ในวงการธุรกิจร้านกาแฟ นอกจากลงทุนกับอุปกรณ์อย่างเครื่องชงกาแฟที่มีคุณภาพแล้ว การลงทุนกับวัตถุดิบหลักอย่าง ‘เมล็ดกาแฟ’ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อรสชาติเครื่องดื่ม เรียกได้ว่าเมล็ดกาแฟดี มีชัยไปกว่าครึ่ง โดยเมล็ดกาแฟนั้นมีให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ แถมแต่ละสายพันธุ์ต่างก็มีจุดเด่น สามารถรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มกาแฟออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์คนรักกาแฟได้แทบทุกกลุ่ม และในบทความนี้ เราจะขอพาไปทำความรู้จักกับสายพันธุ์กาแฟยอดนิยม ที่คอกาแฟและผู้ประกอบการร้านกาแฟควรรู้จัก เพื่อการตัดสินใจเลือกเมล็ดกาแฟที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของรสชาติและการรังสรรค์เมนูที่มีความหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกมาดื่มด่ำกัน!

สายพันธุ์อาราบิก้า (Arabica)

เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า (Arabica) ถือเป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดจากประเทศเอธิโอเปีย ปัจจุบันปลูกในภูมิภาคที่มีสภาพภูมิอากาศเย็นและเขตพื้นที่สูง อย่างในประเทศบราซิล โคลอมเบีย ส่วนในประเทศไทยจะนิยมปลูกในพื้นที่ทางภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน แม่ฮ่องสอน และลำปาง เป็นต้น เนื่องจากต้นกาแฟอาราบิก้าต้องการการดูแลที่พิถีพิถัน เพราะอ่อนไหวต่อโรคพืชและแมลง การปลูกและผลิตกาแฟอาราบิก้าจึงมีต้นทุนสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ

ความโดดเด่นของกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า

● อาราบิก้ามีปริมาณคาเฟอีนค่อนข้างต่ำ ประมาณ 1.1 – 1.7% มีรสชาติที่นุ่มนวล ซับซ้อน กลิ่นหอม และไม่ขมมาก

● มีกลิ่นหอมที่หลากหลาย เช่น กลิ่นผลไม้ ดอกไม้ และบางครั้งมีกลิ่นคล้ายช็อกโกแลต

● มีความเปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะกาแฟอาราบิก้ามีกรดธรรมชาติที่ให้รสเปรี้ยวบางเบา ซึ่งคอกาแฟส่วนใหญ่ชื่นชอบและเป็นที่ยอมรับมากกว่าสายพันธุ์อื่น

สายพันธุ์โรบัสต้า (Robusta)

เมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) เป็นสายพันธุ์กาแฟที่พบมากเป็นอันดับสองของโลก มีต้นกำเนิดในแอฟริกา และปัจจุบันนิยมปลูกในประเทศแถบเอเชีย เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมถึงแอฟริกาตะวันตกและอเมริกากลาง ในประเทศไทยนิยมปลูกในพื้นที่ทางภาคใต้ อย่างจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เป็นต้น เนื่องจากต้นกาแฟโรบัสต้ามีความทนทานต่อสภาพอากาศ แข็งแรงต่อโรคพืชและแมลง ทำให้การดูแลรักษาง่ายกว่า และต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าสายพันธุ์อาราบิก้า

ความโดดเด่นของกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า

● โรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนสูง ประมาณ 2 – 4.5% มีรสชาติที่เข้มข้นกว่ากาแฟอาราบิก้า โดยมีบอดี้ที่หนักและรสขมเด่นชัด ค่อนข้างฝาด

● มีสัมผัสที่เข้มและมักจะมีกลิ่นที่ออกไปทางดินหรือไม้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ไม่ติดเปรี้ยว

● โรบัสต้านิยมนำไปทำเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือเป็นส่วนผสมในกาแฟเบลนด์เพื่อเพิ่มบอดี้และความเข้มข้นให้กับเครื่องดื่ม

สายพันธุ์เอ็กเซลซ่า (Excelsa)

เมล็ดกาแฟสายพันธุ์เอ็กเซลซ่า (Excelsa) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์กาแฟที่มีความเฉพาะตัวและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา ในปัจจุบันนิยมปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะในเวียดนาม มีปริมาณการผลิตที่น้อยกว่าอาราบิก้าและโรบัสต้า เนื่องจากต้นกาแฟเอ็กเซลซ่าทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี จึงปลูกง่าย ดูแลรักษาง่าย และให้ผลผลิตสูง

ความโดดเด่นของกาแฟสายพันธุ์เอ็กเซลซ่า

● เอ็กเซลซ่ามีปริมาณคาเฟอีน ประมาณ 0.86 – 1.13% มีบอดี้ปานกลางถึงหนัก รสชาติเข้มข้น ขมพร่า และมีรสติดเปรี้ยวและรสชาติผลไม้ชัดเจน

● เพราะกาแฟสายพันธุ์เอ็กเซลซ่ามีการผสมผสานระหว่างรสเปรี้ยวและรสขมที่ซับซ้อน จึงนิยมนำไปเบลนด์กับกาแฟสายพันธุ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ และเพื่อสร้างสรรค์เมนูกาแฟ Specialty ที่มีความหลากหลายและซับซ้อน

สายพันธุ์ลิเบอริก้า (Liberica)

เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ลิเบอริก้า (Liberica) เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ไม่ค่อยพบในตลาดทั่วไป โดยมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตก ประเทศไลบีเรียและไอวอรีโคสต์ ปัจจุบันนิยมปลูกที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ลักษณะลำต้นมีขนาดใหญ่ ทนต่อโรคพืชและสภาพแวดล้อม จึงนิยมปลูกในพื้นที่อากาศร้อนชื้น เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ กาแฟสายพันธุ์ลิเบอริก้ามีปริมาณการปลูกและผลิตที่น้อยกว่ามาก เพราะเป็นที่รู้จักในวงแคบ

ความโดดเด่นของกาแฟสายพันธุ์ลิเบอริก้า

● ลิเบอริก้ามีปริมาณคาเฟอีน ประมาณ 1.2% มีความเข้มและบอดี้หนัก แต่มีรสขมที่นุ่มนวล

● รสชาติและกลิ่นคล้ายกับกาแฟอาราบิก้า แต่มีความขมและความเปรี้ยวที่ชัดกว่า และยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ออกแนวไม้ ดิน หรือกลิ่นผลไม้แห้ง

● เนื่องจากกาแฟสายพันธุ์ลิเบอริก้ามีรสชาติเฉพาะตัว จึงเหมาะสำหรับการนำไปเบลนด์กับกาแฟสายพันธุ์อื่นเพื่อสร้างสรรค์เมนูกาแฟที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร ดึงดูดกลุ่มคอกาแฟที่รักการทดลองรสชาติใหม่ๆ

ในปัจจุบัน เครื่องดื่มกาแฟไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดื่มปลุกเอเนอร์จี้ยามเช้าเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานวัฒนธรรมและศิลปะในการสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน แม้การคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของลูกค้าจะมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มใหม่ๆ แต่สิ่งที่จะช่วยดึงรสชาติที่ซับซ้อนและคุณสมบัติพิเศษของเมล็ดกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอม ความเข้มข้น หรือบอดี้ของกาแฟ ก็คือเครื่องชงกาแฟที่มีคุณภาพ ดังนั้นการลงทุนกับเครื่องชงกาแฟคุณภาพ ตอบโจทย์กับการใช้งาน จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการร้านกาแฟควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน

Peaberry Thai เรามีอุปกรณ์เครื่องชงกาแฟหลากหลายให้เลือกสรร ขายเครื่องชงกาแฟที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตั้งแต่เครื่องชงกาแฟแบบดริปหรือเฟรนช์เพรส สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟและการชงกาแฟด้วยตนเอง ไปจนถึงเครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิ เวลาชง หรือแรงดัน เหมาะสำหรับการใช้งานในร้านกาแฟ เพื่อการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแก้วอย่างลงตัว

Peaberry Thai

Tel: 02-6812424
Line: @peaberrythai
Facebook | Instagram: Peaberry Thai