เปิดประวัติ ภูริต ภิรมย์ภักดี ทายาทสิงห์รุ่นที่ 4 ขึ้นแท่น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด คนใหม่แทน จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

ภูริต ภิรมย์ภักดี หรือเต้ เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2520 ปัจจุบันอายุ 45 ปี เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลภิรมย์ภักดี ผู้ผลิตเบียร์รายแรกของประเทศไทย เป็นบุตรชายคนโตของ สันติ - อรุณี ภิรมย์ภักดี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตประสานมิตรถึงมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากนั้นบินไปสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาต่อระดับไฮสคูล ที่ Wilbraham Monson Academy ถึงเกรด 12 และจบปริญญาตรีด้าน Business Management จากมหาวิทยาลัย Bentley College เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจบการศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ภูริต ได้เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวครั้งแรกในตำแหน่งพนักงานดูแลถังเบียร์และออกไปศึกษาด้านการปรุงและการผลิตเบียร์ Master of Brewing ที่ Doemens Institute of Technology ซึ่งเป็นสถาบันสอนด้านการปรุงเบียร์ที่เก่าแก่ของเยอรมนี และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับระดับโลก ถือเป็น Brewmaster คนที่ 3 ของตระกูลภิรมย์ภักดี ต่อจากคุณปู่ ประจวบ ภิรมย์ภักดี ซึ่งเป็น Brewmaster ไทยคนแรก และปิยะ ภิรมย์ภักดี ผู้เป็นลุง หลังสำเร็จการศึกษาภูริตเดินทางกลับประเทศไทยและเลือกฝึกงานกับบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ (ประเทศไทย) เพื่อเรียนรู้งานด้านโฆษณาและการตลาด ก่อนจะเข้ามาทำงานด้านการตลาดที่บุญรอดฯ อีกสักระยะ แล้วจึงศึกษาต่อระดับปริญญาโททางธุรกิจ Master of Business Administration และ Marketing and Entrepreneurship Major ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปี 2547 ภูริตเข้าทำงานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด อย่างเต็มตัวในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มนอนแอลกอลฮอล์ และถือเป็นเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีแนวทางการทำงานเชิงรุก การอยู่ในตำแหน่งการพัฒนาธุรกิจ กระทั่งปี 2553 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับสินค้าในเครือของบุญรอดบริวเวอรี่ ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

...

นอกจากดูแลธุรกิจแอลลกอฮอล์ซึ่งเป็นสินค้าหลักของตระกูลแล้ว ภูริตยังรุกตลาดกลุ่มนอนแอลกอลฮอล์อีกด้วย
นอกจากดูแลธุรกิจแอลลกอฮอล์ซึ่งเป็นสินค้าหลักของตระกูลแล้ว ภูริตยังรุกตลาดกลุ่มนอนแอลกอลฮอล์อีกด้วย

นอกจากผลงานที่สร้างความสำเร็จให้กับสินค้าหลัก ได้แก่ เบียร์ โซดา น้ำดื่ม แล้ว ภูริตยังสร้างผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ เช่น สาหร่ายมาชิตะ น้ำแร่เพอร์รา รวมทั้งเป็นบุคคลสำคัญในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลายให้กับบริษัทฯ อาทิ บริษัท มารุเซ็น ที จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวญี่ปุ่น ของประเทศญีปุ่นและส่งออกไปในหลายประเทศทั่วโลก, บริษัท ซังโกะ เซกะ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมอบกรอบ และบริษัท เค เจ ซี อินเตอร์ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตสาหร่ายจากประเทศเกาหลี ในปี 2561 ภูริตยังเป็นกำลังหลักในการจัดตั้งบริษัท Singha Ventures ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุน หรือ CVC (Corporate Venture Capital) ในธุรกิจ Start Up ทั่วโลก โดยภูริตรับผิดชอบในด้านการบริหารองค์กร ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร

นอกจากบทบาทนักธุรกิจแล้ว ภูริต ยังสวมบทบาทในวงการบันเทิงด้วยการเป็นนักร้องนำให้กับวงกรุงเทพมาราธอน มีผลงานออกมาแล้วสองอัลบั้ม คืออัลบั้ม The Winner และอัลบั้ม 7912 ภายใต้สังกัด สไปซี่ ดิสก์ (SPICY DISC) โดยมีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักและติดหูคนฟังหลายเพลงด้วยกัน เช่น หากความรักฟังอยู่ เพลงประกอบละคร บันไดดอกรัก (พ.ศ. 2554), เมื่อไหร่จะได้พบเธอ เพลงประกอบละคร พรพรหมอลเวง (พ.ศ. 2556) เป็นต้น

การได้เล่นกีฬาเอกซ์ตรีม คือหนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่ภูริตชื่นชอบ
การได้เล่นกีฬาเอกซ์ตรีม คือหนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่ภูริตชื่นชอบ

ด้านไลฟ์สไตล์ ภูริต ชื่นชอบการเล่นกีฬาเอกซ์ตรีมอย่าง การแข่งรถยนต์, สโนว์บอร์ด, มวยไทย ซึ่งเขาได้ลงแข่งรถยนต์ในหลายรายการตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน สามารถคว้าแชมป์หลายรายการทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับชีวิตส่วนตัว ภูริต แต่งงานกับ ตอง - นิสามณี ภิรมย์ภักดี มีลูกด้วยกัน 2 คน ชื่อ เด็กหญิง นิษา ภิรมย์ภักดี และ เด็กชาย ณกฤศ (สิงห์) ภิรมย์ภักดี ปัจจุบันเขาได้ขึ้นแท่นตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด แทนจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ผู้เป็นอา ที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565

...