เปิดห้องนอน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ที่เพิ่งปรับโฉมตกแต่งเสร็จ พร้อมให้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ได้พักผ่อนนอนในบางค่ำคืนระหว่างสัปดาห์ ที่ได้ฤกษ์ล่าสุดจากซินแส คือ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2567 นี้ เรียกได้ว่าหลายอย่างพร้อมมาก เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง ลุยงานได้เต็มที่ 


อย่างที่นายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐกรุ๊ปว่า ฤกษ์งามยามดีในการเข้าพักนอนที่ห้องนอนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับคำแนะนำจากซินแสแล้วว่า เป็นวันที่ 7 มกราคม 2567 นั้น ซึ่งภารกิจสำคัญในวันดังกล่าว นายกรัฐมนตรียังมีแผนต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ พบปะพี่น้องประชาชนพอดี แต่ถึงอย่างไรก็ต้องได้เข้าพักแน่นอน เพราะภารกิจนายกรัฐมนตรีในแต่ละวันนั้นมากมาย


สถานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย นับจากนี้ จึงต่างจากที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีในอดีต เพราะห้องหนึ่งบนตึกไทยคู่ฟ้า ได้ถูกปรับโฉม ตกแต่งใหม่ จากเดิมเป็นห้องทำงานห้องหนึ่งในตึกไทยคู่ฟ้า มาเป็นห้องนอน ซึ่งนายกฯ เศรษฐา เคยบอกถึงเหตุผลในการนอนพักค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาลไว้ก่อนหน้านี้ว่า เป็นเพราะบ้านพักปัจจุบันอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ เวลาเดินทางมาทำเนียบรัฐบาล จึงผ่านเส้นทางในเมือง ทำให้กระทบต่อปัญหาการจราจร เดือดร้อนประชาชน

...


ห้องนอนในตึกไทยคู่ฟ้านี้ จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ที่สาธารณชนให้ความสนใจ นอกเหนือจากการเฝ้ามองการทำงานและผลงานตามที่ได้เคยแถลงนโยบายไว้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีรู้ดีว่าประชาชนมีความคาดหวัง จึงทุ่มเทเวลาลุยงานบริหารบ้านเมืองอย่างเต็มที่ และเป็นไปตามเป้าหมายในชีวิตที่กำหนด เมื่อตัดสินใจมาลงสนามการเมือง

ช่วงเวลาจุดเปลี่ยนของชีวิตครั้งสำคัญ จากการเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มาลงสนามการเมืองเต็มตัวนั้น นายกรัฐมนตรี เศรษฐา เปิดใจว่า ต้องคิดพิจารณาอย่างหนัก ตั้งแต่จังหวะที่ตัดสินใจเข้าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในโควตาพรรคเพื่อไทย แต่ด้วยการยึดหลัก Single purpose in life หรือจุดประสงค์เดียวในชีวิตที่คิดไว้ว่า เมื่อชีวิตส่วนตัวมีความพร้อม ก็ขอทำหน้าที่ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ดีขึ้น

เป้าหมายที่ชัดเจนของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน คือทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่พวกพ้อง
เป้าหมายที่ชัดเจนของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน คือทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่พวกพ้อง

การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนี้ ที่ไม่ใช่แค่ในแง่สถานะ หรือเงินในกระเป๋า ลดรายจ่าย สร้างโอกาส แต่มีสิทธิเสรีภาพในการเลือก ทั้งเลือกการประกอบอาชีพที่อยากจะเป็น เลือกเพศสภาพ อยากเป็นอะไรก็ได้ตามประสงค์ มีสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับอากาศสะอาด เพื่อที่ว่าเมื่อจบ 4 ปี สามารถส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้ลูกหลานได้

จุดประสงค์เดียวในชีวิตที่ชัดเจนนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เศรษฐา จึงทำงานแทบไม่มีวันหยุด และได้นอนหลักพักผ่อนคืนละ 5-7 ชั่วโมง ท่ามกลางความวิพากษ์วิจารณ์ หรือที่เจ้าตัวบอกว่า บางครั้งถูกด้อยค่า แต่ไม่ท้อ เพราะยึดหลัก Single purpose in life ดังกล่าวอย่างชัดเจน

...


ขณะเดียวกันการรีโนเวตห้องนอนที่ชั้นสองของตึกไทยคู่ฟ้า ก็ดำเนินการไปพร้อมๆ กัน จนเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2566 ห้องนอนที่ตึกไทยคู่ฟ้าตกแต่งเสร็จเรียบร้อยพอดี และนายกรัฐมนตรีได้เปิดให้ทีมข่าวไทยรัฐกรุ๊ปสำรวจ ชมห้องนอนขนาดไม่ใหญ่นักให้ดูกัน ผนังด้านหนึ่งปลายเตียงเป็นกระจกที่มองเห็นพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ตกแต่งโทนสีขาวฟ้าเป็นหลัก

ที่แขวนเสื้อผ้าไทย ในห้องนอน ที่พร้อมผลัดเปลี่ยนในการปฏิบัติหน้าที่สำคัญโอกาสต่างๆ
ที่แขวนเสื้อผ้าไทย ในห้องนอน ที่พร้อมผลัดเปลี่ยนในการปฏิบัติหน้าที่สำคัญโอกาสต่างๆ
หมวกข้าราชการ ที่ยังรอจังหวะนำมาใช้ปฏิบัติหน้าที่
หมวกข้าราชการ ที่ยังรอจังหวะนำมาใช้ปฏิบัติหน้าที่

...

ส่วนอีกมุมหนึ่งของห้องนอนมีชุดเสื้อผ้าไทยที่แขวนไว้ เพื่อให้สะดวกในการผลัดเปลี่ยนในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ 

ห้องอาบน้ำ และพื้นที่แต่งตัว
ห้องอาบน้ำ และพื้นที่แต่งตัว

ห้องถัดมาคือห้องน้ำ ที่ก่อนหน้านี้รอการปรับปรุงระบบน้ำอุ่น และขณะนี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว ส่วนห้องใกล้กันเดินไม่กี่ก้าว เป็นพื้นที่พักผ่อน ที่มีก้านไม้หอมเพื่อความสดชื่นด้วย พื้นที่ต่อเนื่องกันเป็นห้องรับประทานอาหาร 

ห้องประชุมในรูปทรงวงรี ที่กลายเป็นที่นั่งทำงานประจำ
ห้องประชุมในรูปทรงวงรี ที่กลายเป็นที่นั่งทำงานประจำ

...

ห้องที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา นั่งทำงานประจำ ในตึกไทยคู่ฟ้า
ห้องที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา นั่งทำงานประจำ ในตึกไทยคู่ฟ้า

ห้องต่างๆ เชื่อมโยงเดินถึงห้องประชุมที่อยู่มุมของตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งห้องประชุมนี้ นอกจากประชุมงานแล้ว ยังเป็นห้องทำงานประจำของนายกรัฐมนตรี เป็นห้องที่มองเห็นด้านนอกทั่วบริเวณทำเนียบรัฐบาล ส่วนเก้าอี้ที่นั่งประจำนั้นคือเก้าอี้ตัวกลางของโต๊ะรูปวงรี 

ห้องทำงานประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในตึกไทยคู่ฟ้า
ห้องทำงานประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในตึกไทยคู่ฟ้า
กระเป๋าคู่ใจ ที่อยู่ประจำกายมานานกว่า 30 ปี ในห้องทำงานประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เคยนั่งเก้าอี้นี้เพียงครั้งเดียวในรอบกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา
กระเป๋าคู่ใจ ที่อยู่ประจำกายมานานกว่า 30 ปี ในห้องทำงานประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่เคยนั่งเก้าอี้นี้เพียงครั้งเดียวในรอบกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา

ขณะที่ห้องทำงานของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เคยใช้กันมาในอดีตนั้น นายกรัฐมนตรี เศรษฐา บอกว่า เคยนั่งเพียงครั้งเดียวตอนที่โทรศัพท์คุยกับนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลเท่านั้นเอง

ภาพด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า (ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)
ภาพด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า (ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)

สำหรับประวัติความเป็นมาของตึกไทยคู่ฟ้านั้น มีข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุไว้ว่า ตึกไทยคู่ฟ้า เดิมชื่อตึกไกรสร ตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษ์รณเรศ (พระองค์เจ้าไกรสร) ต้นราชสกุล พึ่งบุญ ณ อยุธยา 

ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นอาคารประธานในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งพื้นที่เดิมของทำเนียบรัฐบาลนี้คือบ้านนรสิงห์ มีอายุประมาณ 100 กว่าปี เคยเป็นทรัพย์สินของ พลเอกเจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) ที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชทรัพย์ก่อสร้างอาคารและองค์ประกอบต่างๆ ในช่วงประมาณปี 2460 โดยตึกไทยคู่ฟ้านี้ออกแบบโดย นายมาริโอ ตามานโญ (Mario Tamagno) และ นายอันนิบาเล ริกอตติ (Annibale Rigotti) สถาปนิกชาวอิตาลี เป็นหนึ่งในคณะสถาปนิกที่ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม 

บริเวณทางเดินบนตึกไทยคู่ฟ้า
บริเวณทางเดินบนตึกไทยคู่ฟ้า

ลักษณะของตึกไทยคู่ฟ้ามีรูปแบบสถาปัตยกรรมเวเนเชียน โกธิค รีไววัล Venetian Gothic Revival ที่ตกแต่งอาคารด้วยองค์ประกอบยุคโกธิคแบบเมืองเวนิช คล้ายกับที่ Palazzo Ca’d’Oro (Golden House) โดดเด่นด้วยโดมโค้งแหลม หรูหรา ต่อมาในปี 2484 รัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ซื้อบ้านนรสิงห์จาก เจ้าพระยารามราฆพ และเปลี่ยนชื่อเป็น “ทำเนียบสามัคคีชัย” และ “ทำเนียบรัฐบาล” ส่วนตึกไกรสร เปลี่ยนชื่อเป็น “ตึกไทยคู่ฟ้า” จนถึงปัจจุบัน

ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์