เมื่อครั้งที่เราเป็นเด็กต่างก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบดื่มกาแฟนัก เพราะจากที่คนในครอบครัว หรือคนรอบตัวบอกเล่ามา หรือแอบทดลองด้วยตัวเอง เครื่องดื่มนี้จะมีรสชาติขมเกินกว่าที่เด็กๆ จะเข้าถึงความอร่อย และเมื่อเด็กคนนั้นเติบโตก้าวสู่วัยทำงานก็มีโอกาสพบกับเมนูกาแฟอีกครั้ง จึงลองเปิดใจสัมผัสรสชาติที่เคยขมในวันวาน ลองพิสูจน์ให้รู้ไปเลยว่ารสชาติที่เคยคิดมันยังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่ เมื่อลองแล้วจึงได้รู้ว่ารสชาติของกาแฟมีก็เสน่ห์บางอย่างที่ชวนหลงใหล และกว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็ดันตกหลุมรักเมนูกาแฟจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

ด้วยกลิ่นหอมกรุ่นชวนหลงใหลที่ช่วยปลุกให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว จึงไม่แปลกใจที่กาแฟจะกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก องค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization: ICO) จึงจัดตั้งวันพิเศษขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า “วันกาแฟสากล” (International Coffee Day) ที่ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองมิลานในประเทศอิตาลี หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันดีว่าดินแดนแห่งต้นกำเนิดชื่อกาแฟนานาชนิด เพื่อให้เหล่าคอกาแฟและผู้รักการดื่มกาแฟได้ร่วมเฉลิมฉลอง ส่งเสริม และเชิดชูเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟทั่วทุกดินแดน

เมื่อวันพิเศษที่คนรักกาแฟวนมาถึง เนสท์เล่ เจ้าของเนสกาแฟ จึงจัดอีเวนต์ NESCAFÉ Day ขึ้นมาด้วยแนวคิด ‘ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน’ เพื่อฉลองให้กับวันกาแฟสากล และให้คอฟฟี่เลิฟเวอร์ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้สร้างความยั่งยืนตามหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) ที่เนสกาแฟได้นำมาปรับใช้ในสวนกาแฟ พร้อมกับจัดนิทรรศการสวนกาแฟจำลองใน Glass House ขนาดใหญ่ที่เนรมิตบรรยากาศสวนกาแฟมาไว้กลางเมืองเป็นครั้งแรก ที่ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน

นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้เหล่าคนรักกาแฟได้ดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดีที่คาเฟ่สไตล์รักษ์โลก และยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ กับแก้วยักษ์แดงให้ผู้คนได้เก็บภาพความประทับใจ รวมถึงยังมีกิจกรรม NESCAFÉ Meet & Plant ที่ยกขบวนพรีเซนเตอร์และดาราคนดังมาไว้ที่งาน ทั้ง ณเดชน์ คูกิมิยะ, กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์, ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร, หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย และ แจม รชตะ หัมพานนท์ โดยเซเลบริตี้เหล่านี้จะมาแชร์เคล็ดลับในการส่งต่อความยั่งยืนให้กับโลก พร้อมบอกเล่าถึงบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกของเนสกาแฟ และร่วมกันปลูกต้นไม้กับแฟนคลับในงานนี้อีกด้วย

นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับงาน NESCAFÉ Day ว่า “กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูในโครงการ ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ โดยมีเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการกาแฟในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050”

นางสาวศรีประภา จิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้สร้างความยั่งยืนในครั้งนี้ว่า “เราจะนำต้นไม้ไปปลูกที่บริเวณสวนกาแฟในจังหวัดชุมพร พร้อมส่งมอบต้นไม้ส่วนหนึ่งให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดความยั่งยืนและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในอีกหลายๆ จังหวัดในประเทศไทย”

ผลักดันการเกษตรเชิงฟื้นฟูสู่กาแฟคุณภาพ

การเกษตรเชิงฟื้นฟูนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม และจุดเริ่มต้นในการทำกาแฟของเนสกาแฟมาจากวัตถุดิบอย่างเมล็ดกาแฟที่ปลูกอย่างยั่งยืนด้วยความทุ่มเทของเกษตรกรไทย จึงทำให้ เนสท์เล่ เป็นผู้ริเริ่มส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟู ซึ่งเป็นการทำเกษตรกรรมแนวใหม่ที่ส่งเสริมการปลูกกาแฟควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และยังเป็นหัวใจหลักของ ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ โครงการด้านความยั่งยืนระดับโลกที่เนสท์เล่มุ่งส่งเสริมและให้ความรู้กับเกษตรกรไทยมานานหลายทศวรรษ รวมถึงเมล็ดกาแฟทุกเมล็ดที่รับซื้อมาจากเกษตรกรเพื่อนำมาผลิตเป็นเนสกาแฟ ก็ยังได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกอย่างยั่งยืนในระดับโลก หรือที่เรียกว่า 4C 100%

โดยหัวใจหลักของการเกษตรเชิงฟื้นฟูจะมุ่งเน้นไปที่ “ปกป้อง ทดแทน ฟื้นฟู” เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกกาแฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งดินและน้ำ ทั้งการส่งเสริมให้ปลูกพืชคลุมดิน การป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน และการนำเศษวัสดุเหลือทิ้งในฟาร์มกลับมาทำเป็นปุ๋ยหมัก นอกจากนี้เนสกาแฟยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชหลากชนิดเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และยังเป็นการเสริมรายได้ให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า

นอกจากนี้การทำการเกษตรเชิงฟื้นฟูยังสร้างคุณค่าให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทยกลายเป็น Triple Win+ เพื่อโลก เพื่อเราทุกคน โดย Win แรกในที่นี้คือความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางอาหารผ่านการสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่มั่นคงและเพียงพอ ส่วนใน Win ที่สองคือการดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่ยั่งยืนจากการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เพื่อให้มีความพร้อมด้านการรับมือกับภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และ Win สุดท้ายคือการสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภค ด้วยการส่งมอบกาแฟคุณภาพจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อให้คอกาแฟชาวไทยและคนรุ่นถัดไปได้สัมผัสรสชาติความอร่อยที่มาจากความทุ่มเทของเกษตรกรชาวไทย

มุ่งสู่เป้าหมายในการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก

ด้วยความเชี่ยวชาญและขนาดธุรกิจของเนสท์เล่ จึงทำให้บริษัทสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของเนสกาแฟให้มีความยั่งยืน ด้วยการนำพลาสติก Mono Structure มาออกแบบเป็นบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ขณะที่เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มทั้งหมดก็เปลี่ยนมาเป็นกระป๋องอะลูมิเนียมที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้เช่นเดียวกัน และยังมีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษในกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาลทราย เพื่อทดแทนการใช้พลาสติกในการผลิตบรรจุภัณฑ์

นายธนธร พันพานิชย์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้กล่าวเกี่ยวกับเป้าหมายในการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกครั้งนี้ว่า “เนสกาแฟมุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืน ทั้งหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูและใส่ใจในเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยเนสกาแฟทุก ๆ แก้วที่คุณดื่มจะมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี เพราะเบื้องหลังในการสร้างกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟมาจากความทุ่มเทของเกษตรกรชาวไทย”

เคล็ดลับที่ทุกคนทำได้ เพื่อส่งต่อความยั่งยืนให้กับโลก

ปีนี้เนสกาแฟได้เปิดโอกาสให้คอกาแฟได้เข้ามาร่วมดื่มด่ำกาแฟคุณภาพจากสวนที่ปลูกอย่างยั่งยืนในคาเฟ่สไตล์รักษ์โลกที่งาน NESCAFÉ Day โดยมีทีมพรีเซนเตอร์นำทัพโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ, กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒน์พงษ์, ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร, หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย และแจม-รชตะ หัมพานนท์ ที่มาพูดคุยถึงเรื่องราวกาแฟและความยั่งยืนด้านต่างๆ ของเนสกาแฟ พร้อมแชร์เคล็ดลับในการส่งต่อความยั่งยืนให้กับโลก รวมถึงบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ในการผลิตบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และยังมีกิจกรรมปลูกต้นไม้สร้างความยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเกษตรเชิงฟื้นฟูที่จะช่วยสร้างความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยต้นไม้ทุกต้นที่นำมาปลูกภายในงานล้วนเป็นต้นไม้ที่สามารถคลุมดิน กักเก็บความชื้น และช่วยดูดซับคาร์บอน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมปักป้ายชื่อในกระถางปลูกต้นไม้ที่สามารถนำไปถ่ายภาพเก๋ ๆ กับแก้วแดงยักษ์ได้อีกด้วย

ณเดชน์ คูกิมิยะ ได้เปิดเผยเคล็ดลับในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกว่า “ผมว่าสิ่งที่ใกล้ตัวและทุกคนทุกบ้านสามารถทำได้ก็คือการแยกขยะ โดยหลักการง่าย ๆ ของผมก็คือแยกประเภท และไม่ทิ้งเศษอาหารไปปะปนกับขยะอื่น ๆ เพราะถ้าเราแยก บรรจุภัณฑ์จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้ ซึ่งมันจะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้าน้อยลง และลดการปล่อยของเสียสู่โลก นอกจากนั้นจะเน้นเลือกใช้สินค้าบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกอย่างเนสกาแฟที่มีโลโกคำว่าฉันรีไซเคิลได้”

กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒน์พงษ์ ได้กล่าวเสริมว่า “การปลูกต้นไม้ก็เป็นการส่งต่อความยั่งยืนให้กับโลก ซึ่งมันอาจจะฟังดูเบสิก แต่ความจริงแล้วคือการเพิ่มการดูดซับคาร์บอน และสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและระบบนิเวศที่สมบูรณ์”

ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมมองว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ เพราะต่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกันก็จะสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนได้ ซึ่งผมให้ความสำคัญในเรื่องการลงมือทำ และยิ่งถ้าเราทำพร้อมกัน ทำทุกคน มันก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะความยั่งยืนนั้นไม่สามารถเกิดจากคนคนเดียวได้ และวันที่ผมว่างจากการถ่ายละคร เวลาจะออกไปไหนก็จะเดินชิลล์ ๆ หรือใช้บริการรถไฟฟ้า หรือใช้รถตู้นั่งไปด้วยกันหลาย ๆ คน ซึ่งเป็นการใช้ Car Pool ที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดโลกรวนได้”

หนุ่ม กรรชัย ยังกล่าวเสริมว่า “งานเนสกาแฟเดย์ ในปีนี้ มีความพิเศษในเรื่องของความยั่งยืน รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เข้ามาอยู่ในครอบครัวนี้ เพราะเป็นแบรนด์ที่ทำเพื่อความยั่งยืนจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด อย่างกระป๋องเนสกาแฟผลิตจากอะลูมิเนียมช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 95 % เมื่อเทียบกับการใช้อะลูมิเนียมใหม่มาทำบรรจุภัณฑ์ ทั้งหมดนี่คือ circle ที่นำไปสู่ความยั่งยืนครับ”

แจม รชตะ ได้บอกเพิ่มเติมว่า “รู้สึกว้าวมากที่รู้ว่ากระป๋องอะลูมิเนียมของเนสกาแฟกระป๋องสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งเป็นความใส่ใจของเนสกาแฟที่สามารถสร้างความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง และทุกคนก็มีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ เพียงดื่มด่ำกับกาแฟคุณภาพแก้วโปรดอย่างเนสกาแฟที่มาจากความทุ่มเทในการทำการเกษตรเชิงฟื้นฟูของเกษตรกรชาวไทย และใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพียงแค่นี้คุณก็มีส่วนฟื้นฟูดูแลโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นได้ มาร่วม #ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน ในวันกาแฟสากลปีนี้กันเถอะ”

งาน NESCAFÉ Day เป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ที่อยากชวนคอกาแฟทั้งหลายมาลองสัมผัสบรรยากาศ เพราะนอกจากจะเปิดโอกาสให้คอฟฟี่เลิฟเวอร์ได้ร่วมดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดีจากสวนที่ปลูกอย่างยั่งยืนของเกษตรกรชาวไทย ยังมีเรื่องราวของความยั่งยืนมาแชร์ ทั้งการปรับเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และกิจกรรมร่วมปลูกต้นไม้เพื่อส่งต่อความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพให้กับการเกษตรเชิงฟื้นฟู