“ผมมาจากศูนย์ ผมไม่ลืมวันแรกที่ผมเคยจน นี่คือชีวิตผมจริงๆ เวลาเจอใครที่เริ่มเล่นพระ ผมจะให้กำลังใจและส่งเสริมให้เขาหัดดูพระให้เก่ง มันเป็นอาชีพได้ ผมจะยินดีกับทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ถามว่าทำไมผมถึงกล้าบ้าบิ่น ผมคิดเสมอว่าต่อให้แพ้ 5 ครั้ง 10 ครั้ง ผมก็ไม่กลัว เพราะผมมาจากศูนย์ ฉะนั้นวันนี้มันคือกำไรทั้งหมด”...นี่คือตัวตนสุดเรียลของเซียนพระชื่อดังระดับประเทศ “อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย” หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” ต้นแบบของนักสู้กัดไม่ปล่อย!!

เป็นเซียนพระ เซียนหุ้น หรือเซียนกระเพาะปลา อะไรยากกว่ากัน

เล่นหุ้นยากกว่าเยอะ ไม่เหมือนหยิบพระหรือกระเพาะปลาขึ้นมา เรารู้เลยว่าแบบนี้ขายได้ 30 ล้านบาทแน่ๆ เพราะเราเคยขายมาก่อน เรารู้ว่าลักษณะมันเป็นแบบนี้ สีสันแบบนี้ น้ำหนักแบบนี้ขายได้แน่ๆ แต่วงการหุ้นมันไม่ใช่ ต้นปีพอร์ตผมกำไร 100 กว่าล้านบาท แต่ตอนนี้ขาดทุน 300 ล้านบาท ใครจะรู้ว่าหุ้นมันจะลงเอาๆ หุ้นมันเหวี่ยงทุกนาทีที่เปิดตลาด มันจึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง

...

จากเด็กเกเรติดเกม พลิกชีวิตเป็นเซียนพระได้อย่างไร

ตอน 4 ขวบ พ่อแม่แยกทางกัน ผมอาศัยอยู่กับแม่ โดยแม่ทำธุรกิจโรงงานเย็บผ้า แต่ดันเจ๊งต้องหนีไปพักหนึ่ง ผมย้ายมาอยู่บ้านน้าชาย ช่วงนั้นติดเกมหนัก แต่มาหักเหตอนบวชเณร ภาคฤดูร้อน อายุ 13 ปี เพื่อนที่บวชเณรด้วยกันชอบสะสมพระเครื่อง เป็นที่มาให้ผมสนใจพระเครื่อง หลังจากสึกผมไปรื้อพระที่บ้านอากง ในกองนั้นมีพระสมเด็จองค์หนึ่งเหมือนในหนังสือพระที่เคยอ่าน เขียนว่าองค์ละ 1 ล้านบาท เราเชื่อว่าของอากงแท้ เลยซื้อกล้องมาส่องใหญ่ และตัดสินใจกำพระไปท่าพระจันทร์ พวกเซียนพระเรียกใหญ่น้องมีพระอะไร ตีมาเลยจะขายเท่าไหร่ สักพักคนมามุงใหญ่ ผมกลัวแล้วไงเลยบอกพี่ผมขอพระคืน มันก็ไม่คืน ถามว่าแสนหนึ่งมึงขายไหม...เราส่ายหน้า แล้วห้าแสนมึงขายไหม ...ผมบอกขายครับ เท่านั้นแหละมันไล่เลยบอกน้องไปเล่นที่อื่นไปอย่าเกะกะหน้าร้าน คนหัวเราะกันใหญ่ ผมแค้นมาก!! เราส่องมาทั้งเดือนดูทุกวัน เสียใจมาก!! เลยฮึดสู้ว่าต้องเป็นเซียนพระให้ได้ และถ้าวันหนึ่งเรามีความสามารถจะไม่ทำแบบมัน

ฮึดสู้ขนาดไหนกว่าจะเข้าใกล้คำว่าเซียนพระ

ผมรับจ๊อบทุกอย่างเก็บตังค์ซื้อหนังสือพระ นั่งอ่านมันทั้งวันทั้งคืน แต่เช่าพระองค์แรกก็เจอเก๊นะ เช่ามา 100 บาท ถามพี่รับประกันได้ไหมว่าแท้ จ่ายเงินเสร็จกำพระวิ่งไปถามในตลาดท่าพระจันทร์ เขาบอกว่าเก๊ ผมวิ่งกลับมาคืนมัน ปรากฏเก็บเสื่อหนีแล้ว ตอนนั้นโดนหลอกเยอะมากจนคิดเลิกเล่น ตรุษจีนได้เงินแต๊ะเอีย 1,800 บาท ตั้งใจซื้อพระแท้ๆให้ได้สักองค์ แล้วจะเลิกเล่นขาด มีอยู่วันไปเดินตลาดท่าพระจันทร์เข้าไปร้านเหมาชัย ถามพี่หลวงปู่โต๊ะองค์นี้เท่าไหร่ เขามองหน้าผม บอกเอามึง 1,800 บาท สุดท้ายลดเหลือ 1,500 บาท ผมบอกพี่นี่มันเงินทั้งชีวิตของผมช่วยรับประกันได้ไหมว่าเป็นพระแท้ เขาบอกมึงซื้อกู 1,500 บาท มึงเอามาคืนกูได้ 1,500 บาทตลอดเวลา ผมเอาไปให้ร้านปากซอยแถวบ้านดู เขาบอกมึงมีพระแท้ด้วยเหรอวะ มึงเอาเท่าไหร่บอกมา ขายได้ 1,800 บาท กำไร 300 บาท หลังจากนั้นผมกลับไปร้านเดิมขอดูพระเพิ่มเรื่อยๆ เฮียเหมาชวนว่าชอบเล่นพระเหรอ มึงมาอยู่ร้านกูไหม มีหน้าที่เช็ดตู้ ใช้อะไรก็ไปทำจะให้วันละร้อย ผมบอกเฮียครับผมไม่เอาเงินได้ไหม ขอดูพระในตู้ก็พอ คราวนี้โดดเรียนไปทุกวัน แต่เขาไม่เคยให้ดูพระสักองค์!! ระหว่างเช็ดตู้ร้านนี้ ผมก็ไปเช็ดตู้ร้านอื่นๆด้วย ตอนนั้นเป็นเบ๊ท่าพระจันทร์ แม่ด่าผมมากเป็นห่วงกลัวติดยา เตือนอย่าไปเล่นพระเลยโดนเขาหลอกเปล่าๆ แต่ผมมุ่งมั่นจะเป็นเซียนพระ จบ ม.3 มีสตางค์ 9,000 บาท มีอยู่วันผมได้พระชัยไตรภพทุน 2,500 บาท เอาไปให้เฮียดู เฮียถามมึงเอาเท่าไหร่ ผมบอกเช่ามา 4,500 บาท เฮียให้ผม 4,700 บาท สักพักเฮียโทร.หาลูกค้าบอกมีพระสวย ราคา 17,000 บาท ลูกค้าต่อ 15,500 บาท ขายเสร็จเฮียพูดใส่หน้าผมพระมันอยู่ที่ทางโว้ย!! ตอนนั้นผมงอนไม่มาตลาดนี้เป็นเดือนๆ คอยดูกูจะเป็นเซียนพระโดยไม่อยู่ท่าพระจันทร์

...

หลังจากโดนหลอกมานาน เริ่มจับทางได้ตอนไหน

 ผมเปลี่ยนไปเดินงานประกวดพระ เช่าร้านนี้ปล่อยร้านโน้น หมุนจากทุน 9,000 บาท ทำให้รู้ว่าหน้าที่ของเราคือต้องหาพระแท้ให้ได้ เมื่อปล่อยได้คือกำไร ทุกงานผมจะได้พระเป็นถุง จบ ปวช.มีเงิน 200,000 บาท รู้แล้วว่าเราต้องมาทางนี้ มันคืออาชีพของเรา ผมย้ายมาเรียนรอบค่ำ ส่วนตอนเช้าตระเวนไปตามงานประกวดพระ เพื่อหาพระมาปล่อยที่ท่าพระจันทร์ตอนบ่ายๆ จุดเปลี่ยนคือตอนเดินงานประกวดพระที่ลพบุรี ไปถึงตีห้าต้องใช้ไฟฉายส่องพระ ผมเจอพระองค์หนึ่งน่าสงสัย เขาจะขายพันหนึ่ง ผมต่อ 300 บาท พอ 8 โมงเช้าสว่างแล้วหยิบขึ้นมาส่องปรากฏเป็นพระวัดปากน้ำ รุ่นแรก ผมปล่อยต่อได้ 155,000 บาท รู้แล้วว่าแค่เราดูพระเป็นเราหากินที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพระองค์นี้เคยอยู่กับใคร ตั้งแต่นั้นผมสัญญากับตัวเองว่าคนทั้งประเทศจะต้องรู้จักชื่อ “บอย ท่าพระจันทร์” ผมเดินเส้นทางนี้ตั้งแต่ 14 แต่เพิ่งมาดังตอนอายุ 29 คิดดูวันแรกที่เล่นพระ หนังสือพระยังไม่มีเลย ต้องไปยืนอ่านตามแผงหน้าวัดโพธินิมิตร เพราะไม่มีสตางค์ซื้อ

...

มีกรุพระหลายร้อยล้าน ทำไมหันมาสนใจเป็นเซียนหุ้น

 เริ่มจากได้หุ้น IPO ตัวหนึ่ง เปิดเทรดวันแรกกำไร 1 ล้านบาท ทำไมเงินหาง่ายขนาดนี้ ผมจึงเริ่มสนใจหุ้น ลงทุนตั้งแต่ปี 2556 วันที่เข้าตลาดดัชนีอยู่ที่ 1,550 จุด และไม่เคยวิ่งขึ้นเลย หุ้นในพอร์ตติดลบกว่า 60% ขาดทุนเกือบ 40 ล้านบาท เละเทะเจ๊งเลย!! ปรึกษาพี่ป๋องแนะนำให้เรียนกราฟเทคนิคจะได้มีวิชา แต่มาเจอเหตุการณ์ประท้วงหุ้นดิ่งหนัก เลยเจ๊งอีก!! วนเวียนกับการเล่นหุ้นแบบไม่รู้แนวทางอยู่ 5 ปี เสียหายหลายร้อยล้าน กระทั่งปีที่ 6 จากขาดทุนเริ่มมีกำไร ตอนที่ขาดทุนหนักๆคือผมเอาเงินทั้งชีวิตมาเล่น ช่วงโควิดขาดทุนไป 300-400 ล้านบาท ผมเล่นหุ้นด้วยทุน 500-600 ล้านบาท แต่กู้มาร์จิ้น 400 ล้านบาท อัดเต็มข้อเลย ที่ตลกคือก่อนโควิดหมอดูทักว่าหลังวันเกิดคุณบอยดวงจะดีมากๆ หุ้นที่ถือจะขึ้นแรงมาก ต้นปีนั้นผมกำไรหุ้นตัวหนึ่งอยู่ร้อยล้าน แต่ถึงวันเกิดผมโควิดเข้าพอดี หุ้นร่วงยกแผง จนมาร์เกตติ้งเตือนต้องหาเงินมาเติมไม่งั้นโดนมาร์จินคอล ผมขาดทุนเละเทะ ต้องกัดฟันขายหุ้นทุกตัวเหลือแค่ JMART กับ JMT เพื่อเอาเงินมาอุดมาร์จิ้น แต่มันก็ยังไม่พอ สุดท้ายต้องเอาพระมาไลฟ์สดขาย บอกตัวเองว่าต้องนอนให้หลับ เพราะวันพรุ่งนี้ต้องสู้ต่อ ตอนนั้นอะไรที่ขายได้ผมขายหมด ถึงขนาดจะขอยืมเงิน 60 ล้านบาท ที่กันไว้ให้ลูกๆและครอบครัว มากู้พอร์ตก่อน แต่แฟนให้สติว่าถ้าซื้อแล้วหุ้นไม่ขึ้นก็เท่ากับหมดตัวนะ สภาพตอนนั้นกูเลยคำว่าเครียดแล้ว มันไม่รู้แล้วว่าชีวิตจะเอายังไงต่อ แต่สุดท้าย JMART กับ JMT ก็ฟื้น ผมกลับมามีกำไร 400-500 ล้านบาท พอร์ตโตเป็นพันล้าน

...

สไตล์การเล่นหุ้นของบอยเป็นแบบไหน

ผมเล่นหุ้นไม่เคยกลัวแพง ยิ่งแพงยิ่งต้องซื้อ เพราะมันเป็นของดี ถ้าถูกอันนี้ผิดปกติ ผมกลัวอย่างเดียวคือไม่ได้กำไร สมัยก่อนติกเกอร์ไหลมาผัวกราฟสวยยิงตู้มเลย เป็นนิสัยนักเทรดเต็มตัว ปี 2021 ผมเทรดไป 7.7 หมื่นล้าน ปีที่แล้วเทรด 4.4 หมื่นล้าน แต่ปีนี้เทรดเหลือแค่ 8 พันล้าน วันนี้ผมไม่อยากซิ่งแล้ว ตั้งแต่ต้นปีโดนไป 300 ล้านบาท ทุกวันนี้เล่นหุ้นให้รวยจริงมันต้องถือยาว ไม่ใช่เทรดปุ้งปั้งๆ สมัยเล่นพระใหม่ๆโดนหลอกให้เช่าพระเก๊ พอมาเล่นหุ้นก็โดนหลอกว่าหุ้นจะวิ่ง สำหรับผมวงการหุ้นน่ากลัวกว่าวงการพระ เพราะวงการพระเวลาเช่าจะรับประกัน แต่วงการหุ้นไม่มีใครรับประกันให้ใครได้

จับกระเพาะปลาก็ดังเปรี้ยงปร้าง เคล็ดลับอยู่ตรงไหน

ผมสนใจกระเพาะปลาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนเกิดโควิดใหม่ๆ มีรุ่นพี่ชอบเล่นพระ แล้วจู่ๆมาเล่นของเก่าและกระเพาะปลา ตอนแรกคิดว่าพี่เขาเพี้ยนไปแล้ว แต่พอลองไลฟ์สดกระเพาะปลา มีคนส่งรูปมาเต็มเลย (ทาง LINE : @boy333999, FB : บอย ท่าพระจันทร์ FC, Tiktok : boythaprachan และYoutube : บอยท่าพระจันทร์ FC [official]) ราคาตลาดกิโลละ 7,000 บาท ผมให้ 13,000 บาท รับซื้อหมดจนมีเป็นร้อยกิโล ทำแบบนี้เพราะผมเชื่อว่าเงินไม่กี่ล้านแต่สามารถสร้างหน้าเสื่อให้คนรู้ว่าเฮ้ยกระเพาะปลามันอะไรวะ คราวนี้ผมขึ้นเฟซบุ๊กเลยรับซื้อกิโลละ 7 ล้านบาท!! หลังเล่นกระเพาะปลามา 2 เดือน เจอแต่ตัวถูกๆ ในที่สุดกิมจี๊ตัวแรกก็มาหาผมวันที่ 8 เมษายน 2020 ผมเห็นปุ๊บนี่มันกิมจี๊แน่ๆ เพราะไม่เหมือนทุกตัวที่เรามี หลังจากนั้นผมซื้อได้อีก 7 ตัว จนถึงวันนี้ผ่านกิมจี๊มา 54 ตัว ผมจะทำยังไงก็ได้ให้คนไปรื้อห้องเก็บของเพื่อหากระเพาะปลา ตั้งแต่เล่นกระเพาะปลา มันส์สุดคือตอนได้กิมจี๊จากคนงานก่อสร้างคนหนึ่ง เขาได้มาตอนไปรื้อบ้านคนเมื่อ 20 ปีก่อน นัดกันที่ลานจอดรถบิ๊กซี เขาขับรถกระบะมา เอากระเพาะปลาห่อกระดาษซ่อนในถังสี ผมเห็นปั๊บบอกไปธนาคารกันจะโอนเงินให้ 10 ล้านบาท เขาถามแล้วถามอีกคุณบอยไม่ได้หลอกผมใช่ไหม ผมได้เงิน 10 ล้านจริงๆใช่ไหม เพราะอีก 3 ร้านให้ราคาผมแค่ 3 หมื่น 4 หมื่น และ 4 หมื่นห้า

กราฟชีวิตของบอยตอนนี้เป็นทรงอะไร

กราฟผมยังอยู่ข้างล่างอยู่เลย ผมไม่มีจุดต่ำสุดในชีวิต เพราะเกิดมาชีวิตก็ต่ำสุดแล้ว ผมเกิดมาจากศูนย์ ฉะนั้นวันนี้มันคือกำไรทั้งหมด ถามว่าบอยวันนี้อยู่จุดสูงสุดหรือยัง ถ้าถามผมนี่เพิ่งเริ่มต้นเอง ผมรู้สึกว่าวันนี้กับวันแรกที่เข้ามาเล่นพระ เล่นหุ้น เล่นกระเพาะปลา วันนี้ความสามารถเราต่างจากเดิมเยอะมาก เรายังมีอะไรให้พัฒนาอีกเยอะ ฝากบอกทุกคนว่าหาก “บอย ท่าพระจันทร์” มาถึงจุดนี้ได้ เพื่อนๆก็ต้องทำได้ เพราะชีวิตคนเราจะประสบความสำเร็จได้ล้วนเกิดจากความตั้งใจ และความพยายามที่มากพอ.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ