การกลับมาของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพที่หลายคนรอคอยในครั้งนี้ มาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ที่หรูหราทันสมัยแต่ยังมีกลิ่นอายความเป็นไทยที่กลมกลืนไปกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างลงตัว
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์พาเปิดห้องชมโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ในภาพลักษณ์ใหม่ หลังจากปิดตัวเมื่อปี 2562 สำหรับการกลับมาครั้งนี้ได้รับการออกแบบจาก André Fu Studio ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีสไตล์การออกแบบที่เชื่อมโยงความต่อเนื่องจากอดีตสู่ปัจจุบันอย่างลงตัว สื่อความหมายของคำว่า Heritage ได้อย่างสมบูรณ์
ห้องพักทั้ง 257 ห้องจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และแขกผู้เข้าพักสามารถชมวิวสวนลุมพินีได้ทุกห้องผ่านกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่ จากเดิมที่มีจำนวนห้องพัก 540 ห้อง ก็ลดจำนวนลงไปกว่าครึ่งเพื่อปรับขนาดห้องพักให้ใหญ่ขึ้น จึงต้องปิดตัวเพื่อสร้างใหม่ให้โครงสร้างอาคารต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ห้อง Deluxe Room เป็นห้องเริ่มต้น มีขนาดใหญ่ถึง 50 ตารางเมตร ที่นำเสนอความเป็นไทยในมุมมองคนต่างชาติ โดยเลือกสีเขียวอ่อนแบบถ้วยชามศิลาดลเป็นตัวแทนของสวนลุมฯ สะท้อนเข้ามาในห้องพัก ทำให้มีความเป็นไทยแบบร่วมสมัย
...
ไฮไลต์ของการออกแบบใหม่นี้คือมีกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่แบบไร้รอยต่อที่กว้างถึง 5 เมตร ซึ่งเอามาแทนการใช้ระเบียงแบบเดิมในยุคแรก เพื่อปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันที่ไม่มีใครอยากออกไปใช้ระเบียงนอกห้องเพราะต้องเจอกับมลภาวะกลางเมือง กระจกบานใหญ่นี้ทำให้แขกผู้เข้าพักได้มองเห็นวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูงพร้อมโซฟาเบดขนาดใหญ่ข้างกระจกให้ได้ดื่มด่ำกับวิวที่สวยงามใจกลางกรุงฯ
พร้อมด้วยการตกแต่งห้องอย่างประณีตบรรจงผ่านการสอดแทรกวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างไทยในแบบฉบับของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เช่น นำลายลูกฟักและผนังไม้ฝาปะกนบ้านไทยมาร่วมตกแต่งภายในห้อง
ด้านบริเวณหัวเตียงที่ยังคงใส่ใจในรายละเอียดด้วยการเพิ่มลวดลายที่ปักด้วยมือทุกชิ้นสื่อความหมายถึงสรวงสวรรค์ และการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปร่างโค้งนุ่มนวลแบบไทยเพื่อทำให้องค์ประกอบของห้องดูร่วมสมัยมากขึ้นที่ผสานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สอดคล้องกับมาตรฐานสากลพร้อมความสะดวกสบายอย่างเต็มที่
สำหรับโซนต่างๆ ที่พร้อมเปิดให้สัมผัสประสบการณ์ในเฟสแรก ประกอบด้วย ห้องจัดงานประชุม สัมมนา ห้องจัดงานเลี้ยง ซึ่งรวมถึง ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม
ในส่วนของบริการอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนที่เปิดให้บริการแล้ว มีดังนี้ แกรนด์ ล็อบบี้ บาร์ รื่นรมย์กับชุดน้ำชายามบ่ายซิกเนเจอร์จากดุสิตธานี กรุงเทพฯ และรายการอาหารว่างคาวหวานต้นตำรับไทยอีกหลายรายการ
พร้อมผ่อนคลายกับสวนน้ำตก 9 ชั้นอันโดดเด่น ที่สามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นที่ 3 ของโรงแรม ห้องอาหารพาวิลเลียน ซึ่งให้บริการอาหารไทยและจีนกวางตุ้งสูตรต้นตำรับที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งมอบความอร่อยในทุกวัน และดุสิตกูร์เมต์ ที่คงเอกลักษณ์การออกแบบในบรรยากาศสบายๆ มาพร้อมกับสวนน้ำตกที่มอบความสดชื่นตลอดทั้งวัน นำเสนอขนมอบ เบเกอรี่สดใหม่พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิด และยังมีรายการอาหารไทย เอเชียน และตะวันตกแบบรับประทานจานเดียว อาทิ ข้าวซอย ข้าวกะเพราเนื้อวากิว เบอร์เกอร์นานาชนิดที่ท่านเลือกจับคู่ขนมปังและไส้ได้ตามความชอบ
...
อีกหนึ่งไฮไลต์ของดุสิตกูร์เมต์ คือ ชุดอาหารเช้าที่ให้บริการตลอดทั้งวัน สำหรับท่านที่รักเมนูอาหารเช้าและสะดวกที่จะรับประทานในเวลาใดก็ได้ตามความพึงพอใจ
ทั้งนี้ ในส่วนของห้องอาหารและบาร์อื่นๆ ซึ่งนำทีมโดยเชฟมากความสามารถ จะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ยังมีบริการเวลเนสและสปาแบบครบวงจรเพื่อความผ่อนคลายใจกลางเมือง ที่จะเปิดให้บริการในปลายเดือนตุลาคมนี้
ขณะเดียวกันก็ยังคง 9 อัตลักษณ์อันโดดเด่นที่บ่งบอกถึงความเป็นดุสิตธานี ได้แก่ ยอดเสาสีทอง (Golden Spire) ต้นไม้แห่งความทรงจำ (Trees from Original Dusit Thani Bangkok) น้ำตก (Signature Cascading Waterfall) เพดานล็อบบี้ (Signature Lobby’s Ceiling) ผนังตกแต่ง (Decorative Lobby’s Screens) เสาเบญจรงค์ (Benjarong Pillars) ห้องไทยเฮอริเทจ สวีท (Heritage Suite) กรอบอาคารสีทอง (Golden Façade) และห้องไลบรารี (Library 1918) โดยส่วนต่างๆ เหล่านี้กลับมาสร้างความประทับใจครั้งใหม่ให้กับคนไทยและผู้มาเยือนจากทั่วโลกอีกครั้ง
...