รีวิวงานนิทรรศการ “พาใจกลับบ้าน” Homecoming Therapeutic Space by Eyedropper Fill at MMAD – MunMun Art Destination พื้นที่ปลอดภัย ที่จะชวนทุกคนไปชาร์จแบตฮีลใจ ทบทวนตนเอง ผ่านห้องต่างๆ ทั้ง 5 แบบ“ไม่ต้องเก่งตลอดก็ได้ ให้เวลากับตัวเองบ้างก็ได้ อ่อนแอบ้าง มีความสุขบ้าง” หนึ่งในโควตคำที่คอยปลอบประโลมตนเอง ในยุคที่ทุกคนดำดิ่งไปกับความยุ่ง รู้สึกผิดไปกับความว่าง แบกรับกับความคาดหวังจากทั้งการงาน การเงิน ความรัก ความฝัน และครอบครัวคนส่วนใหญ่มักจะดึงทุกศักยภาพ และใช้ทุกพลังที่มีโดยแทบไม่ได้ดูแลตัวเอง ไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขอย่างแท้จริง จนหลายคนเดินทางสู่ “Burnout หรือ ยุคแห่งความหมดไฟ” สะสมความเครียดอย่างไม่รู้ตัว เผชิญหน้าสู่ความเสี่ยงกับภาวะซึมเศร้า การกลับมาอย่างเต็มรูปแบบ และอบอุ่นกว่าที่เคยของ นิทรรศการ “พาใจกลับบ้าน” Homecoming พื้นที่ชาร์จแบตใจเชิงประสบการณ์ (Therapeutic Space) ที่ผสานศิลปะ และการดูแลสุขภาพจิตเข้าด้วยกัน โดย อายดรอปเปอร์ ฟิลล์ (Eyedropper Fill) นักออกแบบพื้นที่ประสบการณ์ ที่ทำให้คนเห็นใจตัวเองและเห็นใจกัน ไฮไลต์ของงานที่จะมอบพื้นที่ปลอดภัย และชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ช่วยให้ทุกคนได้ใช้เวลากับตัวเองอย่างมีคุณค่า พูดคุยกับตัวเอง รับฟังตัวเอง เข้าใจตัวเอง และดูแลใจตัวเอง ผ่านงานศิลปะเชิงประสบการณ์ที่ออกแบบร่วมกับนักจิตวิทยา และผสานองค์ความรู้ด้านจิตวิทยามาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์พื้นที่เชิงบำบัด (Therapeutic Space) ประกอบกับความรู้ด้าน Digital Art ผ่านแสง สี เสียง และสัมผัส เน้นการทำงานกับฐานกาย ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการทำงานกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ พร้อมร้อยเรียงเรื่องราวของเนื้อหา ภายใต้แนวคิดและตัวแปรทางจิตวิทยา “ความเมตตากรุณาต่อตัวเอง” (Self-compassion) เพื่อส่งเสริมสุขภาวะ และเอื้อให้เกิดการตระหนักรู้ด้านสุขภาพใจ โดยงานจะจัดขึ้นบนพื้นที่ของ MMAD–MunMun Art Destination (แมด - มันมัน อาร์ต เดสทิเนชัน) และพื้นที่งานศิลปะสร้างสรรค์ฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก บริเวณชั้น 2, มันมัน ศรีนครินทร์ - ห้างสรรพศิลป์คราฟท์ (ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์) เปิดให้เข้าชมวันแรก 12 กรกฎาคม 2567 และเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (ไม่มีแบ่งรอบและไม่จำกัดเวลาในการเข้า โดยเปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายไม่เกิน 19.30 น.) ราคาบัตร 200 บาท 5 พื้นที่ปลอดภัย ห้องบำบัด ค้นหาหัวใจของตนเองห้องสำรวจห้องที่ให้ทุกคนได้มานั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ลองระบุอารมณ์เหล่านั้นให้ชัดเจน และค่อยๆ ฝนดำลงในช่องอารมณ์ต่างๆ จากนั้นค่อยๆ จดจ่อไปที่เส้นแสงที่กำลังพาดผ่านร่างกาย ตามหาว่ามวลอารมณ์เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นอยู่บนส่วนไหนของร่างกาย หลังเสร็จกิจกรรม ‘สำรวจอารมณ์’ ผู้เข้าร่วมจะส่งกระดาษวงล้อแห่งอารมณ์กับสตาฟฟ์ในห้องเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเชิงสถิติภายในงานร่วมกันห้องโอบรับห้องจำลองความเป็นธรรมชาติ ที่สงบ และคอยโอบอุ้มทุกคนโดยไม่ตัดสิน ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวอย่างช้าๆ เอื้อมมือเข้าไปหาความรู้สึกในใจ สัมผัสถึงทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความเจ็บปวด ความไม่สมบูรณ์ ทุกความรู้สึกล้วนเป็นธรรมชาติ ค่อยๆ สวมกอดตัวเองผ่านการโอบ ‘กอด’ รูปทรงที่ตรงใจและพอดีกับความรู้สึก หลังเสร็จกิจกรรมผู้เข้าชมสามารถร่วมเขียนเพื่อสะท้อนความรู้สึกได้ที่กำแพงห้องเฝ้าดูห้องที่ให้ผู้เข้าร่วมชมงานเอนกายลงนอนช้าๆ บนลูกบอลที่ทำเสมือนสายน้ำ ซึมซับกับบรรยากาศ แล้วหลับตาลง ทบทวน เฝ้าดู รับรู้ ความคิดที่ไหลผ่านตัวเรา ในแบบที่ไม่ต้องแก้ไข ไม่ต้องจับจด เพียงมองหาต้นทางของความคิดเหล่านั้น หลังเสร็จกิจกรรมสามารถร่วมเขียนเพื่อสะท้อนความรู้สึกได้ที่กำแพงด้านข้างห้องข้ามผ่านห้องที่มีเสียงสะท้อนแผ่วเบาดังอยู่รอบตัว ให้คุณลองเอนตัวลงบนหมอน หนึ่งในพื้นที่ที่เปิดกว้างให้ผู้ร่วมงานรับ ‘ฟัง’ เรื่องราวของคนอื่น ตั้งใจฟังเสียงในใจของตัวเองไปพร้อมกัน เศษเสี้ยวของบทสนทนา หลายถ้อยคำ หลากเรื่องราวที่เป็นกระจกสะท้อนถึงตัวเรา กระจกที่อยากให้คุณสำรวจตัวเองว่าการที่เรามีเมตตาต่อตัวเองช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาโหดร้ายเหล่านั้นได้อย่างไร ในขณะที่ตั้งใจฟังเสียงในใจของตัวเองไปพร้อมกัน คุณปลอบโยนคนอื่นแบบไหน คุณเคยปลอบตัวเองแบบนั้นบ้างไหม หลังเสร็จกิจกรรมสามารถร่วมเขียนเพื่อสะท้อนความรู้สึกได้ที่กำแพงห้องตกผลึก เปลือกอันหนาแน่นที่ห่อหุ้ม ถูกกะเทาะให้เหลือเพียงแก่นภายใน อะไรคือคุณค่าและตัวตนอันแท้จริงที่อยู่ภายใต้เปลือกนั้น โดยห้องนี้จะให้ผู้เข้าชมเขียน 1 คำลงบนหินที่หุ้มด้วยผืนทราย พร้อมที่เปิดเผยให้เห็นถึงเสียงภายในอันหนักแน่น และเป็นจริง ไม่ว่าเสียงจากกระแสภายนอกกำลังบอกว่าอะไร และก่อนที่จะจากบ้านหลังนี้ เราอยากชวนให้ทุกคนค่อยๆ ตอบคำถามในห้อง เพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นบ้านของใจได้อีกครั้งความพิเศษของ “พาใจกลับบ้าน” Homecoming ในครั้งนี้ นอกจากกิจกรรมที่ทำงานร่วมกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย และสำรวจความรู้สึกไปพร้อมกัน ครั้งนี้ยังได้คอลแล็บงานกับศิลปินอินดี้ไทย “Youth Brush” พร้อมมอบ 3 เพลงฮีลใจ คือ ขอโทษในตัวเอง, ให้อภัยและรักตัวเองสักที และขอบคุณที่ทนรอฟ้าสว่าง ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “ความเมตตาต่อตัวเอง” จนออกมาเป็นเพลงที่ชวนให้ทุกคนมา ‘ขอบคุณ’ ‘ขอโทษ’ ‘ให้อภัย’ ซึ่งทุกคนจะได้รับฟังภายในนิทรรศการครั้งใหม่นี้