนี้มันเลยตอบสนองทุกอย่าง ผมว่ามันเป็นชื่อที่มีความหมายดี

ถ้าพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่ผมผ่านมาในชีวิตที่มันแสดงสื่อทางความคิดของผม ผมว่ามันมี 3 ชื่อ 1. อะเดย์ มันคือตัวแทนของความฝัน 2. เดอะ โมเมนตัม มันแสดงถึงพลังความทะเยอทะยานของเรา ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับโลกของเรา 3. เดอะสแตนดาร์ด เป็นบทสรุปของอุดมการณ์ในชีวิตของผม ผมอยากสร้างมาตรฐานใหม่ ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศนี้ครับ

...

Q : หลังจากนี้จะมีลูกทีมจากเครือเดย์โพเอทส์ออกมาร่วมอุดมการณ์กับคุณ กับ The Standard เพิ่มไหม

A : จริงๆ ตั้งแต่เดือนสองเดือนที่แล้วก็รู้แล้วว่ามีใครจะออกบ้าง บริษัทใหม่ที่ผมมาตั้งมีข้อจำกัดของเงินทุน การก่อตั้งของบริษัทเราไม่สามารถรองรับได้ ประกอบกับพนักงานแต่ละคนมีความมุ่งหวังตั้งใจต่างกัน บางคนสมัครใจอยากทำงานที่สื่อเดิม บางคนอยากถือโอกาสนี้เปลี่ยนงานเปลี่ยนอาชีพ ก็มีจำนวนหนึ่งที่สมัครใจที่จะออกมาแนวทางเดียวกับผมประมาณ 70 คน

Q : ก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน บก.นิตยสารอะเดย์ออกมาด้วยไหม

A : เคสก้องเขาอยากจะออกไปตั้งบริษัทของเขาเอง เราคุยกันแล้วเขาอายุประมาณหนึ่ง เขาก็อยากทำอะไรที่เป็นตัวเขาเอง ผมยินดีเลย สนับสนุน ผมส่งเสริมเลย หรืออย่าง วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ บก. a day BULLETIN เขาก็เลือกที่จะทำอะเดย์ต่อไป ไม่ออกมาครับ มีน้องจำนวนหนึ่งที่ยังทำก็คงทำต่อไป

Q : ตอนนี้เหลือกี่ทีมที่อยู่กับคุณ?

A : เดอะโมเมนตัม ทีมแฮมเบอร์เกอร์ ทีมอะบุ๊ก และทีมอะเดย์บางส่วนออกมาอยู่กับผมครับ

...

Q : มองสิ่งที่เราสร้างมากับมือ 16-17 ปี ยังคงห่วงบริษัทที่สร้างมากับมือ และลูกน้องเก่าไหม เพราะจากสถานการณ์คนข้างนอกมองว่าบริษัทเก่าคุณสถานการณ์ไม่นิ่ง?

A : ผมเข้าใจนะครับว่า การที่ผมลาออกจากบริษัท คุณนิติพัฒน์ ผมเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมามันเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน กับความรู้สึกของพนักงานครับ แต่ผมเชื่อว่าพนักงานทุกคนเข้าใจเหตุผลของการตัดสินใจของผม แล้วก็ผมว่าเขาเชื่อในความรักความผูกพันที่เขามีต่อพวกผม คนเราทำงานกันมา 10 กว่าปี มันตัดกันไม่ขาดหรอก รวมไปถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ ของเดย์โพเอทส์ด้วยนะครับ เราก็ร่วมงานมา 13 ปี เพราะฉะนั้นมีความผูกพันกันแน่นอน ถ้าให้สรุปการแยกทางคราวน้ีไม่ใช่ความบาดหมางครับ มันเป็นเรื่องของสถานการณ์ที่ทำให้เราต้องตัดสินใจ

สำหรับตัวผมเองแน่นอน ผมมีความทรงจำที่ดีมากมายตลอด 16 ปีที่ทำงานที่บริษัทนี้ ที่ก่อตั้งมันขึ้นมา รวมถึงมีความภาคภูมิใจกับสื่อแต่ละหัวที่ปั้นมันขึ้นมา ความภูมิใจความสุขเหล่านี้ไม่ได้จางหายไปไหนครับ ธรรมชาติของสิ่งต่างๆ มันก็เป็นเช่นนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป มันเป็นสัจธรรม ผมคงไม่ไปคร่ำครวญสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ผมว่าผมมีความหวังใหม่ กับสิ่งที่กำลังจะทำมากกว่า แต่ในด้านหนึ่งหวังว่าสื่อต่างๆ ในเครือ เดย์ โพเอทส์ ซึ่งผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอะเดย์ สำนักพิมพ์อะบุ๊ก หรือโมเมนตัม ทุกสื่อเป็นสื่อที่ผมเชื่อว่ามีคุณภาพ ผมเชื่อว่าทีมงานที่ยังอยู่ หรือมีทีมงานใหม่ๆ เข้ามาทดแทนคนที่จากไป น่าจะช่วยกันรักษาค่านิยม คุณภาพของสื่อต่างๆ ให้อยู่ต่อไปได้ ก็เอาใจช่วยครับ

Q : พอบอกได้ไหมว่านายทุนใหม่คุณคือใคร?

A : (หัวเราะ) ยังไม่ได้ครับ ถึงเวลานั้นผมจะบอกคุณ