เป็นลูกหม้อของ “แสนสิริ” ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการปลุกปั้นธุรกิจมาตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ ถึงเวลาแล้วที่ “อุทัย อุทัยแสงสุข” จะขึ้นแท่นเป็นแม่ทัพใหญ่ของแสนสิริ นั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ นำทีมผู้บริหารรุ่นใหม่สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนสู่ทศวรรษใหม่ เพื่อรักษาอันดับความเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยของเมืองไทย

“ผมเรียนจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้าสื่อสาร จากมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เริ่มทำงานเป็นวิศวกรก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าที่อิตัลไทย เอ็นจิเนียริ่ง อยู่ปีกว่าๆ จากนั้นไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ที่มิดเดิล เทนเนสซี สเตต ยูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาทำงานที่แสนสิริ อยู่กับแสนสิริมาตลอดจนถึงตอนนี้กว่า 30 ปีแล้ว ผู้ใหญ่ให้โอกาสผมเยอะมาก จากพนักงานเล็กๆสามารถเติบโตมาถึงปัจจุบัน ตลอดการทำงานผมคิดแค่ว่าเราทำอยู่ตรงไหนก็สามารถเติบโตได้ เพราะเราเป็นคนพูดแล้วทำ และทำให้งานนั้นสำเร็จจริง จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่มาตลอด 30 ปี”...กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของแสนสิริ บอกเล่าถึงเส้นทางการเติบโตภายใต้ชายคาอันอบอุ่น

อะไรคือกุญแจสำคัญทำให้ “แสนสิริ” เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน

เราเป็นผู้นำด้านดีไซน์และบริการหลังการขาย ที่มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าและการอยู่อาศัย โดยไม่หยุดนิ่งในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆเสมอ แสนสิริเชื่อว่าบ้านที่ดี นอกจากจะมีดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์แล้ว ยังต้องสวยงามตลอดไปในทุกช่วงเวลา กว่าจะสร้างบ้านแต่ละหลังคอนโดแต่ละแห่ง ทีมงานแสนสิริจะลงลึกในการวิจัยและศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างเข้มข้นใกล้ชิด เราพยายามค้นหานวัตกรรมการดีไซน์รูปแบบใหม่และความเป็นไปได้ใหม่ๆในอนาคต เพื่อมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้ลูกบ้าน

...

หัวใจของการดีไซน์เพื่ออนาคตอยู่ตรงไหน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรานำเสนอการดีไซน์ด้วยความพิถีพิถันและคุณภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและสวยงามในทุกรายละเอียด ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นดีไซน์ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ พร้อมเปิดรับการมีส่วนร่วมกับสิ่งใหม่ๆ ให้เป็นพื้นที่ตอบรับทุกการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มเปี่ยม และเพื่อให้สอดรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต การดีไซน์ของเรายังต้องโอบรับกับความยั่งยืน, มีนวัตกรรม, ใช้งานได้จริง รวมถึงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย

ครบรอบ 40 ปี “แสนสิริ” มีอะไรใหม่ๆมาเซอร์ไพรส์บ้าง

ปัจจุบันแสนสิริเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว ทั้งแบรนด์และการพัฒนาโครงการ โดยจุดแข็งของเราคือการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 67 กวาดรายได้รวม 10,170 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป้าหมายต่อไปคือการเดินหน้า “SPEED TO MARKET” ลุยต่อไตรมาสสอง เปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่โครงการ “เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน” Beachfront Branded Residences แห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก, โครงการ “เศรษฐสิริ รวมโชค” บ้านดีไซน์ Modern Classic วิวดอยสุเทพ ที่ชูนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่น สู้ PM2.5 ราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท, โครงการ “สราญสิริ ศรีนครินทร์-แพรกษา” บ้านเดี่ยวดีไซน์ Modern Farmhouse พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีแพรกษา ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท, โครงการ “สราญสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้า” บ้านเดี่ยวดีไซน์ยอดนิยม Urban Farmhouse พร้อม Double Volume หนึ่งเดียวบนทำเลศาลายา-ปิ่นเกล้า ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท, โครงการ “อณาสิริ อยุธยา 2” บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด Modern Japanese แห่งเดียวในอยุธยา ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 1 ไร่ ติดถนน 3477 เชื่อมต่อทุกเส้นทาง อยู่ใกล้เซ็นทรัลอยุธยา, โลตัส, โฮมโปร รวมถึงโรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท นอกจากนี้ เตรียมเปิดขายคอนโดใหม่ทำเลใจกลางเมือง เพียง 200 เมตร จากเซ็นทรัล เชียงใหม่ ดีไซน์สไตล์รีสอร์ต ส่วนกลางครบ มีทั้งสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก 55 เมตร และ Pet Yard เอาใจคนรักสัตว์ พร้อมจุดเด่นสเปซห้องกว้างเหมือนอยู่บ้าน และ “THE MUVE” สุขุมวิท 107 คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ตกแต่งครบ เรายังมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่าง “เอลซ์” (ELSE) เป็นเอกซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ และ “พินน์” (PYNN) คอนโดมิเนียม Low-Rise รูปแบบใหม่ สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตน้อย บนทำเลศักยภาพ ประเดิมด้วยโครงการแรก “PYNN Pridi20” มีแค่ 36 ยูนิต เลี้ยงสัตว์ได้ ขนาด 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตร พร้อมเฟอร์นิเจอร์ และที่จอดรถ 90% อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ St.Andrews

...

“แสนสิริ” ดิสรัปต์ตัวเองยังไงให้คู่แข่งตามไม่ทัน

เราอยู่ในสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง และการแข่งขันของธุรกิจที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย ธุรกิจจึงต้องปรับตัวอย่างหนัก เพื่อวิ่งให้ทันกระแสสังคม รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความหลากหลายของผู้บริโภค ความท้าทายของแสนสิริคือต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ต้องทำการตลาดที่ลงลึกมากขึ้น มองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อก้าวข้ามสิ่งต่างๆ และอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งสู่การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและสังคม เรายังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ที่เหนือกว่าผ่านการตลาดที่แข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขายให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมเน้นการสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ให้ทรงพลังและเป็นที่จดจำมุ่งสู่ Global Brand ยิ่งขึ้น โดยการนำ Identity จากโลโก้แสนสิริ มาทรานส์ฟอร์มให้เกิดรูปแบบต่างๆ เพื่อสะท้อนทุกความเป็นไปได้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องมอบประสบการณ์และสไตล์ของแบรนด์ในด้านต่างๆให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้าน Art, Design, Decoration และการร่วมมือกับดีไซเนอร์ระดับโลก เพื่อจุดประกายไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ ที่มากกว่าเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล ทำให้เกิดความภาคภูมิใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์แสนสิริ

...

แล้วดีเอ็นเอที่ไม่เคยเปลี่ยนของ “แสนสิริ” คืออะไร

“SPEED TO MARKET” และ “ATTENTION TO DETAIL” ยังเป็นดีเอ็นเอหลักของแสนสิริ เช่นเดียวกับความกล้าจะแตกต่าง ด้วยความโดดเด่นของนวัตกรรมการดีไซน์ ที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตได้ในทุกมิติ

...

เทรนด์ของธุรกิจอสังหาฯยุคใหม่พลิกโฉมไปมากน้อยแค่ไหน

การเดินหน้าธุรกิจยุคนี้ต้องทำคู่ขนานไปกับเรื่องความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์ใหญ่ระดับโลก โดยแสนสิริเดินหน้าผ่าน 3 กลยุทธ์คือ การเลือกใช้วัสดุ, การออกแบบ และการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี 2568 แสนสิริมุ่งยกระดับการใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาดเป็น 100% โดยวางเป้าหมายบ้านแสนสิริทุกหลัง และทุกคลับเฮาส์โครงการใหม่ติดตั้งแผงโซลาร์ 100% พื้นที่ส่วนกลางโครงการใหม่ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียพลังงานแสงอาทิตย์ 100% บ้านเดี่ยวทุกหลังติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า รถส่วนกลางเป็นรถใช้พลังงานไฟฟ้า และ 100% ของโครงการแสนสิริใช้คอนกรีตรักษ์โลก ตลอดปี 2567 แสนสิริได้เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นในเรื่อง “net zero” บ้านประหยัดพลังงาน รวมถึงเพิ่มเรื่อง “เวลเนส” เข้าไปในโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อตอบรับกับแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุ ขณะเดียวกัน ก็ต้องเสริมเรื่องพลังงานสะอาดเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐานของบ้าน เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ของโลก

อะไรคือเป้าหมายมีไว้พุ่งชนของ “แสนสิริ”

ในฐานะแบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มอสังหาฯที่มีมูลค่าแห่งอนาคตสูงสุดประจำปี 2023 ตลอดเวลา 40 ปีที่ผ่านมา เราได้สร้างที่อยู่อาศัยไปราว 500 โครงการ กว่า 130,000 ยูนิต มีลูกค้าให้ความไว้วางใจมากกว่า 200,000 ราย เราตระหนักดีว่าทุกๆวันของแสนสิริ คือการมุ่งมั่นมอบความสุขรอบด้านให้กับลูกบ้าน ครอบคลุม 360 องศาของชีวิต และใส่ใจทุกรายละเอียดของไลฟ์สไตล์ เป้าหมายใหม่ของเราคือ การสร้างมิติของแบรนด์สู่หมุดหมายใหม่เพื่อทำให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าใจและเข้าถึงทุกคน พร้อมๆกับรักษาความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในระยะยาว ตลอดจนรักษา Earning Growth ในปี 2567 ในการสร้างผลประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่า 61,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย ทำยอดขาย 52,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท เป้าหมายของผมคือ ต้องพยายามรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งไว้ให้ได้ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่ 40 ปี ต้องเป็น 50-60 ปี และต่อไปในระยะยาวที่สุด.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่