ทำความรู้จัก ‘ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์’ ลูกชายมากฝีมือของ เพชร โอสถานุเคราะห์ นั่งเก้าอี้อธิการบดีคนใหม่ล่าสุด ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พร้อมประกาศจุดยืนนำมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เข้าสู่ยุคใหม่ พร้อมเพิ่มศักยภาพสู่การเป็นผู้นำในโลกของการศึกษา

ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ลูกชายของ เพชร โอสถานุเคราะห์ นั่งเป็นอธิการบดีคนใหม่ของ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดย ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ว่า การได้เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยกรุงเทพอย่างเป็นทางการ หลังร่วมงานกับมหาวิทยาลัยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะนำพามหาวิทยาลัยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเรียนการสอน

บทบาทของ ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ก่อนจะมาเป็นอธิการบดีคนใหม่ ม.กรุงเทพ

ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ อธิการบดี ม.กรุงเทพ คนใหม่ มีประสบการณ์บริหารงานกับรั้วมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นเวลา 5 ปี ในด้านการบริหารงานองค์กรโดยเริ่มตั้งแต่ในปี 2560 ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร ก่อนจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลพัฒนากลยุทธ์และงานด้านพัฒนาธุรกิจของมหาวิทยาลัย ปรับปรุงระบบการทำงานของมหาวิทยาลัยให้ทันสมัย ยืดหยุ่น มีศักยภาพที่พร้อมแข่งขันจนถึงปัจจุบันก่อนเข้าสู่ตำแหน่งอธิการบดี

...

นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายที่น่าสนใจอยู่มากมาย เช่น ‘ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการคลัง’ สร้าง และพัฒนาทีมงานใหม่ในด้านการจัดซื้อ บัญชี ผลักดันใหเกิดการใช้ข้อมูลเป็นฐานในการบริหารจัดการ การตัดสินใจ วางระบบด้านการคลังโดยใช้งาน SAP และการปิดบัญชีแบบรายเดือน รวมถึง ‘ผู้ช่วยอธิการบดีอาวุโสฝ่ายการคลังและกลยุทธ์องค์กร สร้างและพัฒนาทีมงานด้านกลยุทธ์องค์กร ทรัพยากรบุคคล วางแผนส่งเสริมผลักดันกลยุทธ์ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ในภาคธุรกิจให้มาร่วมงานกับมหาวิทยาลัย ก่อนจะมาเป็น ‘รองอธิการบดีสายการคลังและกลยุทธ์องค์กร’

ภูรัตน์ มีบทบาทอย่างมาก ในรั้วของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มดำเนินโครงการที่จะสร้างประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และประสบการณ์และบรรยากาศที่ดีในวิทยาเขต ด้วยโครงการต่างๆ มากมาย ประกอบด้วย โครงการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงาน และการพัฒนาที่ยั่งยืน, โครงการห้องเรียนอัจฉริยะและรถบัสที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ภายในวิทยาเขต, โครงการดูบีดู โครงการที่พักอาศัยของนักศึกษาที่ทันสมัยในพื้นที่วิทยาเขตรังสิต 

นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการกำกับดูแล สนับสนุนงานด้านการตลาดการพัฒนาธุรกิจ กิจกรรม Open House ที่สร้างความตื่นเต้นและได้รับการตอบรับนักเรียนผู้สนใจเข้าศึกษาต่อ สร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ UC Berkeley SkyDeck ซึ่งเป็นศูนย์การศึกษาเรื่องการประกอบการและธุรกิจโดยเชื่อมโยงให้เกิดกิจกรรมส่งเสริมวิชาการที่จะยกระดับความเป็นนานาชาติ และสร้างความร่วมมือ พัฒนาธุรกิจร่วมกับบริษัท SkillLane จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านบทเรียนออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ประสบการณ์ทำงานธุรกิจที่หลากหลาย

นอกจากการได้เข้ามาบริหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพกว่าห้าปีอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ภูรัตน์ อธิการบดีคนปัจจุบัน ยังมีประสบการณ์ใน ‘วงการธุรกิจและการบริหาร’ มากมาย เช่น การเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนบริหารทรัพย์สินครอบครัวโอสถานุเคราะห์ มีบทบาทสำคัญในการสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การลงทุน และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) เป็นหนึ่งในคณะทำงานในการนำบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

คณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัท ไนน์ เบซิล กรุ๊ป (9 Basil Group) บริษัทเอกชนร่วมทุนระหว่างไทย-สิงคโปร์ด้านการลงทุนส่วนบุคคลชั้นนำ (Private Equity) โดยเครือได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการเงินติดล้อจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด อีกด้วย

อธิการบดี ม.กรุงเทพ คนล่าสุด ยังมีแพสชันในวงการศิลปะ ตั้งใจจะเปิดตัว DIB Bangkok พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ เพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้เป็นบิดาได้ริเริ่มขึ้น โดย ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ดำรงตำแหน่งประธานพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และมีความมุ่งมั่นจะสร้างสรรค์ศักยภาพของ DIB Bangkok ให้ทัดเทียมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก 

...

จุดยืนยุคใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

5 ปีที่ ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ได้เข้าร่วมบริหาร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้มีส่วนริเริ่มโครงการที่จะสร้างศักยภาพ ความยั่งยืน ประสบการณ์ และบรรยากาศที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพอยู่มากมาย 

อธิการบดี ม.กรุงเทพ คนใหม่ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ต้องการนำมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็น DNA ของมหาวิทยาลัย มาเป็นรากฐานในการผลักดันศักยภาพมหาวิทยาลัยสู่การเป็นผู้นำในโลกการศึกษา เน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนอย่างคล่องตัวกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์เพื่อปั้นโซลูชันใหม่ๆ แบบไร้ขีดจำกัด 

ขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัย คือ การสานต่อมหาวิทยาลัยกรุงเทพให้เป็นสถาบันการศึกษาที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์อย่างมีคุณภาพ เป็นผู้นำในการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภูมิภาค และมีความยั่งยืน พร้อมทั้งผลิตบัณฑิตที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรและสังคมเศรษฐกิจยุคใหม่ตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่วางไว้ว่า เป็นมหาวิทยาลัยการศึกษาสร้างสรรค์ มีคุณภาพและเป็นผู้นำ 

ภูรัตน์ เปิดเผยวิสัยทัศน์ในฐานะอธิการบดีคนใหม่ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพว่า “ระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก้าวขึ้นสู่สถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น Creative University แห่งแรก และเพียงแห่งเดียวของประเทศ ด้วยคุณภาพ มาตรฐาน และศักยภาพโดดเด่น ภายใต้จุดแข็งของแนวความคิดการจุดประกายการสร้างสรรค์บวกจิตวิญญาณนักธุรกิจ หรือ Creative+Entrepreneur จึงทำให้บัณฑิตของเรามีความแตกต่างจากมหาวิทยาลัยแห่งอื่นๆ” 

...

“ปัจจุบันการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ ม.กรุงเทพ ได้นำวิสัยทัศน์การบริหารงานด้วยแนวคิด ‘Think big. Make a difference. Create a limitless future.’ มาใช้เพื่อมีส่วนผลักดันให้ ม.กรุงเทพก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในโลกการศึกษา” “เราพร้อมมุ่งมั่นพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในโลกการศึกษา ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน” อธิการบดี ม.กรุงเทพ กล่าว