นับจากโลกก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ เกือบทุกสรรพสิ่งล้วนได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงกายภาพที่เกิดจากนวัตกรรมและในเชิงแนวคิดที่เกิดจากการตระหนักรู้ถึงประเด็นต่างๆ ในสังคม จนชวนให้คนทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่หันมาให้ความใส่ใจกับเรื่องที่โลกยุคก่อนอาจจะมองข้าม เหตุนี้ภาพที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นหลังศตวรรษที่ 21 เปิดม่าน คือการรวมพลังจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไปสู่จุดที่ดีกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มีเพียงภาครัฐแต่ยังรวมไปถึงประชาชนที่ต่างมีแนวโน้มปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ไปสู่แนวทางที่สร้างสรรค์และยั่งยืน
นอกจากนั้นอีกหนึ่งภาคส่วนที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ “องค์กรเอกชน” ที่เป็นเหมือนกำลังสำคัญช่วยผลักดันให้ทุกความตั้งใจของรัฐและผู้คนเกิดขึ้นได้จริงผ่านนโยบายและโครงการต่างๆ เช่น หนึ่งในองค์กรที่มองเห็นคุณค่าของการสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อโลกทั้งเชิงสังคมและสิ่งแวดล้อมมายาวนานอย่าง “ลอรีอัล กรุ๊ป” (L’Oréal Group) บริษัทความงามระดับโลกที่ไม่ได้มุ่งส่งมอบสิ่งดีๆ ให้ลูกค้าเพียงมิติของความงามในรูปแบบทั่วไป และยังมีปณิธานยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการขับเคลื่อนความเปล่งประกายในทุกมิติเพื่อทำให้โลกใบนี้เป็นบ้านที่น่าอยู่กว่าเดิม ภายใต้ความมุ่งหมายที่ยึดมั่นไว้ว่า “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก” (CREATE THE BEAUTY THAT MOVES THE WORLD)
ยิ่งกว่าความงามล้ำสมัย คือการใส่ใจกับผู้คนและโลกทั้งใบ
ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นบริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในประเทศไทยมีแบรนด์ความงามในเครือทั้งหมด 15 แบรนด์ ได้แก่ L’Oréal Paris, Garnier, Maybelline New York, Lancôme, Biotherm, Giorgio Armani, Kiehl’s, Shu Uemura, YSL Beauty, IT Cosmetics, La Roche-Posay, Vichy, CeraVe, Kérastase และ L'Oréal Professionnel ครอบคลุมทั้งแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค, แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง, แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และ แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โดยลอรีอัล กรุ๊ปมีเป้าหมายสำคัญคือการนำเสนอความงามที่ดีที่สุดให้ตรงกับความต้องการของทุกคนทั่วโลก ทั้งในแง่ของคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความจริงใจ และความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งนี้ถูกวางไว้เป็นหัวใจหลักและมันก็ถูกต่อยอดออกไปสู่วิธีการดำเนินธุรกิจของลอรีอัลที่นอกจากจะแสวงหานวัตกรรมด้านความงามที่ล้ำสมัยที่สุด และยอดเยี่ยมที่สุดให้ผู้บริโภค กระบวนการทำงานทั้งหมดภายใต้การแสวงหาความงามเหล่านี้ยังต้องมาพร้อมกับผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนและโลกทั้งใบไปพร้อมกัน
ด้วยการที่มีหลักยึดที่แข็งแรง ลอรีอัล กรุ๊ป จึงเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีการยกระดับแนวทางดำเนินธุรกิจให้เดินหน้าควบคู่การใส่ใจสังคมได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนผ่านโครงการต่างๆ ที่เดินทางมายาวนานหลักสิบปี อาทิ วิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคิดค้นวิจัย การเก็บเกี่ยววัตถุดิบ ไปจนถึงการผลิตทั้งกระบวนการ ครอบคลุมถึงความยั่งยืนของโรงงาน อาคารสำนักงาน ศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งบริษัทเริ่มวัดผลในเชิงตัวเลขมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 นอกจากนั้นยังมีการผลักดันให้ธุรกิจกรรมความงามเคารพขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก (Planetary Boundaries) และการผลักดัน Green Science ไปจนถึง Green Chemistry เพื่อสร้างสรรค์สูตรผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ ที่ตอบทั้งโจทย์เรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ทำให้ในปัจจุบันลอรีอัล กรุ๊ป ได้กลายเป็นองค์กรที่เป็นแนวหน้าในการทำงานด้านความยั่งยืนลำดับต้นๆ ของโลก
ไม่เพียงเท่านั้น อีกมิติที่ลอรีอัล กรุ๊ป ให้ความสำคัญและมีความโดดเด่นอย่างยิ่งคือการ “ส่งเสริมคุณค่าของเพื่อนมนุษย์” ซึ่งเป็นความงามอีกรูปแบบที่ลอรีอัลมุ่งมั่นจะส่งมอบให้กับสังคม โดยลอรีอัลเชื่อมั่นว่า “คน” คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุด แม้ว่าโลกใบนี้จะประกอบสร้างจากผู้คนที่มีความหลากหลาย มีความแตกต่างทั้ง เพศ วัย สถานะ แต่กระนั้นทุกคนต่างมีความเท่าเทียมกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ ลอรีอัลจึงประกาศชัดผ่านคำกล่าวว่า “เราพยายามเป็นบริษัทที่มีความหลากหลายมากเท่าผู้บริโภคของเรา” เพื่อตอกย้ำถึงความตั้งใจที่จะไม่ทอดทิ้งใคร และพร้อมจะสนับสนุนทุกความแตกต่างอันเป็นหนึ่งในความงดงามที่ยิ่งใหญ่ของโลก
ทั้งนี้การส่งเสริมคุณค่าเพื่อนมนุษย์ของลอรีอัล ได้มีการดำเนินงานในหลายๆ ด้าน ซึ่งครอบคลุมผู้คนหลากหลายกลุ่มในสังคม ได้แก่
การให้ความสำคัญกับ DE&I เปิดกว้างโอกาสทำงานผู้คนทุกกลุ่ม
ดังที่เราต่างทราบดีว่าปัจจุบันคือยุคสมัยแห่งความหลากหลาย และเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนสามารถเผยความเป็นตัวเองได้มากที่สุดช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกๆ พื้นที่จะเปิดรับความแตกต่างตรงนี้ แต่นั่นไม่ใช่กับที่ลอรีอัล กรุ๊ป ซึ่งมีนโยบายให้ความสำคัญกับ “DE&I” (Diversity, Equity & Inclusion) หรือความเท่าเทียม และไม่แบ่งแยก โดยบริษัทมีการมุ่งเน้นใน “4 เสาหลัก” อย่างจริงจังและชัดเจน ซึ่งประกอบไปด้วย
เพศสภาพ และกลุ่มหลากหลายทางเพศ LGBTQIA+ ลอรีอัล มีการยกระดับ ปรับเปลี่ยน และเรียนรู้ร่วมกันเพื่อจะสร้างสภาพสังคมการทำงานที่เป็นมิตรกับทุกเพศสภาพ สิ่งนี้เป็นนโยบายที่ขับเคลื่อนพร้อมกันทั้งลอรีอัล กรุ๊ปทั่วโลก โดยนอกจากจะเปิดพื้นที่ให้ทุกคนแล้วก็ยังผลักดันไปถึงการสร้างความมีส่วนร่วมในการต่อต้านความรุนแรง และการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะกับเพศสภาพใดก็ตาม
ผู้มีภาวะทุพพลภาพ ลอรีอัลเชื่อมั่นว่าความทุพพลภาพไม่ได้ทำให้คุณค่าของมนุษย์ลดน้อยลง จึงมีนโยบายไม่แบ่งแยกต่อผู้พิการในบริษัท โดยได้มีการกำหนดจำนวนผู้ที่รับทำงานไว้ในทุกๆ ประเทศ พร้อมทั้งถ่ายทอดแนวคิดของการไม่แบ่งแยกไปสู่ผู้บริโภค ซัพพลายเออร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกด้วย
อายุและช่วงวัย หนึ่งในความหลากหลายที่สำคัญคือความแตกต่างของอายุ ซึ่งแต่ละช่วงวัยก็ล้วนมีจุดแข็งและมุมมองต่างกัน หากมีการนำมาใช้ในการทำงานอย่างถูกวิธีก็ย่อมจะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างสรรค์ เปี่ยมพลังบวกและมุมมองใหม่ๆ ลอรีอัลจึงมีแนวคิดส่งเสริมให้ทุกช่วงวัยสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวลอรีอัลได้อย่างเท่าเทียม โดยมีการเปิดโอกาสให้กับคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี ร่วมงานกว่า 25,000 ตำแหน่งทุกปี อีกทั้งยังมีพนักงานกว่า 13,000 คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
สถานะทางเศรษฐกิจสังคมและความหลากหลายของชาติพันธุ์ เสาหลักลำดับ 4 คือการผลักดันและส่งเสริมคุณค่าผู้คนที่มีพื้นฐานชีวิตที่แตกต่าง มุ่งสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ทุกทีมสามารถเดินหน้าไปด้วยกันได้ภายใต้ความหลากหลายของผู้คน ซึ่งสิ่งนี้จะเปิดโอกาสให้ทีมงานสามารถพัฒนาทักษะ ฝีมือ ความสามารถ เพื่อโอกาสในการเติบโตร่วมกัน
นอกจากการผลักดันภายในองค์กร ลอรีอัลยังต่อยอดความตั้งใจนี้สู่ภายนอก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่มีความหลากหลาย เสมอภาค และเท่าเทียมยิ่งกว่าที่เคย โดยได้ขับเคลื่อนผ่านโครงการต่างๆ ที่ได้คิกออฟในไทยไปแล้ว อาทิ
- STAND UP AGAINST STREET HARASSMENT โดย L’Oréal Paris ซึ่งโปรแกรมฝึกอบรมสร้างความตระหนักพร้อมเรียนรู้วิธีการรับมือและเข้าแทรกแซงอย่างถูกต้องปลอดภัยเมื่อพบเห็นเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศตามท้องถนน
- ABUSE IS NOT LOVE โดย YSL Beauty ที่มุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือนภัยของความรุนแรงในคู่รัก
- BRAVE TOGETHER โดย Maybelline New York การเปิดแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาทางใจ ให้ทุกคนเข้าถึงช่องทางรับคำปรึกษาแบบตัวต่อตัวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแบบ ผ่าน สติแอป (SATI App)
การยืดหยัดเพื่อสตรี ขับเคลื่อนโลกที่ผู้หญิงสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ
“พลังหญิง” ได้กลายเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของโลกใบนี้นับตั้งแต่การตระหนักรู้ทางสังคมเริ่มชัดเจนและเข้มข้นขึ้น ปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมากเข้าไปมีบทบาทสำคัญๆ ในสังคม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ เผยให้เห็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่าพลังหญิงคือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของอนาคต ซึ่งลอรีอัลเองได้เล็งเห็นสิ่งนี้มาเป็นระยะเวลานาน กอปรกับการเป็นแบรนด์ความงามที่ใกล้ชิดกับสุภาพสตรี การร่วม empower ผู้หญิงทั่วโลกจึงเป็นเหมือนพันธกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยลอรีอัลได้แสดงออกถึงการแสดงพลังเพื่อยืดหยัดผ่านการดำเนินงานต่างๆ จำนวนมาก ประกอบไปด้วยโครงการสร้างความตระหนักและโครงการต่อเนื่องระยะยาว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่ลอรีอัลภาคภูมิใจ อาทิ
การจัดตั้งกองทุนการกุศล L’Oréal Fund for Women สำหรับสนับสนุนกลุ่มสตรีผู้เปราะบาง โดยโครงการนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญวิกฤติโควิด-19 ซึ่งผู้หญิงกลุ่มเปราะบางเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างความตระหนักในหมู่พันธมิตร ลูกค้า และผู้บริโภคเพื่อผลักดันประเด็นเกี่ยวกับสตรีให้พัฒนามากยิ่งขึ้น โดยมีผู้หญิงได้รับการช่วยเหลือจากโครงการมากถึง 700,000 คน
ทั้งนี้โครงการ L'Oréal Fund for Women มีการจัดสรรทุนเริ่มต้นถึง มูลค่า 50 ล้านยูโร ในปี 2020-2023 และเพิ่มอีก 30 ล้านยูโรสำหรับปี 2023-2025 เพื่อสนับสนุนสตรีที่เปราะบาง ซึ่งโครงการได้มีการต่อยอดและขยายขอบเขตการให้ความช่วยเหลือไปถึงเรื่องการป้องกันความรุนแรงทางเพศ ครอบคลุมทั้งการช่วยเหลือผู้ถูกกระทำ มอบโอกาสการเข้าถึงการศึกษา จัดการอบรม รวมไปถึงมอบโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังก้าวไปไกลกว่านั้นด้วยการทำงานร่วมกับสตรีเพื่อสร้างโลกที่ครอบคลุมทุกกลุ่มมากขึ้น
โครงการทุนวิจัยลอรีอัล “เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์” (For Women in Science) โดยมูลนิธิลอรีอัลและความร่วมมือจากยูเนสโก เพื่อเป็นการส่งเสริมพลังหญิงให้มีพื้นที่มากขึ้นในวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งการมอบทุนวิจัยนี้ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และยังคงเดินหน้ามาถึงปัจจุบัน ในแต่ละปีมีนักวิจัยหญิงรุ่นใหม่ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาคได้รับทุนมากกว่า 250 คน สำหรับในประเทศไทย ลอรีอัลได้มีการมอบทุนวิจัยทุนละ 250,000 บาท ให้กับนักวิจัยสตรีที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี ในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ ลอรีอัล ประเทศไทย ได้ดำเนินงานโครงการมาเป็นปีที่ 21 โดยมีนักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการนี้รวมแล้วทั้งสิ้น 84 ท่าน จาก 20 สถาบัน
และจากการลงมือทำอย่างตั้งใจจริง ล่าสุดในปี 2022 ลอรีอัล กรุ๊ปได้สร้างพลังให้กับผู้หญิงไปแล้วกว่า 1,200,000 คน และจำนวนดังกล่าวอาจจะมากกว่าตัวเลขที่ปรากฏหลายเท่าหากมองในแง่ว่าผู้หญิงที่ได้รับการสนับสนุนเหล่านี้ได้ไปส่งต่อพลังบวกและสร้างแรงบันดาลใจมากมายแค่ไหนให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ในสังคม
การสนับสนุนผู้ขาดโอกาส สร้างคุณค่าผ่านการจัดซื้อจัดจ้าง
ไม่ว่าเราจะมองไปที่มุมใดของโลก ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเรื่องยากมากที่กลุ่มเปราะบางและผู้ขาดโอกาสจะสามารถค้นพบช่องทางสร้างอาชีพได้ง่ายๆ ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นจากหลากหลายปัจจัยรวมไปถึงค่านิยมบางอย่างที่สังคมยังไม่อาจก้าวข้าม อย่างไรก็ตามลอรีอัลที่ให้คุณค่ากับความเท่าเทียมและการไม่แบ่งแยกได้มีการผลักดันโครงการจัดซื้อจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 มีเป้าหมายคือการมอบโอกาสให้กับซัพพลายเออร์และผู้สมัครงานที่เปราะบาง เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงงานและรายได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้เข้าถึงพื้นที่ 709 แห่งใน 61 ประเทศ มีจำนวนผู้ได้รับโอกาสมากกว่า 89,093 โดยเพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2020 ถึง 7,955 คน ซึ่งมากขึ้นถึง 9.8% โดยสองในสามของผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากโครงการคือกลุ่มสตรีทั่วโลกที่ยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่องจากเหตุการณ์โควิด-19 ที่น่าสนใจคือโครงการได้รับการยอมรับอย่างสูงจากองค์กรภาครัฐและ NGO มากมาย เช่น องค์การสหประชาชาติ และได้รับการคัดเลือกเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของโครงการจัดจ้างที่ครอบคลุมไม่แบ่งแยกโดย B4IG* (Business for Inclusive Growth พันธมิตรระดับโลกที่เป็น การรวมตัวของบริษัทต่างๆ เพื่อต่อสู้กับปัญหาความไม่เท่าเทียมทางรายได้ โอกาส และภูมิศาสตร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย OECD) ไม่เพียงเท่านั้น ลอรีอัลยังพร้อมติดอาวุธเพิ่มเติมให้ผู้สนใจนำความรู้ไปต่อยอด ด้วยโครงการหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ Beauty For a Better Life โดยมีการดำเนินงานในกว่า 27 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในไทยเองก็เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2552 โดยร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ศูนย์ฝึกอาชีพ และสถาบันด้านการออกแบบทรงผมหลายแห่ง ปัจจุบัน โครงการฯ ร่วมมือกับ 65 Academy จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการไปแล้ว 361 คน และล่าสุดได้ร่วมมือกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเพื่อขยายโครงการ
จากความมุ่งหมายที่ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าต้องการ “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก” สู่การดำเนินงานเพื่อผลักดันทุกความเชื่อมั่นให้ประสบผลสำเร็จ ทำให้เราต้องยอมรับอย่างแท้จริงว่าลอรีอัลไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งแบรนด์ความงามเช่นที่หลายคนคุ้นเคยอีกแล้ว แต่ลอรีอัล กรุ๊ปเป็นหนึ่งในองค์กรตัวอย่างที่ทั้งเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและพร้อมจะเดินนำหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อเป็นเรือธงในภารกิจสรรค์สร้างโลกของเราในเวอร์ชันที่ดีกว่าและงดงามยิ่งกว่าเดิมผ่านการทำงานของทุกหน่วยงานและทุกแบรนด์ในเครือ